คิงดราก้อน - บทที่ 116 มีกึ๋น
เมื่อเห็นศาสตราจารย์หวง เฉียนกั๋วต้องก็ค่อนข้างประหลาดใจ รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์หวงครับ คุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอครับ”
ศาสตราจารย์หวงตอบว่า “คุณเฉียน ผมจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนผมเคยตรวจสอบภาพไม้ไผ่ภาพหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นคุณได้ซื้อไป”
“ช่วงก่อนหน้านี้มีคนได้ส่งภาพไม้ไผ่มาให้ผมตรวจสอบอีกภาพ ผมยังคิดว่าคุณได้ขายภาพนั้นไปแล้วเลยไม่ได้สนใจอะไร”
“ต่อมาเมื่อพิจารณาดูอีกครั้งพบว่าผิดปกติ ผมเลยรีบมาที่นี่ หวังว่าจะสามารถหาเจ้าของที่ซื้อภาพนี้เจอเพื่อจะอธิบายให้เขาฟัง”
เฉียนกั๋วต้องเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ศาสตราจารย์หวง หมายความว่ายังไงครับ?”
“คือแบบนี้ครับ ภาพวาดของนักวาดเจิ้งป่านเฉียวในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น ขึ้นชื่อเรื่องลายเส้นที่หนักแน่นมีพลัง เมื่อหมึกซึมเข้าไปในกระดาษ กระดาษซวนจื่อแผ่นที่สองก็จะปรากฏภาพที่เหมือนกันออกมา รูปแบบการวาดเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่ความเข้มของหมึกแตกต่างกันอยู่บ้าง!” ศาสตราจารย์หวงอธิบาย
เฉียนกั๋วต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ศาสตราจารย์หวงอธิบายได้เหมือนกับที่เซียวหยางพูดไว้ไม่มีผิด
เซียวหยางยิ้มพลางเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ “ศาสตราจารย์หวงครับ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ภาพไม้ไผ่ภาพนั้นยังอยู่ในมือของเฉียนกั๋วต้อง ส่วนภาพที่สองอยู่ที่นี่”
เซียวหยางพูดพลางคลายเศษกระดาษที่อยู่ในมือออกมา แล้วเศษกระดาษก็ร่วงลงสู่พื้น
เมื่อได้รับการยืนยันจากศาสตราจารย์หวงแล้ว เฉียนกั๋วต้องก็หันไปมองเศษกระดาษที่อยู่ในมือเซียวหยาง คราวนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้วล่ะ
ส้งจื่อที่อยู่ข้าง ๆ แทบจะอยากมุดแผ่นดินหนีเลยทีเดียว ตัวเองช่างไม่มีความรู้จริง ๆ นั่นแหละ!
เฉียนกั๋วต้องตบไหล่ของเซียวหยางพลางยิ้มแล้วเอ่ยพูด “น้องชาย อายุยังน้อยแต่กลับยอดเยี่ยมมากจริง ๆ!”
“ฉันยอมรับว่านายชนะแล้ว! และนั่นทำให้ฉันได้เข้าใจอย่างหนึ่ง ต่อให้ฉันเป็นนักธุรกิจแต่ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องรู้จักมองการณ์ไกล จะสนแต่ผลประโยชน์ตรงหน้าไม่ได้”
พูดจบ เฉียนกั๋วต้องก็หันไปมองเย่หยุนซูแล้วเอ่ยว่า “ประธานเย่ ดูท่าทางความร่วมมือในครั้งนี้ต้องตกเป็นของคุณแน่นอนแล้วล่ะ! คุณโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับสามีที่มีความสามารถและฉลาดปราดเปรื่องขนาดนี้ ผมเห็นความจริงใจของพวกคุณแล้วล่ะ”
“ต่อไป พวกเรามาคุยเรื่องผลกำไรระยะยาวกันสักหน่อยนะ!”
ทันใดนั้นเย่หยุนซูก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกล็อตเตอรี่ รีบพยักหน้าตอบรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ค่ะ ค่ะ ได้ค่ะ ขอบคุณประธานเฉียนมาก ๆ เลยนะคะ บริษัทหยุนซูของพวกเราไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ!”
เฉียนกั๋วต้องยิ้มพลางเอ่ยพูด “ขอบคุณผมทำไม! คุณควรจะขอบคุณสามีคุณมากกว่า เขาต่างหากที่เก่ง!”
เย่หยุนซูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
เซียวหยางช่างมีกึ๋นจริง ๆ เลย ถึงกับทำให้ได้ร่วมงานกับเฉียนกั๋วต้อง!
ช่วงนี้เซียวหยางมีเรื่องให้เธอเซอร์ไพรส์เยอะมากจริง ๆ ดูท่าทางต่อไปนี้คงต้องมองเซียวหยางใหม่แล้วล่ะ
“นี่……” ส้งจื่อโกรธจนพูดอะไรไม่ออก พอจะพูดออกมาก็ติดอยู่ที่ปากจนไม่รู้จะพูดอะไร
ส้งจื่อเอามือนวดตาไปมา ไม่รู้ว่าดวงตาตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า ดูท่าต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ อยู่ที่นี่ต่อไปก็น่าขายหน้ามาก!
หลังจากร่ำลาเฉียนกั๋วต้องแล้ว เซียวหยางกับศาสตราจารย์หวงก็ถามสารทุกข์สุกดิบกันอีกสักพัก สายตาที่ศาสตราจารย์หวงมองเซียวหยางนั้นเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา
อายุแค่นี้แต่กลับมีผลงานได้ถึงขนาดนี้ หาได้ยาก หาได้ยากจริง ๆ!
ประเทศจีนมีคนอย่างเซียวหยางก็ถือว่ามีผู้สืบทอดด้านวัตถุโบราณแล้วล่ะ!
ระหว่างทาง เย่หยุนซูขับรถพลางเอ่ยถาม “นายรู้ได้ยังไงว่าภาพวาดภาพนั้นเป็นภาพที่ถูกรอยหมึกซึมลงไป?”
“เดี๋ยวนะ นายอย่าบอกฉันเด็ดขาดว่านายหาข้อมูลมาจากในอินเทอร์เน็ต ฉันไม่เชื่อหรอก เพียงแค่ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น จะสามารถตัดสินได้ยังไงว่าภาพไหนเป็นของจริง”
“อีกอย่างนะ เป็นภาพที่นายจ่ายเงินประมูลไปถึงแปดล้าน ถ้าไม่มั่นใจมากพอ จะกล้าฉีกภาพต่อหน้าผู้คนได้ยังไง!”
เซียวหยางยิ้มพลางพูด “ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก เมื่อครู่นี้ตอนที่มาถึงฉันบังเอิญได้ยินที่เฉียนกั๋วต้องคุยกับเลขา ฉันก็เลยเข้าใจทันที”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!” เย่หยุนซูพยักหน้า ตอนที่เพิ่งมาถึงเธอก็ได้ยินบทสนทนาของเฉียนกั๋วต้องกับเลขาเหมือนกัน เซียวหยางกับเธอมาถึงไล่เลี่ยกัน ได้ยินคำพูดพวกนั้นก็เป็นเรื่องปกติ
เซียวหยางมองเย่หยุนซูด้วยใบหน้าที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ประธานเย่ วันนี้ผมทำความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ให้กับบริษัท คุณจะไม่แสดงความขอบคุณอะไรหน่อยเหรอ?”
“เพิ่มเงินเดือนให้นายสองร้อยหยวนแล้วกัน!” เย่หยุนซูจงใจพูดหยอกล้อ แต่แอบดีใจอยู่ในใจ
พูดตามตรง วันนี้สามารถได้ร่วมงานกับบริษัทบริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ป เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเย่หยุนซูมาก ในใจเธอรู้สึกขอบคุณเซียวหยางเป็นอย่างมาก
เซียวหยางแสร้งทำท่าไม่ดีใจ “ทุ่มเทแรงกายให้บริษัทขนาดนี้แต่กลับได้ค่าตอบแทนแค่สองร้อยหยวน การเอารัดเอาเปรียบของนายทุนนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!”
“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดพล่ามแล้ว! ฉันส่งนายแค่ตรงนี้แหละ รีบลงจากรถไปซะ!”
เย่หยุนซูจอดรถที่หน้าประตูแล้วเอ่ยพูด
เซียวหยางรู้ดีว่าเย่หยุนซูเป็นพวกบ้างาน ได้รับทำโครงการนี้แล้วคงอดใจไม่ไหวรีบกลับไปทำงานที่บริษัทแน่นอน
เซียวหยางพยักหน้าแล้วกำชับอีกสองสามประโยค จากนั้นก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านไป
เย่หยุนซูเหยียบคันเร่งรีบตรงไปที่บริษัททันที เพื่อเตรียมเรื่องความร่วมมือในขั้นต่อไป
……
ช่วงนี้เย่หยุนซูยุ่งอยู่กับเรื่องงานของเฉียนกั๋วต้อง จนไม่มีเวลาสนใจเซียวหยาง
วันหยุดสุดสัปดาห์ อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เซียวหยางทานมื้อเช้าเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ตลาดขายวัตถุโบราณ
ที่ถนนขายวัตถุโบราณผู้คนแออัดกันมาก
มีสินค้าที่ดีและไม่ดีผสมปนเปกันไปหมด ของที่มีมูลค่าจริง ๆ ก็มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
แม้ว่าเป็นแบบนี้ แต่หยุดความสนใจของนักสะสมไว้ไม่ได้ มักจะมีคนที่คิดจับเสือมือเปล่า หวังร่ำรวยจากโชคลาภคว้าได้ของที่มีมูลค่าไป
ถนนขายวัตถุโบราณมีร้านค้ามากมาย และมีร้านค้าแผงลอยที่กระจัดกระจายอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งจะหาที่ว่าง ๆ ใช้ผ้าเก่า ๆ ปูพื้นแล้ววางขายวัตถุโบราณ โดยหวังว่าจะสามารถขายได้เงินมากหน่อย
โดยทั่วไปแล้วจะเป็นพวกของเบ็ดเตล็ดทั้งนั้น มีเครื่องประดับเงินและทองสมัยโบราณ และมีเครื่องลายครามไม้กฤษณา เป็นต้น
เซียวหยางกวาดตามองสิ่งของเหล่านี้แล้วส่ายหน้า ในสายตาของเขาสิ่งของเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรเลย ถึงขนาดที่มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายตะโกนว่าวัตถุโบราณที่เป็นสินค้าชั้นยอดทั้งหมดล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น
“น้องชาย อยากได้อะไรเหรอ มาดูที่ร้านฉันสิ!” เสียงพูดสำเนียงปักกิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เมื่อเซียวหยางหันกลับไปมองก็เห็นเป็นหนุ่มวัยกลางคนตั้งแผงลอยขายของอยู่บนพื้น ตอนที่เขายิ้มเผยให้เห็นฟันทองซี่ใหญ่ซี่หนึ่งด้วย
เมื่อเห็นว่าดึงดูดความสนใจจากเซียวหยางได้แล้ว หนุ่มฟันทองก็หยิบพู่กันจีนเก่า ๆ อันหนึ่งขึ้นมาจากบนพื้น “น้องชาย แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าคุณเป็นผู้รอบรู้ นี่ไม่ใช่พู่กันจีนธรรมดาหรอกนะ ตอนนั้นมันเป็นพู่กันจีนที่ฮ่องเต้ยองเจิ้งใช้ร่างพระราชโองการ”
เซียวหยางมองดูพู่กันจีนที่อยู่ในมือหนุ่มฟันทอง แล้วพูดอย่างเซ็ง ๆ ว่า “ฮ่องเต้ยองเจิ้ง? ราชวงศ์ชิง?”
ขณะที่พูด เซียวหยางได้ชี้ไปยังภาษาอังกฤษที่ติดอยู่บนด้ามพู่กันจีน ซึ่งถูกพิมพ์อย่างสะดุดตาด้วยตัวอักษรเล็ก ๆ แถวหนึ่งอยู่ด้านบนสุดของพู่กัน เขียนว่า “Made in China”
หนุ่มฟันทองชะงักไป แล้วจู่ ๆ ก็ตีหน้าผากตัวเองพลางหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณดูความจำผมสิ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อครู่นี้หยิบผิดไป! คุณรอสักครู่ผมจะหยิบอันใหม่ให้คุณ!”
เซียวหยางหัวเราะ คิดว่าในแผงของหนุ่มฟันทองคนนี้คงไม่มีของจริงอะไรหรอก
วินาทีที่หมุนตัวจะเดินจากไป แสงสีทองก็ดึงดูดความสนใจของเขา
ที่มุมแผงลอยมีลูกบอลเหล็กกลม ๆ สีดำขึ้นสนิมวางอยู่ลูกหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นของอะไรกันแน่
ดูท่าทางพ่อค้าหนุ่มฟันทองก็คงไม่รู้จักสินค้านี้เช่นกัน คำนวณอายุตามแสงสีทองที่ส่องประกายออกมาจากลูกบอลน่า คาดว่าจะมีอายุราวหนึ่งพันกว่าปีแล้ว
อีกทั้งด้านบนนั้นเต็มไปด้วยพลัง เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
เซียวหยางหมุนตัวเดินไปยังข้างแผงลอย นั่งยองลงแล้วหยิบลูกบอลเหล็กขึ้นสนิมลูกนั้นขึ้นมาจากพื้น เอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ อันนี้ขายยังไง?”
หนุ่มฟันทองแปลกใจ แต่ก็แอบดีใจ ดูท่าทางหนุ่มคนนี้คงเป็นมือใหม่
ลูกบอลเหล็กนี้เป็นของที่เขาเก็บได้ตอนไปเก็บของเก่าในชนบท เดิมทีไม่ได้มีมูลค่าอะไร ในเมื่อเขาชอบงั้นก็ฉวยโอกาสหลอกเขาเลยแล้วกัน
ดวงตาเขากลอกไปมา เผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย “คุณช่างตาแหลมจริง ๆ แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นสินค้าชั้นยอดของร้านผม บอกคุณตามตรงเลยแล้วกัน นี่เป็นของสมัยราชวงศ์ฮั่น……”
เซียวหยางยื่นมือออกมาทำท่าให้หยุดพูด “นายบอกฉันมาว่าราคาเท่าไหร่?”
“ชิ้นนี้ขายถูก ๆ ก็สองพันหยวนครับ!” หนุ่มฟันทองจ้องมองเซียวหยางแล้วเอ่ยพูด
พูดตามตรง เห็นการแต่งตัวของเซียวหยางแบบนี้ ยังดูดีสู้หนุ่มฟันทองพ่อค้าแผงลอยไม่ได้เลย
หนุ่มฟันทองจึงไม่กล้าเรียกราคาสูงเกินไป กลัวว่าตัวเองเอ่ยปากบอกแล้วจะทำให้เขาตกใจราคาจนหนีไป
เซียวหยางแทบจะกระอักเลือดออกมาทันที ของในสมัยราชวงศ์ฮั่นมีค่าแค่สองพันหยวนเนี่ยนะ!
“ของในสมัยราชวงศ์ฮั่นอะไรกัน นายเห็นว่าฉันอายุน้อยเลยคิดจะหลอกฉันล่ะสิ!”
“สองร้อย แพงกว่านี้ไม่ได้แล้ว! ไม่แน่ตอนนายเก็บของชิ้นนี้มาอาจต้องไม่เสียเงินสักแดงเดียวเลยก็ได้” เซียวหยางเล่นลูกบอลเหล็กในมือพลางเอ่ยพูด
พ่อค้าแผงลอยอึ้งไปทันที จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เถ้าแก่ คุณต่อราคาหรือคุณจะฆ่าผมกันแน่เนี่ย? คุณไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมต้องทุ่มเทมากแค่ไหนถึงจะได้ลูกบอลเหล็กลูกนี้มา ผมได้มาจากบนยอดหวาซานเชียวนะ”
“ผมยังมีแม่แก่ ๆ อายุแปดสิบปี ยังมีลูกที่หิวโหยต้องเลี้ยงดูนะครับ คุณก็ต้องให้ผมได้พอประทังชีวิตหน่อยใช่ไหมล่ะครับ?”
“เอาแบบนี้ ผมเห็นว่าคุณอยากได้ด้วยใจจริง งั้นผมลดเหลือห้าร้อยหยวนแล้วกัน!”
เซียวหยางแกล้งวางลูกบอลเหล็กลงแล้วหมุนตัวจะเดินจากไป
“ไอหยา เถ้าแก่ครับ คุณดูคุณสิ……”
“ก็ได้ครับก็ได้ สองร้อยก็สองร้อย! ผมขาดทุนแล้วเนี่ย!” หนุ่มฟันทองแสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางเจ็บปวด
เซียวหยางยิ้มออกมา แล้วหยิบเอาเงินสองร้อยหยวนจากกระเป๋ายื่นให้หนุ่มฟันทอง
หนุ่มฟันทองรับเงินมาแล้วก็ดึงถุงพลาสติกใส่จะยื่นให้เซียวหยาง
เซียวหยางเพิ่งยกมือขึ้นเพื่อจะรับถุง ก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดจาอวดดีวางอำนาจบาตรใหญ่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน ลูกบอลเหล็กลูกนี้ ฉันก็ต้องการ!”