คิงดราก้อน - บทที่ 82 ไสหัวไป
เย่หยุนซูหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเซียวหยางที่ยืนขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร
ส่วนเซียวหยางในตอนนี้กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน บรรดาหมอและผู้ประกอบการทั้งหลายต่างพากันเพ่งมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน
“น่าขำจริง ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณยังมีหน้ามาปรบมือกันอีก?”
“หมออย่างพวกคุณ มีหน้าที่ความผิดชอบอะไร มีหน้าที่รักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตคนไง! ไม่ใช่พวกคุณให้คนป่วยไปกินยา และไม่ใช่ให้คนป่วยไปตรวจร่างกาย! ถ้าหากเป็นแบบนี้ ยังจำเป็นต้องมีหมออย่างพวกคุณไปทำไม?”
“พวกคุณไม่คิดว่าจะรักษาโรคให้ดีได้ยังไง แต่กลับไปสนใจเรื่องผลิตยาให้ราคาถูกมากขึ้น แม้ว่ายาจะราคาถูกลง แต่คนป่วยกลับมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”
เซียวหยางก้าวยาว ๆ เดินออกไปด้านหน้า กวาดสายตามองหน้ามองปากคนพวกนั้น
“ไม่หารือว่าควรทำยังไงให้คนป่วยลดน้อยลง แต่กลับหารือว่าจะทำยังไงให้ยาราคาถูกลง ตกลงพวกคุณเป็นหมอหรือว่าเป็นคนขายยากันแน่?”
ท่าทางที่มุ่งมั่นและเด็ดขาด คำพูดที่แทงใจทุกคำ!
หมอคนหนึ่งตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น
“ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกันแน่ แกมีสิทธิ์มายืนพูดที่นี่เหรอ แกเป็นบ้าอะไร?”
ขณะที่พูด ประธานเจิ้งก็ได้รั้งหมอคนนั้นเอาไว้ แล้วมองเซียวหยางอย่างคาดไม่ถึง จากนั้นก็พูดว่า :
“พ่อหนุ่ม ฉันเข้าใจความหมายของคุณดี ในฐานะที่เป็นหมอ ต้องอยากรักษาผู้ป่วยให้หายดีอยู่แล้ว ส่วนยากับอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็มีส่วนช่วยในการรักษาพยาบาล แต่คุณได้แค่ยืนพูดไม่ได้มานั่งทำงานเหมือนพวกเราคุณก็พูดได้สิ นอกเสียจากว่าคุณจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะเห็นด้วยกับคุณไม่ได้หรอกนะ”
เซียวหยางหัวเราะเยาะออกมา แล้วพูดว่า : “มีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว! นั่นก็คือใช้เทคนิคการรักษาที่ดียิ่งขึ้นเพื่อลดจำนวนผู้ป่วย!”
“ที่ไหนมีเทคนิคการรักษาที่ดีขนาดนั้น พ่อหนุ่มช่วยชี้แจงให้ชัดเจนหน่อย”
เซียวหยางชี้นิ้วไปทางทีมของเย่หยุนซู แล้วพูดว่า : “บริษัทหยุนซูมี!”
พรืด!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในที่สุดประธานเฉียนก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ หัวเราะออกมาจนน้ำตาแทบไหล
“ฉันก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็เขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลเย่นี่เอง เศษสวะไร้ความสามารถคนหนึ่ง ไม่เลวไม่เลว ไม่กลัวอับอายขายขี้หน้ากล้าออกมาพูดแทนบริษัทหยุนซู ถือว่าแกกล้าหาญดี วะฮ่าฮ่าฮ่า ตลกชะมัด”
“ประธานเย่ นี่คุณเซียวหยางเขาต้องการ……”
ทีมของเย่หยุนซูไม่เข้าใจว่าเซียวหยางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
เพราะบริษัทหยุนซูไม่ได้มีเทคนิคการแพทย์ขั้นสูงเลย ต่อให้พูดโอ้อวดเกินจริง เมื่อถึงเวลาไม่สามารถทำได้อย่างที่พูด ไม่เพียงแต่จะสูญเสียความร่วมมือไปเท่านั้น แต่จะทำให้ถูกหัวเราะเยาะเย้ยมากขึ้นอีกด้วย
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันเชื่อเขา” แม้ว่าเย่หยุนซูเองก็สงสัยในตัวเซียวหยาง แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้แค่สู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น ต้องสู้ดูสักตั้ง
ประธานเจิ้งส่ายหน้า แล้วพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“พ่อหนุ่ม กินข้าวสามารถกินมั่ว ๆ ได้ แต่คำพูดจะพูดเพ้อเจ้อไม่ได้นะ ดาวดวงใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากมายในวงการแพทย์ต่างกำลังมองดูอยู่นะ ไม่รู้ว่าเทคนิคการแพทย์ขั้นสูงที่คุณพูดถึง หมายถึงอะไร?”
เซียวหยางตอบอย่างหนักแน่นจริงจัง : “ง่ายมาก รักษาผู้ป่วยที่ไม่มีทางรักษาหาย หมอต้องรักษาคนใกล้ตาย!”
“นี่ก็คือเทคนิคทางการแพทย์ขั้นสูง!”
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ไอ้หนุ่มนี่ คุยโวโอ้อวดจริง ๆ
รักษาผู้ป่วยที่ไม่มีทางรักษาหาย หมอต้องรักษาคนใกล้ตาย แกคิดว่าแกเป็นหมอเทวดาฝีมือเก่งกาจหรือไง?
แม้เป็นหมอเทวดาฝีมือเก่งกาจ ก็คงไม่กล้าคุยโวโอ้อวดถึงขนาดนี้หรอกมั้ง
“ตลกสิ้นดี น่าตลกชะมัด!”
หมอคนหนึ่งลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นชี้ไปที่จมูกของเซียวหยางแล้วพูดว่า : “เจ้าหนุ่ม อายุนายยังน้อย กลับกล้าอวดดีถึงขนาดนี้!”
“วันนี้ผู้อาวุโสซุน ซุนจ้าวเหนียงก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้านายกล้าเอาคำพูดนี้ พูดต่อหน้าผู้อาวุโสซุนอีกครั้ง พวกฉันจะยอมนาย!”
“จริงด้วย แกคิดว่าแกเป็นใคร เทคนิคการแพทย์ขั้นสูงของบริษัทหยุนซูของพวกแก จะเก่งกาจกว่าเทคนิคทางการแพทย์ของผู้อาวุโสซุนเหรอ?”
คนที่พูดเมื่อครู่นี้คือหลี่เป่าเหนิงที่รับสินบน หลี่เป่าเหนิงไม่โง่ จึงได้หาเรื่องใส่หัวให้เซียวหยาง
หากพูดถึงเทคนิคทางการแพทย์ ในที่นี้ไม่มีใครกล้าต่อกรกับผู้อาวุโสซุนหรอก
แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวหยางต้องการทำให้หลี่เป่าเหนิงผิดหวังแล้วล่ะ
“ถูกแล้ว เทคนิคทางการแพทย์ขั้นสูงของบริษัทหยุนซู ไม่เพียงแต่เก่งกาจกว่าซุนจ้าวเหนียงเท่านั้น ต่อให้เป็นทั่วทั้งโลก ก็พูดได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร!”
“เพ้อเจ้อสิ้นดี! คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย!”
“บริษัทหยุนซู นี่คือที่แข่งประมูลงานของพวกเรา ไม่ใช่สวนสนุก รีบพาคนสติไม่ดีอย่างนี้ออกไปซะ!”
“บริษัทหยุนซูของเธอจะไปมีดีอะไร กล้าพูดมาได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้? แม้แต่ในเมืองหยินโจวก็ยังเป็นได้แค่บริษัทเล็ก ๆ เท่านั้น พวกเธอเคยเห็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ดีระดับโลกเหรอ?”
“พูดจาไม่รู้กาลเทศะ สมองมีปัญหาสินะ ถึงได้กล้าดูถูกผู้อาวุโสซุนแบบนี้ กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”
เสียงเยาะเย้ยถากถางด้วยความสงสัยดังขึ้นไม่หยุด เหมือนเสียงภูเขาคำรามทะเลบ้าคลั่ง ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเซียวหยางเลยสักคน
ไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัย เพราะตำแหน่งของซุนจ้าวเหนียงในวงการแพทย์นั้นอยู่สูงมากจริง ๆ เป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ คอยช่วยเหลือผู้คนด้วยการฝังเข็ม ทักษะการแพทย์ก็ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังเป็นแพทย์ที่มีจรรยาบรรณมากอีกด้วย!
ก็แค่เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เป็นแค่เขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลเย่ กล้ามาเทียบชั้นกับผู้อาวุโสซุน หาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ
“ใครกล้าพูดว่าทักษะทางการแพทย์เก่งกว่าอาจารย์ของฉัน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ฉันจะคอยดูสิว่าในเมืองหยินโจว มีใครหน้าไหนกล้าเทียบชั้นกับอาจารย์ของฉัน!”
ในขณะนั้นเอง เสียงชายหญิงคู่หนึ่งได้ดังเข้ามาในห้องประชุม เป็นลูกศิษย์แถวหน้าของผู้อาวุโสซุนจ้าวเหนียงนั่นเอง
และในตอนนี้ สายตาทุกสายตาก็ได้จับจ้องไปที่เซียวหยางราวกับดาบคม
เฉียนโหย่วฉายส่ายหน้าแล้วหัวเราะเยาะออกมา “ประธานเย่ ทำไมต้องเอาเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของคุณมาทำให้ขายหน้าด้วยล่ะ น่าอับอายเหมือนหมาแบบนี้มันใช้ได้เหรอ จะพูดโม้ไปเรื่อยไม่ได้นะ ไม่งั้นจะถูกตอกหน้าจนเจ็บ”
ส่วนเหล่าหัวกะทิของบริษัทหยุนซู ต่างก็รู้สึกหงุดหงิดใจ พวกเขาสงสัยในคำพูดของเซียวหยางเหมือนกัน และรู้สึกลังเลมากด้วย
ที่จริงการแข่งประมูลโครงการนี้ โอกาสที่พวกเขาจะชนะนั้นมีไม่มากนัก เพราะมีบริษัท Qian Medical กรุ๊ปเล่นตุกติก
แต่พวกเขาก็สามารถทำโครงการอื่น ๆ ที่ผลประโยชน์น้อยลงมาหน่อยได้ คนอื่นได้กินเนื้อ ส่วนพวกเขาได้ซดน้ำซุปสักนิดก็ยังดี
แต่เซียวหยางกลับก่อเรื่องขึ้นมาอย่างนี้ ล่วงเกินคนของสมาคมการแพทย์อย่างถึงที่สุด เกรงว่าคนของสมาคมการแพทย์จะไม่พบหน้าพวกเขาอีกแล้ว
“ไอ้หนุ่ม การคุยโวโอ้อวดมันมีราคาที่ต้องจ่ายนะ ตอนนี้ ฉันขอร้องให้นายขอโทษคุณหมอเหล่านี้ของพวกเราเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะไม่ถือสาเอาความ ไม่อย่างนั้น พวกเราจะใช้กฎหมายปกป้องสิทธิประโยชน์ของตัวเอง!”
เซียวหยางแสยะยิ้มออกมาไม่หยุด :
“น่าขำจริง ๆ หรือว่าพอมีคนที่ทักษะทางการแพทย์เก่งกว่าพวกคุณ พวกคุณก็คิดว่าพูดจาอวดดีสินะ ความมีเกียรติที่น่าสงสารของพวกคุณรู้สึกรับไม่ได้งั้นเหรอ?”
หลี่เป่าเหนิงยืนขึ้นแล้วตะคอกออกมา : “ตลกสิ้นดี พวกเราไม่ใช่คนใจแคบอย่างนั้น แต่แกมันยโสโอหังเกินไป แกต้องรับผิดชอบในสิ่งที่แกทำ!”
ลูกศิษย์ผู้ชายของซุนจ้าวเหนียงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า : “ถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยินโจว แม้ในประเทศจีนเอง คนที่เก่งกว่าอาจารย์ของพวกเรา นิ้วมือสิบนิ้วยังนับได้เลย”
“คนพวกนั้น ล้วนเป็นที่เคารพนับถือมีผลงานเป็นที่ชื่นชมในวงการแพทย์ อายุเกินห้าสิบปีกันทั้งนั้น แกคิดว่าแกอยู่ระดับเดียวกับพวกเขาเหรอ?”
“ไสหัวไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับแก!”
“ใช่ สารเลว! บริษัทหยุนซูก็ไสหัวออกไปด้วย!”
“พวกแกไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งประมูลอีกแล้ว ไสหัวไป!”