คิงดราก้อน - บทที่ 2 รับปาก
บทที่ 2 รับปาก
เย่หยุนซูมองไปยังเซียวหยางด้วยความแปลกใจ พลางยิ้มดูแคลนในทันที “คุณว่าอะไรนะ คนอย่างคุณเนี่ยนะ?”
“ขอแค่คุณเชื่อผม” เซียวหยางพูดอย่างมั่นใจ
เป็นครั้งแรกที่เย่หยุนซูเห็นเซียวหยางพูดอะไรจริงจังขนาดนี้ ในขณะที่มึนงงอยู่นั้น เธอกลับรู้สึกเชื่อขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ
“เฮ้อ เลิกล้อเล่นได้แล้ว เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ฉันทำได้แค่ขอให้ท่านย่าให้ความสำคัญกับสายเลือดทางพ่อกว่านี้หน่อยเท่านั้น”
ในเวลานี้เหล่าไท่จวินที่นั่งอยู่บนโต๊ะหลักได้ถอนหายใจออกมา
เย่ถันหมิงพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า “คุณย่า วันนี้เป็นวันเกิดคุณย่า ทำไมยังถอนหายใจอีกละครับ”
“เดิมที่วันนี้เป็นวันที่มีความสุขวันหนึ่ง แต่เรื่องการเจรจาความร่วมมือกับบริษัทเจี้ยนต๋ายังไม่ได้ข้อสรุป ในใจของย่ายังเป็นกังวลอยู่”
บริษัทเจี้ยนต๋าเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ติดท็อป3ในเมืองหยินโจว มีบริษัทในเครือหลายสิบแห่ง และทำกำไรได้ถึงหลายพันล้านหยวนต่อปี เป็นกิจการค้าร่วมที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
“ถ้าหากสามารถร่วมมือกับทางบริษัทเจี้ยนต๋าได้ อย่างนั้นวันข้างหน้าอีกสิบๆปีตระกูลเย่ก็ไม่น่าห่วงอีกต่อไป”
“คนแก่แบบย่าจะพอมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกได้บ้าง ถ้าหากสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับทางบริษัทเจี้ยนต๋าได้อีกก้าว เท่ากับว่าตระกูลเย่ก็มีที่พึ่งหลักแล้ว ต่อให้ย่าตายไปก็หมดห่วงแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินคำนี้ต่างตกใจ
“เหล่าไท่จวิน วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน ท่านจะต้องอายุยืนยาวแน่นอน”
เหล่าไท่จวินโบกมือ “คำพูดประจบประแจงไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ฉันให้สัญญา ใครที่สามารถเจรจาตกลงงานในครั้งนี้ได้ ฉันจะตอบสนองความปรารถนาเขาให้อย่างหนึ่ง คนของตระกูลเย่ นับเป็นรายคน ฉันพูดคำไหนคำนั้น”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา เครือญาติที่นั่งอยู่ต่างตกใจ ดูจากสีหน้าคร่าตาของท่านย่า ขอแค่เจรจางานสำเร็จ แม้จะเป็นตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเย่ก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่ปฏิเสธ
เย่ถันหมิงสายตาเป็นประกาย กำลังจะลุกขึ้นมา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นบริษัทเจี้ยนต๋า สุดท้ายก็ไม่กล้าที่จะลุก
เขาเคยไปเยี่ยมประธานของบริษัทเจี้ยนต๋า สุดท้ายไม่สนใจเขาเลย โอกาสที่พบก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ
การร่วมมือในครั้งนี้ มันไม่ได้คุยง่ายขนาดนั้น
เย่หรูไห่ พ่อของเย่ถันหมิงพูดขึ้นว่า “แม่ บริษัทใหญ่นั้นไม่ได้คุยง่ายขนานนั้น แต่แม่วางใจเถอะ เราจะพยายาม”
“หึ พวกแกพยายามแล้วจะมีประโยชน์อะไร แม้แต่ประธานใหญ่บริษัทเค้าก็พบไม่ได้ หรือจะบอกว่าบริษัทเจี้ยนต๋ารังเกียจว่าตระกูลเย่ของฉันเล็กเกินไป จนไม่อยากร่วมมือด้วยงั้นเหรอ”
ทุกคนต่างไม่กล้าส่งเสียง
“ไม่มีใครกล้ารับคำสั่งของฉันเลยงั้นเหรอ?” ท่านย่าปรากฏสายตาที่ไม่พอใจออกมา
เธอไม่ได้ให้พวกเขาจะต้องเจรจาตกลงความร่วมมือครั้งนี้สำเร็จ ต้องการแค่ท่าทีที่อยากจะร่วมมือกับเราก็พอ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอผิดหวังมากก็คือไม่มีสักคนที่กล้าออกมารับปาก
เย่หยุนซูรู้จักบริษัทนี้ แต่ว่านี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าตระกูลเย่จะไปทำความร่วมมือกับทางบริษัทเจี้ยนต๋า ก็อย่างว่าเรื่องนี้จะมีใครมาบอกเธอได้ยังไง
เมื่อเห็นว่าเย่หยุนซูดูสนใจ เซียวหยางจึงสะกิดเธอ “รับปากสิ”
เย่หยุนซูตกใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณพูดว่าอะไรนะ
“รับปากการไปเจรจาความร่วมมือกับบริษัทเจี้ยนต๋า เมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็จะได้รับการยอมรับจากท่านย่าแล้ว”
เย่หยุนซูใจกระตุก ใช่แล้ว การทำความร่วมมือกับบริษัทเจี้ยนต๋าเป็นเรื่องค้างคาใจของท่านย่า ถ้าใครสามารถแก้ปมนี้ได้ อย่างนั้นฐานะทางสายเลือดตระกูลเย่ของพวกเธอ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ด้วยความวู่วามชั่วขณะ ก็ลุกขึ้นมาพูดว่า “ท่านย่า หนูไปเอง!”
คนบนโต๊ะหลักล้วนหันมามองเย่หยุนซู ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจไปตามๆกัน
“เธอไป เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะไป บริษัทที่มีมูลค่าน้อยนิดของเธอ คู่ควรพอที่จะเจรจากับประธานบริษัทเจี้ยนต๋าแล้วงั้นเหรอ?”
เย่ถันหมิงยิ้มอย่างดูถูก
“หยุนซู เรื่องนี้ไม่ใช่เกมเด็กเล่นนะ ที่เธอต้องเป็นตัวแทนก็คือตระกูลเย่ ถ้าหากถึงตอนนั้นเธอไม่ระวัง ล่วงเกินต่อบริษัทเจี้ยนต๋า ตระกูลเย่ของเราจะไม่มีที่ยืนในหยินโจวนะ”
“ไม่ใช่ว่าเราดูถูกเธอนะ ความสามารถพ่อของเธอธรรมดามาก แล้วเธอล่ะจะมีความสามารถมาจากไหนกัน ท่านย่า ฉันว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เธอไปทำไม่ได้”
ญาติหลายคนเห็นเย่หยุนซูยืนขึ้นมา ล้วนแต่ส่ายหน้า
อันที่จริงเมื่อกี้ตอนที่เย่หยุนซูลุกขึ้นมาก็นึกเสียใจแล้ว เธออยากจะพิสูจน์ตัวเอง แต่ให้มานึกเสียใจตอนนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องตลกในสายตาคนอื่นแน่
ท่านย่าหรี่ตาลงทั้งสองข้าง อดผิดหวังไม่ได้ เธอคิดไม่ถึงว่าเย่หยุนซูจะลุกขึ้นมาเป็นผู้หญิงไม่ได้เรื่อง ยังกล้ามาปะปนกับเรื่องใหญ่แบบนี้อีก
แต่ในเมื่อเธอได้สัญญาไปแล้ว แน่นอนว่าจะปฏิเสธตัวเองไม่ได้
“หยุนซู งั้นเรื่องนี้ฉันมอบหมายให้เธอชั่วคราวละกัน จำไว้ ไม่ว่ายังไง ห้ามทำให้บริษัทเจี้ยนต๋าไม่พอใจ”
“รับทราบค่ะ คุณย่า” เย่หยุนซูรับปากอย่างแข็งขัน
“เย่หยุนซู ถ้าเธอทำไม่ได้จะว่ายังไง?” เย่ถันหมิงถามอย่างแหนบแหนม
เย่หยุนซูขมวดคิ้วและถามกลับว่า”งั้นคุณต้องการอะไร”
“ถ้าหากเธอทำได้ก็จะให้สายเลือดของพ่อเธอกลับมาเป็นตระกูลเย่ ถ้าหากทำไม่ได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สายเลือดของพวกเธอก็ใส่หัวออกไปจากตระกูลเย่ ว่าไง?”
เย่หยุนซูลังเล เดิมพันดูจะใหญ่ไปหน่อย
แต่ว่าในเวลานี้ เซียวหยางพยักหน้าไปทางเธอ เย่หยุนซูตกใจ เขาทำไมถึงได้เชื่อมั่นในตัวเองขนานนั้น หรือว่าเซียวหยางรู้จักกับคนที่บริษัทเจี้ยนต๋างั้นเหรอ?
เธอเม้มปากไปมาจากนั้นก็ตอบ “ได้ ฉันตกลง!”
หลังจากพูดจบ เย่หยุนซูก็จากไป เซียวหยางสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินตามภรรยาไปอย่างสบายๆ
“ถุย คนหนึ่งตัวกาลกิณี อีกคนก็สวะ สวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กันจริงๆ”
……
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดจบลง ท่านย่าจับจ้องคนรับใช้เก็บของขวัญย้ายเข้าคฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วยตัวเอง
“ ท่านย่า จะจัดการกับกาทองแดงนี้ยังไงดีคะ?” คนรับใช้เข้ามาถาม
“ ยังต้องถามอีกเหรอ แน่นอนว่าต้องทิ้งอยู่แล้ว ขยะแบบนี้เก็บไว้ที่บ้านก็ขายหน้าเปล่าๆ” เย่ถันหมิงแย่งพูดขึ้นก่อน
ท่านย่ากวาดสายตามองเขานิ่งๆ เย่ถันหมิงรู้ตัวว่าพูดมากไป จึงรีบหุบปากทันที
“ช่างมัน ทิ้งไปเถอะ” เหล่าไท่จวินพูดอย่างลวก ๆ
แต่ในขณะนั้น ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาและรีบพูดว่า: “เดี๋ยวก่อน!”
ท่านย่ายิ้ม” ท่านเว่ยนี้เอง คุณยังไม่ไปอีกเหรอ”
ท่านเว่ยคือผู้เชี่ยวชาญทางของมีค่าและของโบราณที่มีชื่อเสียงในเมืองหยินโจว เคยประเมินสมบัติมาแล้วนับไม่ถ้วนไม่เคยมองพลาดมาก่อน
แต่ครั้งนี้ ท่านเว่ยไม่ได้สนใจท่านย่าเลยสักนิด เดินตรงไปหน้ากาทองแดงนั้นแสดงสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา ลูบคลำเค้าลายอย่างมือสั่น ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
“ท่านเว่ย ของสิ่งนี้ไอ้สวะคนหนึ่งส่งให้ วางไว้ที่นี่ก็เกะกะลูกตา ฉันจะให้คนเอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้ ” เย่ถันหมิงพูดอธิบาย
“หยุดพูดเลยนะ!” ท่านเว่ยตะโกนเสียงดัง
“คุณจะไปเข้าใจอะไร กาทองแดงนี้เป็นสมบัติล้ำค่า การประมูลครั้งที่แล้วที่Sotheby’s กาที่คล้ายกับกาใบนี้ รูปทรงไม่ได้ดีเท่าอันนี้ด้วยซ้ำ แต่ประมูลออกไปราคาสูงเสียดฟ้า ตั้งห้าสิบล้าน!”
เหล่าไท่จวินกับเย่ถันหมิงถึงกับตะลึง กาใบนี้…แพงขนานนี้เลยเหรอ?
“สมบัติ นี่มันคือสมบัติ ท่านย่า ท่านฉันสะสมของมาเยอะ แต่เมื่อนำทั้งหมดมารวมกันยังไม่ได้เศษส่วนของสมบัติชิ้นนี้เลย”
“ท่านย่า ของขวัญชิ้นนี้ใครเป็นคนมอบให้ เร็ว พาฉันไปเจอเขาหน่อย สามารถมอบของขวัญที่แพงขนานนี้ให้ คงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับตระกูลเย่สินะ”
เหล่าไท่จวินใบหน้ากระตุก ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแล้ว