คิงดราก้อน - บทที่ 107 ผมไม่ขาย
ม้วนภาพเมื่อกางออกมาแล้วก็ยาวหนึ่งเมตรเต็มๆ ภาพทิวทัศน์ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า มีความโบราณเรียบง่าย ยิ่งใหญ่ตระการตา ที่มุมขวาล่างยังมีตราประทับจางๆ อยู่อีก
ถึงโดยรวมของภาพจะเลียนแบบได้เหมือนมาก การลงนามก็เป็นกู้ข่ายจือ แต่รูปแบบการวาดกลับต่างกันลิบลับ
ภาพนี้ไม่มีค่าสักนิด! (**กู้ข่ายจือเป็นนักวาดดังในสมัยโบราณจีน)
เซียวหยางเงยหน้ามองเจ้าของร้านที่ได้ใจ “เถ้าแก่ ภาพนี้คุณขายให้พ่อผมเท่าไหร่เหรอครับ?”
“ห้าแสน ผมจะบอกพวกคุณให้นะ ถ้ายังรู้ความก็รีบๆ ไปซะ เงินซักสลึงผมก็ไม่คืนให้หรอก!” เจ้าของร้านท่าทางไม่มีเหตุผล
ห้าแสน! พ่อตาลงทุนจริงๆ แฮะ!
รู้มาตลอดว่าพ่อตาชอบภาพวาดอักษรโบราณ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมือเติบขนาดนี้!
“ห้าแสน ราคานี้สมน้ำสมเนื้อมาก!” เซียวหยางสำรวจภาพวาดยิ้มพูด
เย่หรูซานชี้เซียวหยาง โมโหจนหอบ “แก…แกพูดว่าอะไรนะ?! นี่มันของเก๊ชัดๆ ไม่ใช่ภาพนั้นที่ฉันอยากได้สักหน่อย!”
“เซียวหยาง คุณทำอะไรอยู่คะ?” เย่หยุนซูรีบพูด
เถ้าแก่ร้านวัตถุโบราณยิ้มหน้าบาน ยกนิ้วหัวแม่มือให้เซียวหยาง “น้องชาย เท่าที่ดูนะ บ้านเธอก็มีเธอนี่แหละที่รู้จริง!”
คนที่กำลังมุงดูพากันชี้นิ้วเซียวหยาง ไอ้คนนี้ไม่รู้ยังจะทำเป็นรู้ ถูกหลอกแล้วยังเห็นพ่อค้าหน้าเลือดเป็นดีอีก
“ภาพนี้ถึงจะไม่เลว แค่ราคาแพงไปหน่อยนะครับ” ว่าแล้วเซียวหยางก็ชี้ไปที่ชั้นสินค้านอกประตู “เถ้าแก่ แถมหน่อยได้ไหมล่ะ?”
บนชั้นสินค้าระเกะระกะนอกประตูล้วนแต่เป็นสินค้ามีตำหนิ ไม่มีราคา ถึงจะให้ไอ้โง่เซียวหยางหมด เขาก็ยังได้กำไรเป็นเท่าตัวอยู่ดี
เจ้าของร้านพลันดีใจ รีบพูด “น้องชาย ชอบอะไรก็หยิบไปได้เลย!”
เซียวหยางเดินไปที่กองสินค้าจิปาถะเก็บแบบลอกลายมือที่ออกเหลืองแล้วขึ้นมาฉบับหนึ่ง “เถ้าแก่ครับ อย่างอื่นผมไม่เอา ผมจะเอาแต่อันนี้แหละ!”
เจ้าของร้านวัตถุโบราณยิ้มร้าย รีบพูด “น้องชาย งั้นพวกเราตกลงกันแล้วนะ ภาพหนึ่งภาพกับแบบลอกลายมืออันนี้ห้าแสน ใครก็ห้ามกลับคำล่ะ!”
มีคนมากมายอยู่ตรงนั้น ขอเพียงเซียวหยางตกลง ถึงพวกเขาคิดจะกลับใจก็ไม่มีประโยชน์
“ตามนี้ครับ!” เซียวหยางพูดเรียบ
เจ้าของร้านวัตถุโบราณคึกคักถึงที่สุด รีบเขียนใบเสร็จช่วยเซียวหยางห่อภาพอักษร
เย่หรูซานที่อยู่ด้านข้างโมโหจนตัวสั่น ชี้เซียวหยางก่นด่า “แกมันเศษสวะตาไม่มีแวว! ภาพนี้กับแบบลอกลายมือรวมกันยังไม่ถึงหมื่นเลย! ไสหัวไปซะ!”
เย่หยุนซูตบหลังเย่หรูซานพูดเตือน “พ่อคะ อย่างโมโหไปเลย!”
จากนั้นเธอก็หันไปตำหนิ “เซียวหยาง คุณยังไม่แก้นิสัยคิดเองเออเองอีกเหรอ ตอนแรกยังนึกว่าจะตามเงินกลับมาได้ ตอนนี้บาทหนึ่งก็อย่าหวังเลย!”
เย่หยุนซูไม่ได้สนใจเงิน แต่ที่เธอสนใจก็คือสุขภาพของพ่อ เพราะเงินแค่นี้ถ้าทำให้พ่อเขาโมโหจนเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่คุ้ม!
ขณะพูด เย่หรูซานที่กำลังหัวเสียก็หยิบถ้วยชาบนโต๊ะร้านวัตถุโบราณปาใส่เซียวหยาง
เซียวหยางหลบขวับ ถ้วยชาตกแตกเป็นเสี่ยง
“พ่อ…”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! ฉันไม่ใช่พ่อแก! รีบกลับบ้านไปทำเรื่องหย่ากับเย่หยุนซูซะ!” เย่หรูซานพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เดิมวันนี้เขาก็เจอกับการปฏิบัติตัวที่ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว นึกว่าเซียวหยางมาจะช่วยเขาเรียกร้องความเป็นธรรมได้ ใครจะคิดว่าเซียวหยางกลับเข้าข้างเจ้าของร้านวัตถุโบราณหน้าเลือดเสีย อย่างไรความแค้นนี้ก็กลืนไม่ลง
เจ้าของร้านวัตถุโบราณยัดใบเสร็จใส่มือเซียวหยาง ผลักพวกเขาเดินออกข้างนอก “เรื่องในบ้านพวกคุณกลับไปจัดการที่บ้านเถอะ การค้าของพวกเราเสร็จแล้ว ถ้วยที่ทำแตกผมจะไม่เอาเรื่องพวกคุณ รีบออกไปเถอะ!”
เย่หรูซานเย็นชาเสียงหนึ่ง “กลับบ้าน! หย่า!”
เย่หยุนซูโมโหจนได้แต่ถลึงตาใส่เซียวหยาง พูดไม่ออก วันนี้เซียวหยางทำให้เธอผิดหวังจริงๆ!
ขี้ขลาด! เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ! ปรากฏออกมาจากตัวเขาชัดแจ้งแดงแจ๋!
ผู้คนต่างซุบซิบนินทาเซียวหยาง เจ้าหนุ่มนี่ช่างไร้แววจริงๆ
“น้องชาย แบบลอกลายมือในมือให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”
ท่ามกลางฝูงชนจู่ๆ ก็มีชายจอนผมขาวมีชีวิตชีวาเดินเข้ามา
“หวง…หวงจิ่งต๋า!” เย่หรูซานอ้าปากค้างตาโต นี่ไอดอลของเขาเลยนี่!
หวงจิ่งต๋าเป็นศาสตราจารย์สาขาโบราณคดีมหาวิทยาลัยหยินโจว ความรู้เฉพาะทางลึกล้ำ เห็นของล้ำค่ามานับไม่ถ้วน
รายการวินิจฉัยวัตถุโบราณมากมายในหยินโจวTV ก็เชิญเขาไปเป็นแขกด้วยทั้งนั้น ขณะเดียวกันเขาก็เป็นนักสะสมของโบราณคนหนึ่งด้วย ได้ยินว่าของโบราณที่เขาเก็บอยู่ในบ้านมูลค่ามากกว่าล้านทั้งนั้น
ตอนที่หวงจิ่งต๋ามาถึงก็เป็นที่แตกตื่นในฝูงชนแล้ว แค่เย่หรูซานที่กำลังมัวทะเลาะกับเจ้าของร้านวัตถุโบราณไม่ทันสังเกต “สวัสดีน้องชาย แบบลอกลายมือในมือนั่นให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?” หวงจิ่งต๋าถาม
เมื่อเห็นเซียวหยางไม่พูดอะไร เย่หรูซานจึงร้อนใจตีที่แผ่นหลังเซียวหยาง “ยืนบื้อทำอะไร? ยังไม่เอาแบบลอกลายมือให้ศาสตราจารย์หวงดูอีก!”
เมื่อนั้นเซียวหยางถึงยื่นแบบลอกลายมือให้หวงจิ่งต๋า
หวงจิ่งต๋าดูแบบลอกลายมืออย่างละเอียด ไม่นานก็ยิ้มออกมาจากใจ “เป็นแบบลอกลายมือของหวางซีจือจริงๆ ด้วย”(**หวางซีจือ ศิลปินพู่กันจีนผู้โด่งดังในสมัย)
“แบบลอกลายมือของแท้! เสียแต่เป็นแบบเทียบเคียงลอกลายของคนรุ่นหลัง แถมลอกได้หยาบมาก ไม่มีค่า” เจ้าของร้านวัตถุโบราณพูดวิเคราะห์
ถึงอย่างไรเงินก็ได้มาแล้ว ถึงพวกเซียวหยางจะกลับใจก็สายไปแล้ว
หวงจิ่งต๋าพยักหน้า “จริงอยู่ที่หยาบ แต่ตอนนี้แบบคัดลอกแบบนี้หายากแล้ว มีค่าเป็นหมื่น”
เจ้าของร้านวัตถุโบราณตื่นตระหนกเจ็บใจจี๊ด คิดไม่ถึงว่าแบบลอกลายมือที่ไม่โดดเด่นอันนี้จะมีราคาอยู่บ้างจริง รู้แต่แรกเมื่อกี้ก็ไม่ให้ไอ้หนุ่มนั่นแล้ว
“น้องชาย แบบลอกลายมืออันนี้ขายให้ฉันเป็นไง ฉันให้สามหมื่น” หวงจิ่งต๋ายิ้มพูด
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หวงจิ่งต๋าได้เห็นหมดแล้ว พวกเซียวหยางถูกเจ้าของร้านหน้าเลือดหลอกไปห้าแสน ที่เขาซื้อแบบลอกลายมือนี้ก็ถือเป็นการชดเชยการสูญเสียของพวกเซียวหยางส่วนหนึ่ง
เซียวหยางส่ายหน้า “ขอโทษครับ แบบลอกลายมืออันนี้ผมไม่คิดจะขาย”
“น้องชาย ฉันให้เธอเพิ่มอีกสองหมื่น พูดตามตรง แบบลอกลายมืออันนี้ไม่ว่าจะไปให้องค์กรตรวจสอบที่ไหนดู ราคาก็ไม่เกินหมื่น ที่ฉันอยากซื้อก็เพราะฉันชอบตัวหนังสือของหวางซีจือ อีกอย่างก็อยากช่วยพวกเธอไม่ให้ขาดทุนด้วย” หวงจิ่งต๋า พูดด้วยน้ำเสียงสัตย์จริง
คนที่มุงพากันพูด “พ่อหนุ่ม ฉันว่าเธอก็ขายให้ศาสตราจารย์หวงเถอะ!”
“ห้าหมื่นสูงกว่าราคาตลาดตั้งเยอะ อย่าโลภให้มากเลย!”
“รีบขายเถอะ วันนี้พวกเธอก็ขาดทุนไปเยอะแล้ว!”
…
เล่นกับไฟ วันหนึ่งก็ต้องถูกไฟลวก
“ขอโทษด้วยครับ แบบลอกลายมือนี้ผมไม่ขาย!” เซียวหยางพูด
เย่หรูซานโมโหร้อนใจ ถีบเซียวหยางไปทีหนึ่ง “ฉันเป็นคนซื้อ เกี่ยวอะไรกับแกฮะ! แกมาตัดสินใจแทนฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”
ทุกคนเห็นเซียวหยางแล้วก็ให้อนาถใจนัก ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่
การที่ศาสตราจารย์หวงยอมใช้เงินห้าหมื่นซื้อแบบลอกลายมือนี้เป็นโอกาสที่ยากจะพานพบแล้ว
เมื่อนั้นเย่หรูซานก็หันไปยิ้มแย้มกับหวงจิ่งต๋า “ศาสตราจารย์หวงครับ ถ้าคุณชอบผมก็คุณไปเลยครับ ถือว่าพวกเราคบหาเป็นเพื่อนกัน”
หวงจิ่งต๋าเป็นคนอย่างไร เย่หรูซานย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าสามารถคบหาเพื่อนแบบนี้ได้ ต่อไปศาสตราจารย์หวงก็ต้องช่วยเหลือตนไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว
หวงจิ่งต๋าปัดมือ “ไม่ๆๆ แบบนี้ไม่ได้ คบหากันน่ะได้อยู่แล้ว แต่เงินพวกคุณก็ต้องรับไว้”
“ขายไม่ได้!” ว่าแล้วเซียวหยางก็แย่งแบบลอกลายมือในมือหวงจิ่งต๋ามา
เย่หรูซานชี้หน้าเซียวหยางด่าทอ “ต่อต้านเหรอะ! แกเป็นใครกัน เรื่องของฉันให้แกมาตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!”