คิงดราก้อน - บทที่ 132 เงินสดหมุนเวียนขาดสภาพคล่อง
เช้าวันถัดมา เย่หยุนซูตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันเดียวที่เธอกับเซียวหยางตื่นพร้อม ๆ กัน
ปกติเย่หยุนซูไม่มีทางตื่นเช้ามากขนาดนี้
เซียวหยางกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ได้เอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า : “ทำไมวันนี้ถึงตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะ”
เย่หยุนซูนวดแก้มไปมา “วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันต้องไปปฏิบัติงาน ฉันไม่มีอารมณ์นอนขี้เกียจอยู่บนเตียงหรอกนะ”
“ไม่ต้องคิดมากเกินไปหรอก เธอยังมีคุณปู่คอยหนุนหลังอยู่นะ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก”
เย่หยุนซูพยักหน้าแล้วเอ่ยพูด : “ฉันเข้าใจความหมายของนายดี แต่ที่นายพูดวันนั้นก็ไม่ผิด กลัวว่าเมื่อไปถึงบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป พวกเขาจะเตรียมเซอร์ไพรส์ฉันแบบจัดเต็ม”
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เซียวหยางก็ขับรถพาเย่หยุนซูไปยังบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ปเป็นครั้งแรก ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว ว่าเซอร์ไพรส์นี้มันคืออะไร
บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ไม่เพียงแต่ขาดทุนเท่านั้น แต่เมื่อตรวจดูบัญชี เย่หยุนซูก็ต้องเจอกับเรื่องสุดช็อก นั่นคือเงินสดหมุนเวียนของบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ใกล้ขาดสภาพคล่องแล้ว!
ถ้าหากยังไม่มีเงินก้อนโตเข้าบัญชีล่ะก็ บริษัทขนาดใหญ่อย่างเย่ซื่อกรุ๊ป คงต้องหยุดกิจการ!
“ไอ้เจ้าเย่ถันหมิง ทิ้งเรื่องเละเทะเอาไว้ให้ฉันชัด ๆ มีอย่างที่ไหนกัน!”
เย่หยุนซูที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุด โกรธจนหน้าซีด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโมโห
มิน่าล่ะที่ประชุมครอบครัววันนั้น เย่ถันหมิงถึงได้ใจกว้างขนาดนั้น ยอมให้ตัวเองเข้ามาควบคุมดูแลบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป แถมยังยื่นข้อเสนอแบบไม่มีทางเลือกนั่นอีก
ที่แท้เขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ตกอยู่ในสภาพที่เงินชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่กลับปกปิดไม่ยอมรายงาน ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณปู่ระแคะระคาย ก็ไม่รู้ว่าเขาจะปกปิดไปถึงเมื่อไหร่
เซียวหยางกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ
“เงินสดหมุนเวียนจำเป็นต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่มาโปะเข้าไป?”
เย่หยุนซูคิดคำนวณด้วยความอดทน “อย่างน้อยก็จำเป็นต้องใช้เงินห้าร้อยล้านมาโปะเข้าไป ถึงจะไม่ขาดสภาพคล่อง”
เงินสดหมุนเวียน ก็หมือนสายโซ่ของเครื่องจักร เมื่อไม่มีสายโซ่ เครื่องจักรนี้ก็ไม่สามารถหมุนไปได้ หรือเกิดการหมุนลม
ห้าร้อยล้านนี้ สำหรับบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ที่ยิ่งใหญ่ ที่จริงไม่ใช่จำนวนมากมายเลย แต่เงินจำนวนนี้เป็นเหมือนสายโซ่หลายเส้นในระบบเงินสดหมุนเวียน เมื่อขาดสายโซ่พวกนี้ไป บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป ก็ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้เหมือนอย่างเคย
ถึงขนาดว่าบางบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดหลายพันล้าน ต้องปิดตัวลงเพราะเป็นหนี้หลายสิบล้าน เรื่องพวกนี้ พบเห็นได้มากในโลกธุรกิจ เย่หยุนซูจึงเข้าใจเหตุผลนี้ดี
“ห้าร้อยล้านเลยนะ จะให้ฉันไปหาเงินห้าร้อยล้านนี่มาจากที่ไหน หรือต้องพึ่งพาบริษัทหยุนซูงั้นเหรอ?”
“แต่แม้ว่าจะเป็นบริษัทหยุนซูก็ไม่มีกระแสเงินสดถึงห้าร้อยล้านหรอก และบริษัทหยุนซูเพิ่งรับทำโครงการโรงพยาบาล เป็นช่วงที่จำเป็นต้องใช้เงิน ไม่มีเงินเหลือพออีกแล้ว”
เย่หยุนซูมีสีหน้าหนักใจ
หากขาดปัจจัยสำคัญไปก็ยากที่จะทำงานได้สำเร็จ ในขณะที่เย่หยุนซูเตรียมพร้อมที่จะลงแรงทำงานใหญ่ กลับพบว่าเงินสดหมุนเวียนขาดสภาพคล่อง ยังมีเรื่องเฮงซวยกว่านี้อีกไหม
เซียวหยางก็กำลังคิดพิจารณาว่าควรทำอย่างไรดี จะใช้สำนักดราก้อนดีไหม ถ้าหากให้สำนักดราก้อนยื่นมือช่วย เงินห้าร้อยล้านนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเซียวหยางก็ดังขึ้น เมื่อเขาก้มดู พบว่าเป็นอู่ส้วยที่ใช้วีแชทโทรเข้ามา
“พี่ชาย พี่กลับมาหยินโจวแล้วเหรอ มีเวลาว่างออกมาเจอกันหน่อยสิ?”
“สองวันนี้คงจะไม่ได้ ไว้วันหลังแล้วกัน”
ไม่ใช่เซียวหยางไม่ไว้หน้า แต่เรื่องของเย่หยุนซูยังไม่ได้แก้ไข สองวันนี้เขาควรจะอยู่ข้างกายเย่หยุนซู
“ว้า น่าเสียดายจัง เดิมทีเมืองหยินโจวจัดเทศกาลพนันหิน ผมตั้งใจจะพาพี่ไปสนุกสักหน่อย ลองเสี่ยงโชคดู”
เซียวหยางชะงักไปทันที “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ เทศกาลพนันหิน?
อู่ส้วยฟังเสียงเซียวหยางเหมือนสนใจงานนี้มาก เลยพูดเป็นน้ำไหลไฟดับทันที
เทศกาลพนันหินของเมืองหยินโจว จะจัดขึ้นปีละครั้ง ผู้จัดงานจะคัดสรรแร่ดิบจากทั่วทุกมุมโลกส่งมาที่เมืองหยินโจว
การพนันหินไม่จนก็รวยไปเลย ถ้าหากโชคดี การรวยชั่วข้ามคืนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นหลายปีมานี้เทศกาลพนันหินเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วจีน เมืองหยินโจวก็เป็นหนึ่งในนั้น และเทศกาลพนันหินครั้งนี้ว่ากันว่ามีแร่เนื้อดีโปร่งใสไร้ตำหนิจากพม่าจำนวนหนึ่งด้วย
เมื่อมีข่าวออกมา ไม่เพียงเมืองหยินโจวเท่านั้น แม้แต่คนที่อยู่เมืองใกล้เคียง ก็ได้รับข่าวสารนี้แล้วรีบมาร่วมงานเช่นกัน
เทศกาลพนันหินของเมืองหยินโจวครั้งนี้เรียกได้ว่าคึกคักและยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเซียวหยางได้ฟัง ก็สนใจขึ้นมาทันที ไปเสี่ยงโชคในเทศกาลพนันหินก็ไม่เลวนะ
“ตกลง นายส่งเวลาและสถานที่มาให้ฉันแล้วกัน ฉันจะไปหานาย”
อู่ส้วยหัวเราะชอบใจ “ครับผม พี่ชาย งั้นถึงเวลาผมจะรอต้อนรับพี่เลย!”
“OK!” เซียวหยางตอบตกลง แล้ววางสายไป
“ใครโทรศัพท์มาเหรอ?” เย่หยุนซูเลิกคิ้วสวยขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
“อู่ส้วยโทรมา”
จู่ ๆ เซียวหยางก็พูดขึ้นว่า : “เรื่องเงินเธอไม่ต้องรีบร้อนไปก่อน สองวันนี้เมืองหยินโจวจัดงานเทศกาลพนันหิน ถึงเวลานั้นฉันจะไปลองเสี่ยงโชคดู ถ้าโชคดี อาจจะได้เงินก้อนนี้มาก็ได้”
เย่หยุนซูมองเซียวหยางเหมือนมองคนทึ่มไม่มีผิด “พูดเป็นเล่นไปได้ นั่นเงินห้าร้อยล้านเชียวนะ ไม่ใช่ห้าแสน พนันหินจะชนะได้เงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไง?”
“อีกอย่างนะ พนันหินไม่ใช่จะชนะเสมอไป แร่ดิบที่คุณภาพดีหน่อยราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ เลย ถ้าหากเปิดออกมาแล้วไม่มีอะไรเลย เท่ากับต้องเสียเงินไปเปล่า ๆ”
“ว้าว คิดไม่ถึงเลยว่าเธอก็รู้เรื่องพนันหินด้วย?” เซียวหยางร้องออกมาด้วยความคาดไม่ถึง
“เรื่องพวกนี้เป็นความรู้พื้นฐานนะยะ ฉันต้องรู้เรื่องด้วยหรือไง?” เย่หยุนซูเบ้ปากอย่างเย้ยหยัน
เซียวหยางหัวเราะแหะแหะ “แต่ว่าฉันคิดจะไปลองดูหน่อยน่ะ เผื่อฉันจะโชคดี”
เขารู้ดีว่าแร่ดิบคุณภาพดีราคาแพงมาก สีเขียวมรกตชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง สามารถขายได้สูงถึงหลักสิบล้าน
“งั้นก็แล้วแต่นายเถอะ” ถึงแม้เย่หยุนซูตอบตกลงแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับเซียวหยาง
……
เซียวหยางออกมาจากห้องทำงาน เดิมทีคิดจะทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของบริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป สักหน่อย แต่เสิ่นอ้าวจุนได้โทรเข้ามา
เซียวหยางยิ้มพลางเอ่ยพูด : “คุณเสิ่นสาวสวย มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ อดใจไม่ไหวรีบร้อนอยากเลี้ยงข้าวฉันมื้อใหญ่ขนาดนี้เลยสินะ”
เสิ่นอ้าวจุนฝืนหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยพูด : “เลี้ยงข้าวนายมื้อใหญ่ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนนี้มีเรื่องจะให้นายช่วยหน่อย”
“อ้อ? เรื่องอะไรล่ะ”
“เฉินเสี่ยวเปียวโทรหาฉันเมื่อครู่นี้ บอกว่าต้องการเจรจาเรื่องบ้าน”
“เฉินเสี่ยวเปียว? ใครอ่ะ มันมีสิทธิ์อะไรมาเจรจาเรื่องบ้านกับเธอ?”
เสิ่นอ้าวจุนพูดอย่างจนปัญญา : “เฉินเสี่ยวเปียวก็คือไอ้อ้วนนั่นไง ชื่อมันคือเฉินเสี่ยวเปียว มันให้ฉันไปเจอมัน ถ้าฉันไม่ไป มันก็จะ……”
เซียวหยางขมวดคิ้ว “มันจะทำอะไร?”
“มันบอกว่ามันจะคุกคามฉันต่อไปเรื่อย ๆ ต่อให้ฉันเปลี่ยนกุญแจบ้าน มันก็จะสาดสีใส่ประตูบ้าน”
“เชี้ยเอ้ย นี่มันเล่นใหญ่เลยนะ จิตใจคับแคบจริง ๆ มันอยากให้เธอเจอความยากลำบากแล้วถอยออกไป เพื่อจะได้เอาบ้านกลับคืน”
“งั้นพวกเราต้องทำยังไงล่ะ? ไม่อย่างนั้น……ฉันเอาบ้านขายต่อแล้วกัน”
เสิ่นอ้าวจุนรู้สึกเรื่องนี้เกินกำลังเธอไปหน่อย ยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่มีเรี่ยวแรงไม่มีกะจิตกะใจไปสู้กับอันธพาลแบบนี้หรอก