คิงดราก้อน - บทที่ 131 ปรมาจารย์การโกง
“ส่วนเรื่องเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์บ้าน ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ค่อยไปเปลี่ยนที่กรมที่ดิน กูติดต่อคนรู้จักให้จัดการ ไม่นานก็คงเรียบร้อย”
เจ้าอ้วนอึ้งไปทันที แล้วรีบโวยวาย : “นี่……นี่มันไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์นะ ซื้อขายบ้านจำเป็นต้องไปลงทะเบียนไว้ก่อน เวลานี้เจ้าหน้าที่เลิกงานกันหมดแล้ว พรุ่งนี้ ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน”
เซียวหยางยิ้มอย่างร้ายกาจ “ไอ้อ้วน มึงคิดว่ากูโง่เหรอ พรุ่งนี้มึงคงไปเรียกลุงของมึงมาสินะ?”
“วางใจเถอะ กูไม่ให้มึงมีเวลาได้ทำแบบนั้นหรอก คืนนี้กูสามารถดำเนินการทุกอย่างได้เลย รับรองว่าอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า บ้านหลังนี้จะตกเป็นของเสิ่นอ้าวจุน”
เจ้าอ้วนร้อนใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาเองก็ไม่ได้คิดจะมา แต่ดื่มเหล้าเข้าไปนิดหน่อย เลยรู้สึกหื่นขึ้นมา แต่เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะเจอกับคนโรคจิตแบบนี้
“กูจะถามมึงอีกครั้ง หนึ่งแสนหยวน มึงจะขายหรือไม่ขาย?”
“เดี๋ยวสิ ขอฉันคิดดูสักหน่อย” เจ้าอ้วนตัดใจขายไม่ลงจริง ๆ บ้านหลังนี้อย่างน้อยก็สองล้านแล้ว นี่จะให้หนึ่งแสน แม้แต่ห้องน้ำยังซื้อไม่ได้เลย
“แปดหมื่น” เซียวหยางพูดออกมาสั้น ๆ
“แปดหมื่น? เมื่อกี้ไม่ใช่หนึ่งแสนหรือไง?”
“หกหมื่น” เซียวหยางแสยะยิ้ม “มึงลองพูดพล่ามอีกสิ กูจะลดราคาลงเรื่อย ๆ”
เจ้าอ้วนรีบร้องบอกให้หยุด “ตกลง ตกลง ตกลง ฉันขาย ฉันขายพอใจหรือยัง?”
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้แต่เงินหกหมื่นเขาก็คงจะไม่ได้มัน
“ถ้ารีบตอบตกลง คงไม่ต้องลดราคาไปสี่หมื่นหรอก ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย” เซียวหยางส่งสายตาให้กับเสิ่นอ้าวจุน แล้วเอ่ยพูด :
“เซ็นชื่อซะเถอะ”
แต่ไหนแต่ไรมาเซียวหยางไม่ต่อรองราคากับคนอื่น เพราะเขาเป็นคนกำหนดราคาเอง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ก่อตั้งสำนักดราก้อนในยุโรปที่มีความเปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างนั้นหรอก ในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปี ได้ทำให้โลกใต้ดินในยุโรปสั่นคลอนไปทั่ว
ถ้าเจ้าอ้วนรู้จักคิดหน่อยล่ะก็ เซียวหยางคงซื้อบ้านในราคาเดิมไปแล้ว แต่ไอ้อ้วนนี่กลับรนหาที่ตายเอง ก็ช่วยไม่ได้นะ
นิ้วมือที่สั่นระริกของเจ้าอ้วน จับปากกาขึ้นมา แล้วเซ็นชื่อด้วยความไม่เต็มใจ วินาทีที่เซ็นชื่อลงไป เขาได้ร้องไห้ออกมา เป็นการร้องไห้ที่เรียกว่าความเสียใจ
ไม่เพียงเพราะถูกเซียวหยางทรมานจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน แต่ยังตัดใจขายบ้านหลังนี้ไม่ได้อีกด้วย นั่นมันเงินทั้งนั้นเลยนะ
“อ้าวจุน บ้านหลังนี้ ต่อไปเป็นของเธอแล้วนะ” เซียวหยางยิ้มออกมาอย่างเรียบ ๆ แล้วเอาสัญญายื่นให้เสิ่นอ้าวจุน
จนถึงตอนนี้เสิ่นอ้าวจุนยังรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน เหมือนภาพลวงตาในความฝันจริง ๆ บ้านหลังนี้เป็นของเธอแล้วจริง ๆ เหรอ แค่เงินหกหมื่นก็ซื้อบ้านที่อยู่ใจกลางเมืองได้หนึ่งหลัง ปกติคงเป็นได้แค่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง แต่เซียวหยางกลับทำมันได้
“แค่สัญญาฉบับเดียวคงไม่ได้หรอก ต้องไปเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินด้วย”
แค่เซ็นสัญญา แต่ในเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์บ้านยังคงเป็นชื่อของเจ้าอ้วน ถึงเวลานั้นหากเจ้าอ้วนเล่นตุกติก ทั้งหมดนี่ก็คงเปล่าประโยชน์
เซียวหยางเพิ่งนึกเรื่องเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ขึ้นมาได้
“เธอรอเดี๋ยว ฉันจะช่วยเธอจัดการตอนนี้เลย”
เสิ่นอ้าวจุนตกตะลึง ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม หรือว่าเซียวหยางมีเส้นสายในกรมที่ดินด้วย?
เจ้าอ้วนร้องห่มร้องไห้พูดอย่างน่าสงสารว่า : “น้องชาย ฉันผิดไปแล้ว นายเพิ่มเงินให้หน่อยได้ไหม หกหมื่นมันน้อยเกินไปจริง ๆ นะ”
“หยุดฟูมฟายได้แล้ว กูยังมีธุระที่ต้องจัดการอีก” เซียวหยางจ้องเขม็งใส่เขา ล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ
เซียวหยางกดโทรไปหาเหล่าเซ่ที่เป็นตัวแทนของสำนักดราก้อนแห่งเมืองหยินโจว
“ฮัลโหล เหล่าเซ่”
“ครับ เจ้านาย ในที่สุดคุณก็ติดต่อผมมาสักที ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
เซียวหยางพูดอย่างเรียบ ๆ : “ช่วยฉันจัดการเรื่องหนึ่งสิ ฉันต้องการให้นายเปลี่ยนเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์บ้านให้ฉันหน่อย ฉันต้องการผลลัพธ์ภายในสิบนาที”
เจ้าอ้วนเบิกตากว้าง เหมือนกับเห็นผีไม่มีผิด จัดการได้ภายในสิบนาที ตลกแล้วมั้ง
เสิ่นอ้าวจุนมองเซียวหยางอย่างไม่น่าเชื่อ เหล่าเซ่ที่อยู่ในสายเป็นใคร ถึงได้มีอำนาจขนาดนี้?
เมื่อวางสายแล้ว เซียวหยางก็ยืนรออยู่ด้านนอก สูบบุหรี่มวนหนึ่ง ยังสูบไม่ทันเสร็จ เขาก็ได้รับการตอบกลับ
เซียวหยางบี้ปลายบุหรี่เพื่อดับไฟ แล้วเดินเข้ามา : “พรุ่งนี้เธอเอาบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านไปดำเนินการตามขั้นตอนที่กรมที่ดินก็โอเคแล้ว”
แค่นี้……ก็จัดการเสร็จแล้วเหรอ?
เสิ่นอ้าวจุนมองเซียวหยางเหมือนกับมองสัตว์ประหลาดยังไงยังงั้น
เจ้าอ้วนเงยหน้าโง่ ๆ ขึ้นมาถาม : “แล้วฉันล่ะ?”
“มึง? ไม่มีเรื่องของมึงแล้ว ทิ้งเลขบัญชีธนาคารไว้ อีกเดี๋ยวจะโอนเงินหกหมื่นหยวนไปให้ มึงไสหัวไปได้แล้ว”
เจ้าอ้วนรีบชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องบ้าน ค่อยหาวิธีจัดการวันหลัง
เขารีบทิ้งเลขบัญชีธนาคารไว้ให้ แล้วหมุนตัวจะกลับไป แต่ตอนที่จะออกไป แววตากลับมีความเคียดแค้นเผยออกมา
“อย่าเพิ่งรีบไป กูยังมีอะไรจะพูดกับมึง” เซียวหยางรั้งเขาเอาไว้
“กูเตือนมึงเอาไว้นะ ถ้ามึงกล้ามารบกวนครอบครัวเสิ่นอ้าวจุนอีก กูฆ่ามึงแน่!”
ตอนที่พูดประโยคนี้ เซียวหยางได้ปล่อยรังสีอำมหิตที่น่ากลัวออกมา ราวกับเป็นดาบคมสองเล่ม แทงทะลุอกของอีกฝ่าย
เจ้าอ้วนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกน่าอึดอัดอย่างรุนแรง เหมือนถูกคนบีบหัวใจเอาไว้แน่น พร้อมจะบีบขยี้ให้แหลกได้ทุกเมื่อ
“ไม่ ไม่กล้าแล้ว ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้อีกเป็นอันขาด”
“ไสหัวไปซะ”
เจ้าอ้วนรีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปจากห้อง ตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลท่วม
สายตาเมื่อครู่นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แม่งเอ้ย ไอ้เวรนี่คงไม่ฆ่าคนจริง ๆ หรอกมั้ง ทำไมสายตาถึงได้น่ากลัวขนาดนั้นเนี่ย
เมื่อรอเจ้าอ้วนกลับไปแล้ว เซียวหยางก็หมุนตัวกลับมา แล้วพูดเหมือนโอ้อวดว่า : “เรื่องเล็กแค่นี้เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ เล็กน้อยเท่านั้น”
เสิ่นอ้าวจุนยังคงรู้สึกช็อกไม่หาย ตอนนี้ถึงตั้งสติขึ้นมาได้ ยังไม่ทันได้ขอบคุณเซียวหยางเลย
ยังไงซะการซื้อบ้านหนึ่งหลังในราคาหกหมื่นหยวนก็คุ้มค่ามากจริง ๆ เธอฝันอยากมีบ้านสักหลังอยู่ใจกลางเมือง
แต่ว่า เธอยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
“เซียวหยาง ฉันคิดว่าพวกเราทำอย่างนี้ เป็นการรังแกคนอื่นเกินไปหรือเปล่า”
เซียวหยางส่ายหน้า “รังแกคนอื่นเหรอ ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ”
“เธอน่ะ ใจดีเกินไปแล้ว เธอลองคิดดูว่าถ้าฉันไม่อยู่ด้วยล่ะ มันอาจจะบังคับขืนใจเธอก็ได้ ถึงตอนนั้นมันจะคิดว่ามันรังแกเธอเหรอ?”
“ที่ฉันทำน่ะเรียกว่าเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน คนแบบนี้จำเป็นต้องสั่งสอนสักหน่อย ไม่อย่างนั้นไม่รู้จักเข็ดหลาบหรอก”
เสิ่นอ้าวจุนพยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ อาจจะเป็นเหมือนอย่างที่เซียวหยางพูดจริง ๆ นั่นแหละ ต้องตาต่อตาฟันต่อฟันถึงจะเป็นวิธีง่ายที่สุดและได้ผลที่สุด
“ไอหยา ดึกขนาดนี้แล้ว อุตส่าห์บอกไว้ว่าจะเลี้ยงข้าวนาย” เสิ่นอ้าวจุนดูเวลา เห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้ว จึงรีบแสดงท่าทีขอโทษ
“พวกเราไปหาอะไรทานข้างนอกดีไหม ฉันเลี้ยงมื้อดึกนายเอง”
“มื้อดึกไม่ต้องแล้วล่ะ ดึกขนาดนี้แล้ว ไว้วันหลังเธอเลี้ยงมื้อใหญ่ฉันแล้วกัน”
“งั้นก็ได้”
ทันใดนั้น เซียวหยางก็มองไปยังห้องน้ำที่มีสภาพเละเทะ แล้วยิ้มด้วยความขอโทษ : “ทำห้องน้ำเธอเละเทะหมดแล้ว ฉันช่วยเธอเก็บแล้วกัน”
เซียวหยางกำลังจะลงมือเก็บกวาด เสิ่นอ้าวจุนก็รีบแย่งไม้ถูพื้นมา “ฉันทำเอง เดี๋ยวก็เสร็จ”
เสิ่นอ้าวจุนไม่อยากให้เซียวหยางลงมือทำเลยสักนิด จึงได้ทำความสะอาดห้องน้ำคนเดียว มองเสิ่นอ้าวจุนที่ก้มตัวทำความสะอาดอย่างตั้งใจ เซียวหยางมองไปมองมา ก็ตกอยู่ในภวังค์
เมื่อก้มตัวลง คอเสื้อที่เป็นจีบก็เปิดออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่ขาวราวหิมะ
สีม่วง แถมยังเป็นลูกไม้อีกด้วย!
พูดกันว่าผู้หญิงที่ชอบใส่เสื้อในสีม่วง ภายนอกดูเย็นชาเข้าถึงยาก แต่ภายในเร่าร้อน เต็มไปด้วยความลึกลับ ขอแค่พิชิตเธอได้ เธอจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่หยุดหย่อนแน่นอน
ไม่รู้ว่าเสิ่นอ้าวจุนจัดอยู่ในประเภทนี้ด้วยหรือเปล่า
ทั้งสองคนหาเรื่องคุยแก้เขินกันอีกสักครู่ เซียวหยางพูดปากไม่ตรงกับใจ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ต่อให้ไม่ได้คิดอะไร ก็อาจจะเกิดประกายไฟขึ้นมาได้
“อ้าวจุน ไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันกลับก่อนแล้วกัน จำไว้นะว่าต้องปิดประตูหน้าต่างให้ดี กุญแจของไอ้เวรนั่นถูกฉันยึดมาแล้ว มันน่าจะเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะ ถ้ามันกล้ามาหาเธออีก เธอต้องโทรศัพท์หาฉันนะ”
เซียวหยางออกมาจากบ้าน หลังจากเดินลงตึก ก็หันหน้าขึ้นไปมองชั้นบนอีกครั้ง ยังคงมองเห็นร่างสวย ๆ ใต้แสงไฟโบกมือให้กับด้านล่าง