คิงดราก้อน - บทที่ 140 ยมบาล
เซ่หงถูเห็นดังนั้น จึงรีบตะโกนเรียกเสียงดัง : “เข้ามานี่หน่อย รีบคุ้มครองคุณเซียว!”
บอดี้การ์ดหน้าประตูสิบกว่าคนรีบพุ่งเข้ามาทันที ล้อมเซวปู้ฝางเอาไว้ด้วยท่าทางโหดเหี้ยม
ทุกคนเห็นว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว จึงรีบแอบชิ่งหนีออกไป ไม่กล้าอยู่ที่ชั้นสองอีก
เซวปู้ฝางกลับไม่ร้อนรนใจ แล้วหัวเราะเยาะเย้ยออกมา : “ฝีมือกาก ๆ ของพวกแกเนี่ยนะ คิดจะมาขัดขวางฉัน?”
“ไสหัวไปซะ!”
เซวปู้ฝางพูดจบ ก็พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ชายร่างกำยำสิบกว่าคนก็พร้อมใจกันเข้าไปตะลุมบอน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ภายใต้เงาหมัดของเซวปู้ฝาง ชายร่างกำยำนับสิบคนกลับต้านทานไว้ไม่ไหว เพียงครู่เดียว ทุกคนก็ล้มลงนอนโอดครวญอยู่บนพื้น
เซ่หงถูและเซ่เฟยเฟยตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเซ่หงถู แม้ว่าเขารู้ประวัติความเป็นมาของเซวปู้ฝาง แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะเก่งกาจด้านวรยุทธ์ด้วย
บอดี้การ์ดที่เป็นลูกน้องของเขาล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่ปลดประจำการแล้วทั้งนั้น แต่กลับถูกเซวปู้ฝางจัดการได้อย่างง่ายดาย
ไอ้หมอนี่ น่าจะเป็นผู้มีวรยุทธ์!
มองชายร่างกำยำสิบกว่าคนที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น เซวปู้ฝางก็แสยะยิ้มออกมา เขาเงยหน้าจ้องมองไปที่เซียวหยาง แล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“ไอ้หนุ่ม แกคิดว่าฉันเก่งแค่ด้านการแพทย์ใช่ไหม?”
“ผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ!”
“กูเก่งทั้งด้านการแพทย์และวรยุทธ์โว้ย ในสายตาของกู มึงต่างหากที่เป็นสวะ!”
“รักษาโรคได้แค่โรคเดียว มึงก็คิดว่ามีสิทธิ์เสแสร้งทำวางมาดหรือไง?”
“หึ กูสั่งให้มึงคุกเข่าให้กูเดี๋ยวนี้ แล้วโขกหัวสิบครั้งเพื่อยอมรับผิด กูจะไว้ชีวิตมึงสักครั้ง ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!”
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศทาง เสียงเสื้อผ้าพัดกระพือดังขึ้น!
เซียวหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกขาไขว่ห้าง สำรวจเจ้าหมอนี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พ่อคะ……เร็วเข้า รีบหาทางช่วยเขาสิ” เซ่เฟยเฟยบอกอย่างรีบร้อน
เซ่หงถูสีหน้าลำบากใจ แล้วแอบส่ายหน้า ฉันจะช่วยยังไงล่ะ อีกฝ่ายเป็นผู้มีวรยุทธ์ชัด ๆ ใครลงมือต้องมีอันเป็นไปทุกราย
เซวปู้ฝางเอามือไขว้หลัง ทำท่าทางสูงส่ง แล้วพูดอย่างได้ใจ : “ไอ้หนุ่ม คราวนี้แกรู้แล้วใช่ไหมว่าพรสวรรค์จริง ๆ มันเป็นยังไง”
“ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย คุกเข่า ยอมรับผิด ไม่อย่างนั้น ตาย!”
เซียวหยางเอ่ยพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึมและสงบนิ่ง : “ไอ้หนุ่ม ฉันก็จะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย ตัดนิ้วมือทั้งสิบนิ้วทิ้งซะ อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ”
เชี้ยเอ้ย!
เซวปู้ฝางโกรธจนผมตั้งชัน ถึงขนาดนี้แล้ว เซียวหยางยังกล้าวางมาดอวดดีอีก
“ได้ ไอ้หนุ่ม แกบังคับฉันเองนะ งั้นตายซะ!”
เซวปู้ฝางยื่นฝ่ามือออกมา กำหมัดแน่น ก้าวขาแต่ละก้าวยาวราวห้าหกเมตร ชั่วพริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหยาง ระเบิดหมัดออกไปในแนวตรงกลาง พุ่งตรงไปที่หน้าอกของเซียวหยาง เหมือนจะเจาะเข้าไปในหัวใจ
จบเห่แล้ว!
เซ่หงถูกับเซ่เฟยเฟยหลับตาลง
และทันใดนั้น ก็ได้ยินเพียงเสียงตึง!
“อ๊ะ เป็นไปได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินเสียงดังตึง เซ่หงถูเป็นคนแรกที่ลืมตาขึ้น แต่กลับเห็นร่างเซวปู้ฝางนอนกองอยู่ที่มุมห้อง
บนผนัง มีรอยร่างคนอยู่รอยหนึ่งด้วย
ศิลปะการต่อสู้เพียงชั่วพริบตา ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที เซวปู้ฝางกระอักเลือดออกมา สภาพยับเยิน
ส่วนเซียวหยาง……ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นแหละ
“นี่……นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เซวปู้ฝางถึงขนาดมองไม่เห็นว่าเซียวหยางลงมือยังไง แต่ตัวเองกลับลอยออกไปแล้ว เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนกระดูกหักไปทั้งตัว
เขาลุกขึ้นมาด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาที่มองไปทางเซียวหยาง ดูเคร่งขรึมดุดันมากขึ้น
“กูจะกำจัดมึงซะ!”
เสียงพรึบ!ดังขึ้น เซวปู้ฝางพุ่งออกไปอีกครั้ง ท่าทางดูยิ่งใหญ่คับฟ้า โจมตีเข้าไปที่ด้านหลังศีรษะของเซียวหยาง
ตึง!
เซวปู้ฝางลอยออกไปเหมือนกระสอบทรายอีกครั้ง แล้วล้มกลิ้งลงไปบนพื้นกว่าเจ็ดแปดเมตร จนชนเข้ากับโต๊ะตัวหนึ่งถึงได้หยุดกลิ้ง
เจ้าหมอนี่กระอักเลือดอีกครั้ง ราวกับว่าอวัยวะภายในฉีกขาดจนหมดสิ้น
“ทำไม ทำไมกัน?”
เขาคำรามออกมาด้วยความเจ็บใจ น้ำเสียงแหบแห้ง ไอ้หมอนี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชัด ๆ มีช่องโหว่เต็มไปหมด แต่ทุกครั้งที่เขาโจมตี กลับถูกโจมจนลอยออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ไอ้เวรเอ้ย มึงบังคับกูเองนะ!”
เซวปู้ฝางไม่เชื่อแล้วพุ่งออกไปอีกครั้ง ใช้วิชาที่ฝึกฝนเรียนรู้มาตลอดชีวิตนี้
“ไก่ขันโลก!”
โครม!
“พระชี้จันทร์!”
ตึง!
“ตุ๊กแกปีนกำแพง มือวาตะเมฆา!”
โครม!
เซวปู้ฝางโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนเซียวหยางตอบโต้อย่างสบาย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้ายได้มีสีหน้าเอือมระอาออกมา
เซียวหยางเห็นกระบี่เล่มหนึ่งแขวนอยู่บนผนังพอดี น่าจะเป็นของเซ่หงถูเอาไว้ใช้ปกป้องครอบครัว เขาจึงหยิบมันลงมา
“มึง……มึงจะทำอะไร?” เซวปู้ฝางโวยวายด้วยความตระหนกตกใจ
“ทำอะไรงั้นเหรอ? สิ่งที่ฉันพูดออกไปแล้ว ไม่เคยคืนคำมาก่อน”
พูดจบ ไม่รอให้เซวปู้ฝางตอบสนอง แสงจากกระบี่วาบขึ้นมา นิ้วมือสิบนิ้วก็ถูกตัดขาดทันที!
อ๊าก!
เซวปู้ฝางร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว นิ้วมือทั้งสิบเชื่อมกับหัวใจ ทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตาย
“มึง……มึงถึงกับกล้าตัดนิ้วกูเลยเหรอ!”
เขามีทักษะการแพทย์ที่ทรงคุณค่าอย่างมาก เดิมทียังอยากโลดแล่นไปยังเมืองใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นหมอเทวดา
แต่มาวันนี้นิ้วมือทั้งสิบนิ้วถูกตัดขาด ชีวิตนี้เกรงว่าจะไม่สามารถฝังเข็มได้อีกแล้ว!
คนคนนี้ โหดเหี้ยมมาก!
เซวปู้ฝางมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ในที่สุดเขาก็คิดได้ ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนดีเด็ดขาด ดูท่าทางธรรมดา ๆ แต่ความเป็นจริงไม่ว่าทักษะด้านการแพทย์หรือด้านวรยุทธ์กลับอยู่ในระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
และคนคนนี้โหดเหี้ยมมากถึงมากที่สุด พูดว่าจะตัดนิ้วมือของเขาทั้งสิบนิ้ว ก็ตัดได้หน้าตาเฉยเลย!
เซวปู้ฝางพยายามยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วโวยวายอย่างเกรี้ยวกราด :
“ได้ มึงชื่อเซียวหยางใช่ไหม กูจำมึงไว้แล้ว วันนี้ถือว่ามึงโชคดีไป หนทางยังอีกยาวไกล พวกเรามาคอยดูกัน!”
“ความแค้นในวันนี้ ฉันเซวปู้ฝางสาบานว่า! ต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน!”
พูดทิ้งท้ายไว้ แล้วเซวปู้ฝางก็กระโดดออกไปทางหน้าต่าง ชั่วพริบตาเดียว เขาก็หายลับตาไป
เซียวหยางไม่สนใจคำขู่แบบนี้เลยสักนิด แล้วเอากระบี่โยนลงไปบนโต๊ะ
แต่เซ่หงถูกลับส่ายหน้า ถอนหาย แล้วเอ่ยว่า :
“เฮ้อ คุณเซียว คุณก่อเรื่องแล้วล่ะ!”
“ก่อเรื่อง หมายความว่าไง?” เซียวหยางเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
เซ่หงถูเอ่ยพูด : “เซวปู้ฝางคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดานะ อาจารย์ของเขาเป็นถึงยมบาล!”
เซียวหยางลูบจมูกไปมา “ยมบาล มันคืออะไร?”
ไม่ใช่ว่าเซียวหยางไม่มีความรู้ แต่สองปีมานี้เขาอยู่แต่กับเย่หยุนซูโดยตลอด เขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้มีวรยุทธ์ไม่มากเท่าไหร่
เซ่หงถูหมดคำพูดทันที “ยมบาลไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นผู้ที่เก่งด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ ร้อยปีก็ยากที่จะพบเจอ ได้รับยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งในมณฑลหนานหู!
“มณฑลหนานหู มีห้ารัฐแปดเมืองสามสิบอำเภอ ประชากรหลายสิบล้านคน ได้รับยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งแห่งมณฑลหนานหู แค่นี้ก็รู้แล้วว่าวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนมาน่ากลัวขนาดไหน!
“เซวปู้ฝางเป็นลูกศิษย์คนเล็กสุดของยมบาล ปกติก็เป็นที่รักและเอ็นดูมากกว่าใครอยู่แล้ว ยิ่งเซวปู้ฝางมีความสามารถพิเศษโดดเด่น คุณไปล่วงเกินเขา ตัดนิ้วมือสิบนิ้วของเขา กลัวว่าอาจารย์ของเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปน่ะสิ”
เซียวหยางยักไหล่ “แล้วยังไงล่ะ หรือต้องให้มันทำร้ายผม ผมตอบโต้กลับไม่ได้งั้นสิ?”
“ถ้าเพราะเรื่องเล็กแค่นี้ ยมบาลนั่นจะลงมือจัดการผม งั้นอันดับหนึ่งของมณฑลหนานหูคนนี้ ก็คงไม่คู่ควรกับเขาหรอก”
เซียวหยางไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลยสักนิด เขาหันไปมองเซ่หงถูที่อกสั่นขวัญแขวน แล้วเอ่ยพูด : “ถ้าหากยมบาลมาหาเรื่องคุณ คุณบอกชื่อเซียวหยางไปได้เลย”
เซ่หงถูฝืนยิ้มออกมาอย่างจนใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่รู้สึกว่าเซียวหยางเป็นคนที่แปลกจริง ๆ
หากเป็นคนอื่น ถ้าหากถูกยมบาลหมายหัวแล้ว คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่เซียวหยางดูเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลย
ไม่รู้ว่าเซียวหยางมีดีจนโอหังได้จริง ๆ หรือไม่รู้ถึงความน่ากลัวของยมบาลกันแน่?
เซียวหยางกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย ยมบาลอะไรนั่น รกสมองเขาเปล่า ๆ ไว้จะส่งแกไปลงนรกให้เป็นยมบาลจริง ๆ!
“ประธานเซ่ ผมรักษาอาการป่วยจนหายดีแล้ว ควรมอบบัวหิมะเทียนซานให้ผมได้แล้วนะครับ” เซียวหยางยื่นมือออกไป