คิงดราก้อน - บทที่ 119 สิ่งชั่วร้ายที่ฆ่าทั้งครอบครัว
“หุบปาก!”
ชายชราพูดพลางโค้งตัวลงเล็กน้อยให้เซียวหยาง กำมือทำท่าคารวะด้วยความเคารพอย่างจริงจัง แล้วเอ่ยว่า “ข้าขอคารวะท่านอาจารย์ ข้าน้อยเป็นคนธรรมดาสามัญ มีตาแต่หามีแววไม่ หวังว่าคุณผู้ชายจะไม่ถือสานะครับ!”
อู๋ปิงเชี่ยนตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่อู๋ฮุยหวงต้องทำแบบนี้ด้วย?
อู๋จื้อเหวินยืนอึ้งอยู่กับที่ คุณปู่เป็นอะไรไปเนี่ย?
อู๋ฮุยหวงก็ถือว่าเป็นคนที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย แต่เมื่อครู่นี้ท่าทำลายกลางอากาศที่เซียวหยางใช้นั้นทำให้เขารู้สึกช็อกมาก!
วรยุทธอย่างท่าทำลายกลางอากาศนี้ในสิบล้านคนคงมีทำได้แค่หนึ่งคนเท่านั้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของเซียวหยาง!
คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่ตระกูลอู๋จะสามารถหาเรื่องได้ ต่อให้เป็นเพื่อนกันไม่ได้ ก็ห้ามไปเป็นศัตรูด้วยเด็ดขาด!
“เชี่ยนเชี่ยน รีบมาขอโทษเร็วเข้า!” อู๋ฮุยหวงหันกลับไปพูดกับอู๋ปิงเชี่ยน
ใบหน้าสวย ๆ ของอู๋ปิงเชี่ยนดูเย็นชา เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณปู่ ทำไมหนูต้องขอโทษมันด้วย เห็น ๆ อยู่ว่ามัน……”
“หุบปาก! รีบมาขอโทษเดี๋ยวนี้!” อู๋ฮุยหวงหน้าตาดุดันพูดเสียงแข็ง
อู๋ปิงเชี่ยนขบกรามแน่น ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณปู่เป็นอะไรแล้ว ถึงกับให้ตัวเองไปขอโทษไอ้ลามกนั่น
เธอกุมหน้าอก แล้วเดินไปตรงหน้าเซียวหยางด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดอย่างห้วน ๆ ว่า “ขอโทษ!”
“คุณปู่ ไอ้นี่มันทำให้พวกเราอับอาย ปู่ยังให้พี่ไปขอโทษมันอีกเหรอ!” อู๋จื้อเหวินพูดอย่างไม่พอใจ “ปู่กลัวมัน แต่ผมไม่กลัว มันเก่งนักใช่ไหม? งั้นผมจะเรียกคนมาเพิ่มอีก ผมไม่เชื่อว่าไอ้นี่จะ……”
อู๋จื้อเหวินยังพูดไม่ทันจบ อู๋ฮุยหวงก็เดินเข้ามาตบหน้าเขาดังเปรี๊ยะ วินาทีนั้นเขารู้สึกว่าแก้มซ้ายของเขาร้อนผ่าว ๆ อย่างเจ็บปวด
“สารเลว! ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษท่านอาจารย์อีก!” อู๋ฮุยหวงพูดเสียงดุดัน
อู๋จื้อเหวินมีสีหน้าสับสนงุนงง เขาเอามือกุมหน้าแล้วเอ่ยอย่างน้อยใจ “คุณปู่ ถึงกับตบหน้าผมเพราะคนนอกเนี่ยนะ! ปู่ไม่สงสารหลานชายแท้ ๆ ของปู่บ้างเหรอ?”
ปกติอู๋ฮุยหวงรักและตามใจอู๋จื้อเหวินมาก ไม่ว่าเขาจะทำผิดร้ายแรงมากมายแค่ไหน อู๋ฮุยหวงก็จะทำทุกวิถีทางตามเช็ดตามล้างเพื่อช่วยเขา
แต่คุณปู่ในวันนี้ดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ถึงขนาดทำรุนแรงกับตัวเองแบบนี้!
เห็นอู๋จื้อเหวินดื้อรั้นแบบนี้ อู๋ฮุยหวงก็พูดด้วยความโมโห “ไอ้เด็กเวรนี่ยังไม่คุกเข่าอีก! ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่แกออกจากตระกูลอู๋ อย่าคิดว่าจะได้เงินจากฉันไปแม้แต่สตางค์เดียว!”
“ตุบ!”
อู๋จื้อเหวินคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ สีหน้าเขาดูไม่ยอมเด็ดขาด
อู๋ฮุยหวงเดินเข้าไปในร้านค้าเพื่อยืมที่ทับกระดาษที่ทำจากโลหะมาอันหนึ่ง แล้วยื่นให้เซียวหยางด้วยความเคารพ “คุณผู้ชาย เรื่องวันนี้พวกเราทำไม่ถูกต้อง อู๋จื้อเหวินล่วงเกินคุณตรงไหน คุณตีได้เลย ขอแค่ไว้ชีวิตชายชราอย่างผมก็พอ”
เซียวหยางเอามือไขว้หลัง ไม่สนใจอู๋ฮุยหวง
ว่ากันว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ไม่ผิดไปจากที่ว่ากันไว้เลยสักนิด!
ถึงแม้ดูภายนอกอู๋ฮุยหวงกำลังลงโทษอู๋จื้อเหวิน แต่ในความเป็นจริงกำลังปกป้องเขาอยู่ต่างหาก!
ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยและฝีมือของเซียวหยางนั้น ต่อให้ฆ่าเขาตาย ตระกูลอู๋ก็ไม่มีทางต่อต้านได้!
เห็นเซียวหยางไม่พูดอะไร อู๋ฮุยหวงจึงหยิบเอาที่ทับกระดาษโลหะเดินตรงไปที่อู๋จื้อเหวิน อู๋จื้อเหวินสีหน้าตกใจกลัว “คุณปู่ นี่ปู่……”
“โอ๊ย!”
อู๋จื้อเหวินร้องโหยหวน อู๋ฮุยหวงแข็งใจตีอู๋จื้อเหวินไปหลายครั้ง
อู๋ปิงเชี่ยนตกใจจนอ้าปากค้าง อึ้งจนดึงสติกลับมาไม่ได้ไม่รู้ว่าทำไมคุณปู่ถึงทำอย่างนี้ เห็นท่าทางโมโหของคุณปู่แล้วเธอเองก็ไม่กล้าเข้าไปพูดห้าม
ทุกคนต่างพากันสงสัยไม่น้อย ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมนายท่านอู๋ถึงได้กล้าตีหลานชายสุดที่รักของเขาต่อหน้าผู้คนแบบนี้!
เซียวหยางยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ และไม่ได้พูดอะไรออกมา
อู๋ฮุยหวงถอนหายใจออกมา ถ้าตีต่อไปแบบนี้เขากลัวเหลือเกินว่าผิวบางนุ่มของอู๋จื้อเหวินจะรับไม่ไหว เขาเลยเดินไปที่หนุ่มฟันทองแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
หนุ่มฟันทองตัวสั่นระริกด้วยความกลัวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้ฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาไม่กล้าแต่งเติมเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนที่เขาล่วงเกินไม่ได้ทั้งนั้น
อู๋ฮุยหวงมีสีหน้าตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเรื่องสร้อยคอเงินเส้นนั้นที่คร่าชีวิตผู้คนไป จากนั้นเขาก็ตบหน้าอู๋จื้อเหวินไปอีกหนึ่งฉาด “ไอ้เด็กอกตัญญู! คุณผู้ชายช่วยชีวิตแกไว้นะ! ทำไมแกถึงไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอย่างนี้!”
“คุณปู่ คำพูดของมันปู่ก็ยังเชื่อเหรอ มันกำลังสาปแช่งตระกูลอู๋ของพวกเรานะ!” อู๋จื้อเหวินเถียงขึ้นมา
จู่ ๆ อู๋ฮุยหวงก็มีสีหน้าโศกเศร้าเสียใจ “สารเลว! หรือแกลืมไปแล้วว่าพ่อแกตายยังไง?”
“พ่อผม?” อู๋จื้อเหวินสีหน้าตกใจ
อู๋ฮุยหวงถอนหายใจ “สร้อยเงินเส้นนี้พ่อแกเป็นคนเก็บกลับมา ตอนนั้นเขาก็หลงใหลเห็นเป็นของล้ำค่าเหมือนแกนี่แหละ”
“แต่ไม่ถึงหนึ่งปี พ่อแกก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตไป!”
“คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กอกตัญญูอย่างแกไม่รู้จักกลับใจ ถึงขนาดไปขโมยมันออกมาจากห้องพ่อของแก!
อู๋จื้อเหวินหน้าซีดเผือด มองสร้อยเงินที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ “นี่……”
อู๋ฮุยหวงพูดต่ออีกว่า “หลานสะใภ้ตั้งท้องหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมกลับแท้งทุกครั้ง?”
“เรื่องพวกนี้เป็นเพราะสร้อยเงินเส้นนี้ไง แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน อู๋จื้อเหวินก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดไปหมด จู่ ๆ เขาก็นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น
แต่งงานมาสามปีแล้ว ภรรยาของอู๋จื้อเหวินแท้งลูกหลายครั้งมาก เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงไปหาหมอชื่อดังมากมายแต่ทุกคนกลับไม่มีทางรักษาได้
ต่อมาหมดหนทาง พวกเขาถึงกับต้องขึ้นเขาไปขอพรให้เทพเทวดาปกป้องคุ้มครอง ไม่รู้ว่าเหยียบธรณีประตูวัดไปกี่แห่งแล้ว
มองสร้อยเงินที่ส่องแสงแวววาวอยู่บนพื้น นี่มันสมบัติล้ำค่าที่ไหนกัน นี่มันเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ฆ่าคนทั้งครอบครัว!
ช่วงนี้ภรรยาตั้งท้องอีกครั้ง อู๋จื้อเหวินรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันที เขาคุกเข่าต่อหน้าเซียวหยาง พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “คุณผู้ชายครับ เป็นความผิดของผมทั้งหมด! ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ผมสมควรตาย!”
อู๋จื้อเหวินพูดพลางยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง
ผู้คนต่างพากันถอนหายใจอย่างหดหู่!
อู๋ฮุยหวงเสียใจจนน้ำมูกน้ำตาไหลออกมา อายุปูนนี้แล้วไม่ว่าเรื่องอะไรก็คำนึงถึงแต่หลานชายเท่านั้น เขากำมือทำท่าคารวะพลางเอ่ยพูด “ข้าหน้าไม่อายขอร้องให้คุณผู้ชายยื่นมือช่วยเหลือด้วยเถอะครับ”
ขณะที่พูด อู๋ฮุยหวงก็ทำท่าจะคุกเข่าลง ขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ามือที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งพยุงเขาเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นเซียวหยางนั่นเอง
“ผู้เฒ่าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก!”
เซียวหยางจ้องเขม็งอู๋จื้อเหวินแวบหนึ่ง “นายต้องขอบคุณปู่ของนายที่ทุ่มเทเพื่อนายมาครึ่งชีวิต คอยให้โชคลาภให้พรคุ้มครองพวกนายตลอด”
“เอาสร้อยเงินเส้นนี้ให้ฉัน!”
อู๋จื้อเหวินคุกเข่าแล้วเก็บสร้อยเงินที่อยู่บนพื้นขึ้นมายื่นให้เซียวหยาง
“คุณผู้ชายครับ สร้อยเงินเส้นนี้ไม่ธรรมดานะครับ!” ที่จริงอู๋ฮุยหวงเอ่ยเตือนเซียวหยางให้ระมัดระวัง แต่ก็กลัวว่าความเป็นห่วงของตัวเองจะเกินความจำเป็น
เซียวหยางเข้าใจความหมายของอู๋ฮุยหวงอยู่แล้ว จึงพูดปลอบใจว่า “ผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง!”
เขาวางสร้อยเงินเอาไว้ในมือ ปากก็สวดอะไรสักอย่าง แล้วจู่ ๆ มือขวาก็ชี้ออกไป
ทันใดนั้นสร้อยเงินก็เริ่มขยับไปมา เหมือนในนั้นมีสัตว์ร้ายสองตัวกำลังต่อสู้อยู่
ผ่านไปไม่นาน ก็เหมือนมีเสียงแผดร้องสองเสียงดังมาจากด้านใน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บใจ!
เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นทำให้คนรู้สึกขนพองสยองเกล้า!
อู๋ฮุยหวงและอู๋จื้อเหวินประหลาดใจมาก!
เซียวหยางชี้มือขวาอีกครั้ง ใช้พลังชีวิตที่แท้จริงละลายความโกรธแค้นของมังกรตัวจริงทั้งสองตัวที่อยู่ภายในสร้อยเงิน “ประเทศดับสูญ! วิญญาณจงกลับคืนสู่มาตุภูมิ!”
จากนั้น สร้อยเงินที่ขยับสั่นไหวไปมาเมื่อครู่นี้ก็ค่อย ๆ สงบนิ่งลง
ใบหน้าของอู๋จื้อเหวินเริ่มมีเลือดฝาดมากขึ้น เซียวหยางมองเขาแวบหนึ่งก็เห็นว่าพลังดำมืดที่อยู่ในตัวเขาได้สลายหายไปหมดแล้ว
“คุณปู่ครับ ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลย!” อู๋จื้อเหวินพูดอย่างดีใจ
อู๋ฮุยหวงทำมือคารวะ “ขอบพระคุณคุณผู้ชายที่ช่วยชีวิตไว้ครับ!”
อู๋จื้อเหวินคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ แล้วเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณคุณผู้ชายที่ช่วยชีวิตไว้ครับ ขอร้องคุณผู้ชายโปรดเมตตาช่วยเหลือลูกในท้องของภรรยาผมด้วยเถอะครับ!”
“คุณผู้ชาย ขอร้องคุณช่วยหน่อยนะครับ คุณต้องการอะไรบอกมาได้เลย!” อู๋ฮุยหวงขอร้องอ้อนวอน
เซียวหยางครุ่นคิดจากนั้นก็พูดว่า “มีกระดาษกับปากกาไหม?”
“มีครับมี!” หนุ่มฟันทองหากระดาษกับปากกามาให้ด้วยความกระตือรือร้น เห็นความเก่งกาจของเซียวหยาง เขาก็มีเรื่องอยากขอร้องด้วยเหมือนกัน จึงเอ่ยพูดอย่างลำบากใจว่า “คุณผู้ชายครับ ผมก็มีปัญหานิดหน่อย ทุกครั้งที่ผมกับภรรยามีเรื่องอย่างว่ากันไม่เคยเกินสามวินาที คุณช่วย……”
อู๋จื้อเหวินแสยะยิ้มแล้วเอ่ยพูด “แกก็ช่วยตัวเองให้มันน้อยลงหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ!”
หนุ่มฟันทองถอยออกมาจากกลุ่มคนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน