คิงดราก้อน - บทที่ 58 ยังมีอะไรที่ทำไม่เป็นอีก
กาเบรียลยังเผยให้เห็นถึงท่าทีที่ยังไม่หายอยาก หากไม่ใช่เพราะตะขาบและคนอื่นๆกลับมาเสียก่อน เขาคงจะได้ดูการแสดงหนังสดไปแล้ว
“พวกแกยังยืนบื้ออะไรกันอยู่ จับตัวมันไว้ กล้าบุกรุกที่ของฉัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะมั้ง”
ถังเทียนหวาก่นด่าในใจ เรื่องแปลกมีไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะปีนี้มากเป็นพิเศษ แค่เซียวหยางคนเดียวก็พอแรงแล้ว ยังจะมีชายผิวขาวชุดสูทคนนี้เพิ่มมาอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?
“ฉันขอแนะนำนายว่าอย่าคิดที่จะทำแบบนี้ ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ”
กาเบรียลค่อยๆลุกขึ้น พูดบังคับแกมข่มขู่ออกมา
“แม่ง มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะ กูจะเอามึงให้ตายเลย !”
ลูกน้องคนหนึ่งชักกระบองดิ้วเหล็กออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่
ปัง!
ลูกน้องคนนั้นยังไม่ทันได้เข้าประชิดตัว ร่างก็กระเด็น อัดเข้ากับกำแพงทันที ยังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้อง คอก็บิดจนผิดรูป ไม่รู้เป็นตายยังไง
ทุกคนต่างยังไม่ทันได้เห็นว่าเขาออกกระบวนท่ายังไง
ซี๊ด!
และทุกคนต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
ถังเทียนหวาคิ้วขมวด เผยอาการเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“นี่น้องชาย ที่แท้ก็เป็นยอดฝีมือ ไม่ทราบว่าอยู่แก๊งไหนเหรอ ?”
กาเบรียลยิ้มเยาะ เดินเข้ามาตรงหน้าของถังเทียนหวาแล้วนั่งลง ยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้าทรงสูง แล้วรินไวน์แดงลงไป นั่งจิบอย่างสบายอารมณ์
และตลอดเวลานั้น ไม่มีใครกล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ เพราะทุกคนต่างก็ตะลึงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น บนร่างของชายผิวขาวคนนี้ สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมา
ราวกับว่ามันเป็นวาระสำคัญ ขอเพียงมีใครสักคนกล้าที่จะลงมือกระทำการใดๆ จุดจบของเขา ต้องอนาถกว่าลูกน้องคนเมื่อกี้แน่นอน
เหงื่อเย็นของถังเทียนหวาก็ไหลซึมออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่กาเบรียลแผ่ออกมา
“นี่เด็กน้อย หากที่นี้เป็นต่างประเทศ และด้วยนิสัยของฉัน นายตายไปไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว เชื่อฉัน ในสายตาฉัน ฐานะอย่างนายไม่มีค่าอะไรให้พูดถึงเลย”
ถังเทียนหวามองไปที่กาเบรียล ถามออกไปอย่างสำนึกผิด“นี่น้องชาย นายต้องการจะทำอะไรกันแน่ ?”
กาเบรียลยักไหล่ “ผ่อนคลาย ฉันไม่ได้มาเพื่อฆ่านาย หากฉันต้องการจะทำอย่างนั้นจริงๆ นายไม่มีชีวิตรอดจนป่านนี้หรอก”
“ฉันแค่อยากจะเตือนนาย อย่าไประรานเซียวหยาง และยิ่งห้ามไปวุ่นวายกับเย่หยุนซูอีก อะไรที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว หากนายไม่ฟังคำเตือน ครั้งหน้า ฉันจะมาเอาชีวิตนาย”
ประโยคสุดท้าย เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เย็นเยือก
ถังเทียนหวาเองก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปด้วย
กาเบรียลไม่ได้พูดอะไรอีก ลุกขึ้นยืน แล้วเดินอย่างมาดนิ่งออกไปทางประตู
ถังเทียนหวานิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก และในตอนนี้ สายตาเขาก็จ้องมองไปยังแก้วไวน์ของกาเบรียล
เมื่อมองไป ก็ต้องตื่นตระหนกตกใจ
เพราะก้นแก้วของแก้วไวน์นั้น ฝังลงไปบนโต๊ะน้ำชาไม้แดง
ในความเงียบ ก้นแก้วที่ทั้งทู่และเปราะบาง ฝังลงไปในแผ่นเนื้อไม้แดง ต้องมีทักษะที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนถึงทำมันได้ ช่างน่ากลัวจริงๆ
แก้วไวน์ในไม้!
ใบหน้าของถังเทียนหวาก็ยิ่งหมองลงไปขึ้นอีก
ไม่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะมาเพราะเซียวหยาง ไอสวะนั้นมีมือดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
ไม่ ไม่น่าจะใช่เซียวหยาง หรือจะเป็นยอดฝีมือที่ตระกูลเย่ส่งมา ? ก็น่าจะเป็นไปได้!
อันที่จริงก่อนที่จะมาประเทศจีน เซียวหยางก็เคยบอกกาเบรียล ทำการเคลื่อนไหวใดๆในประเทศจีน ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ในต่างประเทศ ทุกอย่างวัดกันที่ความแข็งแกร่ง กับคนที่กล้ามาท้าทาย ฆ่าทิ้งได้เลย ไม่จำเป็นต้องมากความ
แต่ในประเทศจีน กาเบรียลทำได้แค่ข่มขู่เท่านั้น หวังว่าถังเทียนหวา จะอยู่เป็นมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้น กาเบรียลมีหลายร้อยวิธี ที่จะกำจัดเขาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว
“ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด!” ถังเทียนหวาหงุดหงิดแล้วไล่นางแบบกับลูกน้องออกไปจนหมด
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรหาใครบางคน
ไม่นานก็มีคนรับสาย ถังเทียนหวามีท่าทีที่นอบน้อม แล้วพูดกับคนในสายว่า
“ฮัลโหล คุณเฟิง มีเรื่องสำคัญ อยากให้คุณลงมือจัดการเอง ”
“ครับ อีกสามวัน……คุณมาได้ใช่ไหมครับ ดีครับ ดีจริงๆ เทียนหวาจะรอคอยการมาของคุณ”
……
ตอนค่ำหลังเลิกงาน เซียวหยางรับเย่หยุนซูกลับบ้านพร้อมกัน ตั้งแต่ที่เซียวหยางกลับบ้านดึกคราวนั้นแล้วทำให้เย่หยุนซูโกรธ สองวันมานี้เซียวหยางก็อยู่ในโอวาทเป็นอย่างดี
แต่พอกลับมาถึง เซียวหยางก็เห็นเย่หยุนซูเปิดโน๊ตบุ๊คและเอกสารกองพะเนิน เหมือนกำลังยุ่งกับอะไรบางอย่างอยู่
เซียวหยางเหลือบมองไปแวบหนึ่ง ก็เห็นว่าเธอกำลังค้นหาคำศัพท์ทางการแพทย์ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า
“IHE รวมองค์กรแพทย์ ชื่อเต็มคือ IntegratingtheHealthcareEnterprise ไม่จำเป็นต้องค้นหาแล้ว”
เย่หยุนซูนิ่งอึ้งไป หยิบพจนานุกรมทางการแพทย์สองภาษาขึ้นมา หลังตรวจเช็ก ถูกจริงๆด้วย อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นถาม
“เรื่องแบบนี้คุณก็รู้ด้วยเหรอ ?”
อยู่เมืองนอกเซียวหยางเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ ศัพท์จำเพาะเหล่านี้ ก็มีเพียงแพทย์ที่อยู่ต่างชาติเท่านั้นที่รู้ แล้วเขารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
“ตอนอยู่ต่างประเทศผมเคยทำงานเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล เลยรู้มาบ้างนิดหน่อย” เซียวหยางยิ้มแล้วอธิบาย
“แล้วอันนี้ล่ะ ? ” เย่หยุนซูชี้ไปที่ตัวหนังสือบนเอกสารอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“PEIS การตรวจร่างกายด้วยระบบข้อมูล ชื่อเต็มคือ PhysicalExaminationInformationSystem”
“ถูกจริงๆด้วย แล้วอันนี้ล่ะหมายความว่ายังไง ? ”
“electrocautery การใช้ไฟฟ้าจี้เพื่อห้ามเลือด”เซียวหยางยกยิ้มอย่างมั่นใจ
เซียวหยางเคยทำงานที่คลินิกเมโอ เป็นเวลาสองปี จนตอนนี้ก็ยังเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่คลินิกเมโอ ศัพท์จำเพาะพวกนี้ สำหรับเซียวหยางแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“พอแล้ว คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว”เย่หยุนซูเชื่อเซียวหยางอย่างสนิทใจแล้ว ผู้ชายคนนี้ มักจะทำให้เธอประหลาดใจอยู่เรื่อย
จากนั้นเย่หยุนซูก็โยนเอกสารฉบับหนึ่งให้เขา แล้วพูดว่า
“คุณดูนี่ นี่เป็นโครงการต่อไปที่บริษัทหยุนซูจะเจรจาด้วย”
เซียวหยางหยิบมันขึ้นมาดู ก็พอจะเข้าใจแล้วว่ามันคือโครงการอะไร
หลายปีมานี้เมืองหยินโจวเจริญเติบโตอย่างมาก เบื้องบนมีนโยบายพิเศษมากมาย หนึ่งในนั้นที่ให้สิทธิพิเศษ ก็คือธุรกิจทางการแพทย์
ก่อนหน้านั้นเมืองหยินโจวได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าจะดำเนินการโครงการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ และหาบริษัทในท้องถิ่นเพื่อร่วมงานด้วย ใช้วิธีการประมูลและแข่งขันราคากัน
โครงการที่ทำในครั้งนี้ คือการสร้างโรงพยาบาลโดยรอบเมืองหยินโจวสิบแห่ง
กำไรของธุรกิจการแพทย์นั้น นับว่ามากมายมหาศาล เนื้อก้อนโตนี้ เย่หยุนซูจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด
แต่การประมูลครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านๆมา ดูเพียงหนังสือโครงการก็สามารถประมูลได้แล้ว และมีสมาคมการแพทย์ของเมืองหยินโจวเป็นผู้ตัดสินว่าใครมีคุณสมบัติมากที่สุด
และในสมาคมการแพทย์ของเมืองหยินโจวผู้ที่ถูกกล่าวถึง ล้วนเป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงมากในสาขานั้นๆ ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ เพราะฉะนั้นหากจะเข้าตาพวกเขาได้ ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด
หากชนะการประมูลได้ พูดอย่างไม่โอ้อวด ธุรกิจที่มีมูลค่าตามราคาตลาดหลักสิบล้าน ก็สามารถพุ่งขึ้นเป็นร้อยล้านได้เลย
เพราะฉะนั้น ในช่วงนี้เย่หยุนซูจึงทำงานล่วงเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประมูลนี้ อีกทั้งก็ยังได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารของต่างประเทศด้วย
แต่เมื่อเจอศัพท์จำเพาะแบบนี้ เย่หยุนซูก็ต้องไปค้นในพจนานุกรม มันจึงทำให้เสียเวลาไปมาก
“ ยืนบื้ออะไรอยู่ ยังไม่รีบแปลมันมาให้ฉันอีก ฉันรอใช้อยู่นะ ”
เซียวหยางถึงกับงง “เย่หยุนซู คุณว่ายังไงนะ จะให้ผมแปลเหรอ?”
เดินทีเขาก็อยากจะแกล้งโง่ต่อหน้าภรรยา ไม่คิดที่จะอยากเป็นนักแปลเลยสักนิด
“อย่าเรื่องมาก ฉันขอพรุ่งนี้นะ หรือคุณคิดว่าที่ฉันให้คุณดูมันเพราะอะไร หากคืนนี้แปลไม่เสร็จ ก็ห้ามนอนเด็ดขาด” เย่หยุนซูออกคำสั่ง
เซียวหยางพลิกดูเอกสารทางการแพทย์มีราวๆร้อยกว่าหน้า ทันใดนั้นหน้าผากก็มีเส้นสีดำสามเส้นโผล่ออกมา