ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 6 คนสองคนที่ขัดแย้งกันกะทันหัน
เวลานั้นเอง เลือดทั่วกายพลันไหลมากองรวมกันทั่วศีรษะ!
เชอร์รีนริมฝีปากแห้งผาก แก้มเป็นประกายแดงก่ำ มีชีวิตชีวาราวกับหยดเลือด
นี่……นี่……นี่มันเรื่องอะไรกัน……
ได้สติกลับมา ความคิดเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!
ทว่า ตอนที่เธอหันกลับไปไม่ได้ระวังเท้าเลย “ตึง” ถังขยะกระทบพื้นจนเกิดเสียงดัง
เชอร์รีนหน้าถอดสี แข็งเป็นหินอยู่กับที่!
ในเวลานี้ จู่ๆ เสียงของเลอแปงก็ดังมา “พี่ใหญ่ มีของอะไรดังหรือเปล่า”
“ถ้าอยู่เงียบๆ ไม่ได้ ก็ไสหัวออกไปเลย……”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นมาในทันทีนั้นทั้งต่ำทั้งหนัก
เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งและรู้สึกว่า เหมือน…..เหมือน……เหมือนว่าที่อยู่ข้างในมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้น
จากความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น เธอข้ามธรณีประตู ย่างก้าวแผ่วเบาเดินไปข้างหน้า
ทันทีที่เข้ามาในห้องนั่งเล่น จอ LCD ขนาดใหญ่ที่ผนังฝั่งตรงข้ามปรากฏให้เห็นสู่สายตา ชัดเจนแจ่มแจ๋ว
หน้าแดงใจเต้นจนต้องลดสายตาลง เวลานี้เชอร์รีนเพิ่งเห็นสังเกตเห็นคนสองคนบนโซฟา
เลอแปงจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ พร้อมกับแสดงความคิดเห็นของตัวเอง “พี่ใหญ่ คุณดูหน้าอกเธอสิ เพอร์เฟคเลยนะ แถมช่วงขาก็ทั้งตรงทั้งยาว……”
ส่วนออกัสเห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการอาบน้ำมา ปลายเส้นผมยังไม่แห้งดี ชุดอยู่บ้านลำลองสบายๆ ถูกเขาสวมใส่จนดูภูมิฐานสง่างาม ดูดีหรูหรา ตรงหน้าเขายังมีกองเอกสารด้วย กำลังอยู่กับการตรวจสอบเอกสาร
ความรู้สึกฉับไวสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา ปากกาบนปลายนิ้วของเขาหยุดนิ่งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น ดวงตาลึกล้ำจ้องเชอร์รีน
“คุณครูเชอร์รีน”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าคุณครูเชอร์รีน เลอแปงที่มีสมาธิจดจ่ออยู่ตรงหน้าจอก็พลันหันหน้าขวับโดยอัตโนมัติ
หลังจากนั้น ใบหน้าหล่อเหลาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ส่งเสียงสบถและเด้งตัวขึ้นจากโซฟา มือเท้าวุ่นวายกับการปิดบังหน้าจอ……
ปิดไม่อยู่!
เลอแปงกัดฟันอย่างร้อนรน ทำอะไรไม่ได้แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดพยายาม!
เขารีบหันไปของความช่วยเหลือจากออกัส “พี่ใหญ่ เร็วเข้าสิครับ!”
ออกัสสีหน้าท่าทีสงบนิ่ง ค่อยๆ เกี่ยวหยิบรีโมตคอนโทรลบนโต๊ะกาแฟหินอ่อน แล้วกดปิดหน้าจอ……
เลอแปงปล่อยมือตัวเอง พูดกระอักกระอ่วน “ผมขอตัวไปชงกาแฟก่อนนะครับ”
พอสิ้นเสียง เงาก็หายวับไปทันที
เชอร์รีนเพิ่งนั่งลงบนโซฟา เสียงกระซิบทุ้มต่ำของออกัสก็ดังเข้ามาในหูเธอ “ทำไมคุณครูเชอร์รีนถึงหาที่นี่พบล่ะ”
“เลอแปงเขียนที่อยู่นี้ลงในคอลัมน์ของที่อยู่บ้าน”
ได้ยินแล้วออกัสก็หรี่ตาเล็งตรงไปยังเลอแปงที่เดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟ
เลอแปงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น พี่ใหญ่ต้องรู้แน่ว่าเขาเขียนที่อยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นบ้าน
ไม่มีการดื่มกาแฟ เชอร์รีนมองเลอแปงตรงๆ “อีกไม่กี่วันจะเป็นการสอบปลายภาค เธอมีแผนจะทำยังไง”
เลอแปงยิ้มเผล่ พูดปดโดยไม่รู้สึกผิด
“ผมยังมีเรื่องต้องทำ ไม่มีเวลาไปโรงเรียนครับ”
“เลอแปง!” เชอร์รีนโกรธจัด ตะคอกทั้งชื่อพ่วงแซ่
“ยังไงครูก็ไม่ตกลงสอนพิเศษ ผมก็จะไม่กลับโรงเรียนไปเข้าสอบปลายภาค ครูก็รู้ ผมพูดจริงทำจริง!”
เชอร์รีนสอนเขามาหนึ่งปีแล้ว โดยธรรมชาติแล้วรู้ว่าเขามีนิสัยยังไง ที่จริงวันนี้ที่มาที่นี่ หมายความว่าเธอประนีประนอมแล้ว
“งั้นได้ ตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่องเมื่อครู่กัน” เธอเปลี่ยนเรื่อง “เธอเป็นผู้ใหญ่ที่อายุยี่สิบแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่ให้เธอดู แต่ขณะที่ดูต้องมีความคิดที่ถูกที่ควร……”
ด้วยความที่ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเด็กผู้ชาย แม้เชอร์รีนจะแสร้างทำเป็นสงบ แต่แก้มยังคงแดงก่ำ
แต่ความอับอายของเลอแปงที่เคยมีกลับหายไปในเวลานี้เอง ทั้งยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า
“และอีกอย่างคุณออกัส……” สายตาของเชอร์รีนหันเหไปมองเขา “ในฐานะผู้ปกครอง หรือว่านี่เป็นวิธีที่คุณตามใจเขา”
ตามใจ?
เธอคิดจริงเหรอว่าเจ้าเด็กนี่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกน่ะ
ออกัสกวาดสายตามองใบหน้าแดงก่ำที่ทำหน้าจริงจัง ริมฝีปากบางพลันยกยิ้มขี้เล่น
ออกัสเอนพลังพิงโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ รู้สึกเกียจคร้าน “เมื่อครู่คุณครูเชอร์รีนบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่ใช่ว่าไม่ให้เขาดู แต่ขณะที่ดูต้องมีความคิดที่ถูกที่ควร ผมไม่มีเหตุผลจะไปห้ามเขาดู ไม่ใช่เหรอ”
ชั่วขณะหนึ่งที่สรรพเสียงถูกปิดกั้น เธอสูดหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในหัวใจ “งั้นก็ควรให้ความคิดที่ถูกที่ควรกับเขาไม่ใช่เหรอ”
เธอถามตัวเองว่าไม่ใช่คนโกรธง่ายไม่ใช่เหรอ แต่เขาพูดไม่กี่คำก็สามารถยั่วโมโหกระตุ้นความโกรธให้ระเบิดได้อย่างง่ายดาย
ออกัสหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง “อะไรคือความคิดที่ถูกที่ควร”
เมื่อได้ยินเชอร์รีนก็ถลึงตากลมโต หายใจแรงจนหน้าอกขยับขึ้นลงปั่นป่วน ถึงขนาดว่าเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ยังสามารถมองเห็นได้ กัดฟันกรอดๆ
“คุณออกัส!”
เขาแทบจะ……แทบจะ…….แถไปเรื่อย……ไม่มีเหตุผลเลย……
ออกัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิในห้องไม่ได้ต่ำ แต่หน้าเธอแดงก่ำ สวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดสีเหลืองอ่อนบุนวม ขับผิวพรรณราวก้อนไขมัน ขาวสว่างกระจ่างใส
เรื่องไร้สาระในคืนนั้น จู่ๆ ก็พลันพรั่งพรูขึ้นในหัวสมอง
ดวงตาเริ่มมืดมัว
เขาไม่กลัวแม้แต่การจะทำให้เลอแปงเดินผิดที่ผิดทางงั้นเหรอ
เชอร์รีนกัดฟันกรอดกรอดอีกครั้งอย่างหนักหน่วง “คุณออกัส การศึกษาที่คุณได้รับมันเป็นแบบนี้เหรอ”
ไม่เข้าใจคำพูดของคนอื่นเลย ยิ่งกว่านั้นยังบิดเบือนความหมายของมัน เธอโกรธจนแทบเต้นแล้ว!
ออกัสยิ้มอย่างไม่แยแส “การศึกษาที่คุณครูเชอร์รีนได้รับเหมือนว่าก็ไม่ต่างกันนะ หรือว่าไม่มีใครเคยบอกคุณครูเชอร์รีน ว่าจะเข้าบ้านคนอื่นควรกดกริ่งเสียก่อนน่ะ”
“คุณ–” เชอร์รีนพูดไม่ออก
ผ่านไปนานกว่าเชอร์รีนจะระงับความโกรธลงได้
“ถ้าคุณออกัสมีเวลาว่าง ก็ใส่ใจน้องชายตัวเองให้มากหน่อย……ฉันยังมีสอนช่วงบ่าย ขอตัวก่อน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็ไม่อยู่อีก เดินอย่างสงบออกไปจากห้อง
เพียงแต่ ทันทีที่ปิดประตู กำลังของมือก็ทั้งแรงทั้งหนัก!
“ปัง!”
เสียงดังลั่น ออกัสมองดูแผ่นหลังของหญิงสาวหายลับไปต่อหน้าต่อตา สายตามีแววสนอกสนใจ “ดูท่าคุณครูเชอร์รีนจะอารมณ์เสียนิดหน่อยนะ ตื่นเต้นง่ายมาก……”
เลอแปงส่งเสียงหึ ก่อนจะโต้กลับว่า “ไม่ใช่สักหน่อยครับ! คุณครูเชอร์รีนเป็นคนอารมณ์ดีที่เป็นที่ยอมรับทั้งโรงเรียยน!”
“งั้นเหรอ”
ออกัสท่าทีสบายๆ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
เลอแปงนั่งลงแล้วถูมือไปมาต่อหน้าพี่ใหญ่ หาข้อแก้ตัวแถมยังโอ้อวด “ของขวัญคริสต์มาสที่คุณครูเชอร์รีนให้ผม เธอถักมันด้วยมือตัวเองเลยนะครับ มีฝีมือมากเลยใช่ไหมล่ะ”
ถุงมือขนสัตว์สีขาวเข้าสู่ในสายตา ออกัสเหลือบมองไม่กี่วินาทีก่อนจะย้ายสายตาไป และทิ้งถ้อยคำไว้ไม่กี่คำ “ดูน่าเกลียดจริงๆ……”