คิงดราก้อน - บทที่ 54 ถังเทียนหวา
ทันใดนั้นสีหน้าของพ่อจูเจียนเฉียงก็เกร็งขึ้นมา แต่แค่เพียงไม่นานเขาก็รู้สึกได้ว่า ขาของเขาก็ไม่ได้เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว
อีกทั้งอาการบวมน้ำก็ถูกเซียวหยางคลึงนวดไปมา จากนั้นก็ค่อยๆหายไป
จูเจียนเฉียงมองไปที่เซียวหยางอย่างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเซียวหยางจะมีทักษะแบบนี้ และจากที่ดูลักษณะท่าทางที่ชำนาญนี้ เป็นมืออาชีพยิ่งกว่าหมอกระดูกเสียอีก
“อ๊า ขาของฉัน…….ไม่เจ็บแล้ว เซียวหยาง ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ ”
“คุณลุง ขาของลุงขยับเข้าที่ให้แล้ว ในช่วงสองวันนี้ก็อย่าเพิ่งลุกเดินนะครับ ระวังอย่าลงแรงมากนัก ถ้าจะให้ดีซื้อกระดูกหมูมาบำรุงสักหน่อย อย่างน้อยก็กินมันสักครึ่งเดือน ก็น่าจะหายเป็นปรกติครับ”
พ่อแม่ของจูเจียนเฉียงต่างก็รู้สึกตื้นตันอย่างสุดซึ้ง แม้แต่เสียงก็ยังสั่น มองออกว่า สามีภรรยาสูงวัยคู่นี้ ต่างล้วนเป็นคนซื่อ
“คุณลุง คุณป้า งั้นพักผ่อนเยอะๆนะครับ อีกสองวันแล้วผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ”
เซียวหยางยิ้ม พวกเขาราวกับเห็นพลังในรอยยิ้มของเซียวหยาง อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ จูเจียนเฉียงมีเพื่อนร่วมงานที่ดีแบบนี้ ก็นับว่าเป็นวาสนาของจูเจียนเฉียงแล้ว
จูเจียนเฉียงส่งเซียวหยางถึงที่ประตู จากนั้นเซียวหยางก็พูดขึ้นว่า
“กลับไปดูแลท่านทั้งสองเถอะ อีกเรื่อง ในส่วนของที่ทำงานฉันจะขอลาหยุดงานให้นายสักสองสามวันไปก่อน รอให้นายจัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยกลับไปทำงานก็ยังไม่สาย ”
แม้เซียวหยางจะพูดแบบนี้ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกเศร้าไม่น้อย กลับไปแล้วยังไม่รู้ว่าจะบอกกับเย่หยุนซูยังไง ด้วยนิสัยที่เที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครของเย่หยุนซู ไม่แน่ว่าอาจจะอาละวาดขึ้นมา
แต่ตัวเขาเองก็เป็นคนที่เปิดเผยและซื่อตรง ฉันไม่ได้ไปลักลอบนัดเจอกับผู้หญิงที่ไหน ไม่ได้สิ เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน เซียวหยางก้าวเดินแล้วก็คิดไปพลาง
จูเจียนเฉียงมองแผ่นหลังของเซียวหยางอย่างซาบซึ้ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
ในใจมีคำพูดมากมาย หากเขาพูดออกไป ก็ดูจะเป็นเหมือนการพูดไปตามมารยาทเสียมากกว่า
แต่ไม่ว่ายังไงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จูเจียนเฉียงไม่เพียงเห็นเซียวหยางเป็นอาจารย์เท่านั้น แต่ยังเห็นเขาเป็นผู้มีพระคุณอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดว่าเต็มใจที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อเซียวหยาง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่คำพูดล้อเล่นเท่านั้น
แต่คราวนี้ เขาจริงจังกับมันจริงๆ !
เมื่อบอกลากับเพื่อนร่วงงานอย่างจูเจียนเฉียงแล้ว กลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลามืดค่ำ
ในคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันรุ่งขึ้นเซียวหยางไปทำงานพร้อมกันกับเย่หยุนซู แต่เพราะนั่งในสำนักงานฝ่ายขายก้นยังไม่ทันร้อน โทรศัพท์จากห้องของท่านประธานก็ดังขึ้นมา
“เซียวหยาง มาที่ห้องทำงานฉันหน่อย”
น้ำเสียงของเย่หยุนซูราวกับออกคำสั่ง
เซียวหยางสงสัย หรือเพราะเรื่องของจูเจียนเฉียง ?
แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องทำงาน เซียวหยางก็เห็นร่างของชายชราคนหนึ่ง
จอนผมสีเงิน ท่าทีกระฉับกระเฉง สวมใส่ชุดสูทจีนจงซาน เขาคือเย่วั่นเหนียนคุณปู่ตระกูลเย่
“ฮ่าฮ่า เซียวหยาง เจอกันอีกแล้วนะ หลานสาวของฉันไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้นายใช่ไหม ”
ต่อหน้าหลานสาว ไม่ควรเรียกเซียวหยางว่าคิงดราก้อน
“ก็ดีครับ ดีครับ”เซียวหยางพูดพร้อมรอยยิ้ม แล้วก้าวเดินไปด้านหน้า
ล้อเล่นอะไร เย่หยุนซูยังยืนอยู่ข้างๆ เขาจะกล้าพูดว่าไม่ดีได้ยังไง ?
เย่หยุนซูนึกสงสัยในใจ ทำไมทุกครั้งที่คุณปู่เห็นเซียวหยาง น้ำเสียงถึงได้ดูเกรงอกเกรงใจนัก
ยังไงคุณปู่ก็เป็นผู้ปกครองของตระกูลเย่ในเมืองหยินโจว ท่าทีสุภาพนอบน้อมกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ก็ถือว่าหาดูได้ยากนัก
“อย่ายืนกันอยู่เลย นั่งลงก่อนเถอะ”เย่วั่นเหนียนชี้ไปยังที่นั่งด้านข้างแล้วพูดขึ้นมา
เซียวหยางนั่งลงบนโซฟา “คุณปู่เย่ มาคราวนี้ มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ?”
เย่หยุนซูนิ่งไปชั่วขณะ นายนี่มันก็สำคัญตัวเองจริงๆ คุณปู่มาที่บริษัทหยุนซู ก็ต้องมาหาฉันอยู่แล้วไหม เกี่ยวอะไรกับนายด้วย
แต่ทันใดนั้นเย่หยุนซูก็ราวกับถูกตบเข้าที่หน้า เย่วั่นเหนียนมาหาเซียวหยางจริงๆ
เย่วั่นเหนียนพูดว่า“เซียวหยาง ฉันมาหานายครั้งนี้ มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันเกี่ยวโยงไปถึงความปลอดภัยของเย่หยุนซู”
พูดจบ เขาก็มีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
เซียวหยางคิ้วขมวดแน่น “เรื่องอะไรครับทำไมถึงได้ร้ายแรงขนาดนี้?”
เย่วั่นเหนียนถอนหายใจแล้วพูดว่า“ ตามรายงานข่าวล่าสุด ถังเทียนหวากลับมาที่เมืองหยินโจวแล้ว ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นภัยกับเย่หยุนซู นายต้องระมัดระวังตัวเอาไว้หน่อย”
ถังเทียนหวา!
เมื่อเย่หยุนซูได้ยินคนชื่อนี้ ทันใดนั้นร่างกายก็สั่นสะท้าน ใบหน้าที่งดงามก็เหยเกขึ้นมาทันที
ถังเทียนหวา ทายาทสายตรงของตตระกูลถังที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆของเมืองหยินโจว ผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของบริษัทตระกูลถังกรุ๊ป
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่สำคัญคือเย่หยุนซูเคยคบหากับถังเทียนหวาอยู่ช่วงหนึ่ง
เมื่อสามปีก่อน ถังเทียนหวาได้มีการหมั้นหมายกับเย่หยุนซูผ่านเหล่าไท่จวิน(ผู้นำตระกูลอาวุโสหญิง) ในตอนนั้นเหล่าไท่จวิน(ผู้นำตระกูลอาวุโสหญิง)มองเห็นสถานะและตำแหน่งในอนาคตของถังเทียนหวา
รู้สึกว่ามันเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ จะนำพามาซึ่งการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับตระกูลเย่ได้
แต่เย่หยุนซูในตอนนั้นเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานกับถังเทียนหวาท่าเดียว ภายหลังคุณปู่เย่ก็ออกมาคัดค้าน นี่จึงเป็นโอกาสที่เซียวหยางได้เข้ามาเป็นลูกเขย และแต่งงานกับเย่หยุนซู
และเหตุผลที่เย่หยุนซูต่อต้านการแต่งงานในครั้งนั้น ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
บุคคลชนชั้นสูงในเมืองหยินโจวต่างก็รู้กันดี ถังเทียนหวามีรสนิยมเสพติดในเรื่องอย่างว่า พูดตรงๆก็คือซาดิสม์และมาโซคิสม์ อีกทั้งยังเป็นประเภทที่รุนแรงด้วย
ว่ากันว่าผู้หญิงที่เขาถูกใจ หลังจากที่ขึ้นเตียงร่วมหลับนอนด้วยแล้ว โอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมานั้นน้อยมาก ต่างก็ล้วนถูกกระทำอย่างทรมานจนหมดสภาพความเป็นคน
ให้เย่หยุนซูแต่งงานกับถังเทียนหวา ก็เท่ากับส่งเนื้อเข้าปากเสือแน่นอน
แต่หลังจากนั้นจู่ๆถังเทียนหวาก็ไปเรียนต่อที่ยุโรป และไม่เคยได้กลับมาอีก เย่หยุนซูคิดว่าสัญญาการแต่งงานระหว่างเธอกับถังเทียนหวาไม่ได้มีอยู่อีกต่อไปแล้ว และงานแต่งงานที่คุณปู่เตรียมเอาไว้ให้เธอก็เป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น และทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ไม่คิดว่า ผ่านมาสามปีแล้ว ถังเทียนหวาได้กลับมาแล้ว กลับมาที่เมืองหยินโจว
“เฮ้อ ตอนนั้นเพราะย่าหนูใจร้อนและต้องการผลประโยชน์ตรงหน้า สัญญาการแต่งงานนั้น ไม่ควรที่จะเซ็นมันเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ตอนนี้หนูแต่งงานแล้ว เขายังจะกล้ามายุ่งอีกเหรอ?”เย่หยุนซูขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา
เมื่อคิดถึงการเสพติดของถังเทียนหวา เธอก็รู้สึกหนาวสั่น และเมื่อมองไปยังใบหน้าที่แย้มยิ้มของเซียวหยาง ก็ทำให้เธอพอสบายตาขึ้นไม่น้อย
เย่วั่นเหนียนยิ้มแห้ง “เจ้าเด็กโง่ ภูมิหลังตระกูลถังนั้นยิ่งใหญ่มาก ทั้งด้านมืดและฉากหน้า ในเมืองหยินโจว ก็จัดอยู่ในลำดับต้นๆเสียด้วยซ้ำ ตระกูลเย่ของเราครอบครัวเล็กๆอยู่ในระดับล่าง จะก่อเรื่องไม่ได้เป็นอันขาด”
“ยิ่งไปกว่านั้น ถังเทียนหวาเป็นคนที่ร้ายกาจ พฤติกรรมเหี้ยมโหด เขาไม่มีวันให้อภัยเรื่องที่หนูแต่งงานแล้วเป็นแน่ เพราะในความคิดเขา หนูเป็นภรรยาของเขาแล้ว”
การถอนหมั้นฝ่ายเดียว ในกลุ่มคนชนชั้นสูงเป็นเรื่องยากที่จะได้พบเห็น ในตอนที่เซียวหยางแต่งงานกับเย่หยุนซู ก็สร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลถังอยู่มาก แต่ตอนนั้นตระกูลถังไม่ได้เคลื่อนไหวหรือกระทำการใดๆ
อาจเพราะเซียวหยางเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน เป็นคนไร้ประโยชน์ ตระกูลถังคิดว่าไม่จำเป็นต้องลงมือจัดการ หรืออาจเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของถังเทียนหวา รอให้ถังเทียนหวากลับมาจัดการด้วยตัวเอง
“เรื่องนี้ คงมีเพียงเซียวหยางที่จะช่วยได้ ”เย่วั่นเหนียนมองไปที่เซียวหยางอย่างขอความช่วยเหลือ
เย่หยุนซูรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่ถึงฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่เซียวหยาง
เขา ?
จัดการกับนักเลงสักสองสามคนนั่นก็พอไหว ถือว่ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่นั้นมันถังเทียนหวา ทายาทอันดับหนึ่งของเมืองหยินโจว เป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองหยินโจวไปทุกหย่อมหญ้า
“คุณปู่ จะหาบอดี้การ์ดมาให้หนูเหรอคะ ? ไม่สู้ให้บอดี้การ์ดที่หน้าประตูมาเป็นให้ ยังพอพึ่งพาได้มากกว่าเขาอีก ”เย่หยุนซูกลอกตามองบน
จู่ๆเย่วั่นเหนียนก็ฮึเสียงในลำคอ“พอแล้ว เย่หยุนซู อย่าทำตัวเป็นเด็ก หนูไม่รู้ หากไม่มีเซียวหยาง หนูคงจะ……”
“คุณปู่เย่ อย่าพูดอีกเลยครับ”
เซียวหยางพูดขัดจังหวะเย่วั่นเหนียนขึ้นมา แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งไปว่า “เรื่องนี้ผมเข้าใจแล้ว แค่ถังเทียนหวาคนเดียว ผมจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่หยุนซูแน่นอนครับ ”
เซียวหยางพูดขัดจังหวะคุณปู่เย่ เพื่อส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดต่ออีก
เรื่องบางเรื่อง เซียวหยางก็ไม่ได้ทำเพื่อให้เย่หยุนซูได้เห็น แต่ทำเพื่อให้ตัวเองได้เห็นมากกว่า
ไม่ละอายใจ ไม่ละอายต่อผู้ใด เขาเต็มใจ
ดังนั้น ต่อให้เย่หยุนซูจะดูถูกเขา เขาก็เต็มใจลำบาก
เมื่อคุณปู่ตระกูลเย่ได้ยินที่เซียวหยางพูด ก็วางใจแล้วพยักหน้ารับ และไม่ได้พูดอะไรอีก
คำพูดเดียวของคิงดราก้อน เย่หยุนซูก็มีชีวิตสงบสุขแล้ว
และในขณะเดียวกัน เขาก็แอบถอดถอนใจเงียบๆ เจ้าเด็กน้อยเย่หยุนซูคนนี้ช่างไม่รู้ความเอาซะเลย
เพื่อเธอแล้วเซียวหยางต้องตรากตรำทำงานเหนื่อยทั้งกายและใจ อย่างลับๆแบบนี้
เธอนี่ยังไง ไม่รู้สำนึกบุญคุณก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่กลับดูถูกเขาอีก
ไม่รู้จริงๆว่าเจ้าเด็กคนนี้หากรู้ว่าสามีตัวเอง คือคิงดราก้อนแห่งสำนักดราก้อนองค์กรที่ลึกลับอันดับหนึ่งในยุโรป จะมีท่าทียังไง