คิงดราก้อน - บทที่5 หยิ่งผยอง
บทที่5 หยิ่งผยอง
“ฉันมีตัวเลือกให้นายสองตัวเลือก ตัวเลือกแรกคือนายยอมคุกเข่าขอโทษเย่หยุนซูพร้อมกับเซ็นสัญญาร่วมมือกับตระกูลเย่นั้นซะ ตัวเลือกที่สองคือฉันจะฆ่านายตอนนี้ นายเลือกเองเถอะ”
โจวเจี้ยนต๋าที่เดิมทีกลัวจนหัวหดอยู่แล้ว พอได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็เข้าใจในทันที อ่อ ที่แท้ก็เป็นคนที่ตระกูลเย่หามานี่เอง
โจวเจี้ยนต๋าจัดการกับเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี้ของตัวเอง แล้วค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นใช้กระดาษเช็ดที่หน้าผาก
“แล้วถ้าผมไม่รับปากล่ะ คุณจะทำอะไรผมได้ จะฆ่าผมเหรอ?ผมโจวเจี้ยนต๋าก็มีชื่อในเมืองหยินโจวไม่น้อยนะ คุณคิดว่าถ้าฆ่าผมแล้วจะลอยนวลได้เหรอ?”
ถึงยังไงโจวเจี้ยนต๋าก็เป็นคนชั้นสูงในเมืองหยินโจว ในมือมีบริษัทมูลค่ากว่าแสนล้าน เด็กน้อยที่ต่อสู้เป็นแค่นิดๆหน่อยๆ จะสยบเขาได้ยังไงล่ะ
เซียวหยางนั่งอยู่บนโซฟา และมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ก็จริง นายไม่คู่ควรที่จะให้ฉันต้องลงมือด้วยตัวเอง เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้างั้นฉันขอเปลี่ยนข้อเสนอก็แล้วกัน ข้อแรกนายไปคุกเข่าขอโทษเย่หยุนซูและยอมเซ็นสัญญากับตระกูลเย่ซะ ข้อที่สองฉันจะทำให้บริษัททั้งหมดของคุณล้มละลาย ฉันให้เวลานานคิดหนึ่งนาที”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม นายเนี่ยนะจะทำอย่างนั้นได้?”
โจวเจี้ยนต๋าหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน หัวเราะจนน้ำตาไหล
“เจ้าหนุ่ม นายกำลังฝันหวานอยู่เหรอ นายคิดว่าโลกใบนี้ใช้กำปั้นในการจัดการปัญหาเหรอ บริษัทของฉันมีมูลค่ากว่าพันล้าน คิดจะให้ล้มละลายก็ล้มละลายงั้นเหรอ?แล้วเป็นนายนั้นแหละที่ล่วงเกินฉัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปแน่ๆ!”
เซียวหยางจ้องมองโจวเจี้ยนต๋าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับกำลังมองคนโง่อยู่ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“หนึ่งนาทีหลังจากนั้น ถ้าฉันไม่ได้โทรหานายอีก นายจะใช้วิธีอะไรก็ได้ที่จะทำให้บริษัทของโจวเจี้ยนต๋าในเมืองหยินโจวล้มละลาย แค่นี้นะ”
แฮร์เมส ผู้เป็นทูตสวรรค์เสราฟิมแห่งสำนักดราก้อน ดูแลการค้าทั้งหมดของสำนักดราก้อน ในทุกปีจะมีทรัพย์สินผ่านมือเขากว่าหนึ่งล้านล้าน แค่ทำให้บริษัทเล็กๆในเมืองหยินโจวล้มละลาย เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ไม่มีเรื่องไหนที่ง่ายไปกว่านี้แล้ว
“ฮึ ฉันจะดูสิว่านายจะวางท่าได้ถึงเมื่อไหร่” โจวเจี้ยนต๋ามองเซียวหยางด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ของเถ้าแก่ ในสายตาของเขา หนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวสกปรกคนนี้ มันก็เป็นแค่ไอ้พวกคนที่ไร้สมองเอาแต่ใช้กำลังเท่านั้นแหละ
จะทำให้บริษัทของโจวเจี้ยนต๋าล้มละลายในเวลาแค่หนึ่งมันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี
“เจ้าหนุ่ม ฉันไม่รู้เหรอว่านายเป็นใคร แต่ฉันก็มีตัวเลือกสองตัวเลือกให้นายเหมือนกัน ตัวเลือกแรกคุกเข่าขอโทษฉันแล้วก็รีบไสหัวไปซะ ตัวเลือกที่สองคือฉันจะสั่งให้คนฆ่านายเดี๋ยวนี้ ให้นายหายสาบสูญไม่จากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย!”
โจวเจี้ยนต๋าสีหน้าดุดัน “ฉันให้เวลานายตัดสินใจแค่สามสิบวินาที!”
“สามสิบ” เซียวหยางนับถอยหลังเสียงดัง
โจวเจี้ยนต๋าส่งเสียงฮึมฮัมอย่างเย็นชา เวลาเดินไปเรื่อยๆ “ยี่สิบวินาที!ไอ้หนุ่ม นายเหลือเวลาแค่ยี่สิบวินาทีแล้วนะ ยังเสแสร้งอยู่อีก โอกาสในการมีชีวิตอยู่ของนายจะไม่เหลือแล้วนะ”
โจวเจี้ยนต๋านั่งอยู่บนเก้าอี้เถ้าแก่ พร้อมหยิบซิการ์ออกมาจุดมันแล้วสูบอย่างสบายใจพลางมองไปที่นาฬิกา
“เหลือเวลาอีกสิบวินาที”
สีหน้าของเซียวหยางราบเรียบ ไม่ได้สนใจความยโสโอหังของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย
“ห้าวินาที!” โจวเจี้ยนต๋ายิ้มเยาะ
เซียวหยางยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่กลับมองไปที่สายตาของโจวเจี้ยนต๋าสายตาแฝงไว้ด้วยความสงสารเวทนา
“เวลาหมดลงแล้ว!เจ้าหนุ่ม นายอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน นายหาที่ตายเองนะ!”โจวเจี้ยนต๋าแสดงสีหน้าดุดันเดินมาด้านหน้าของโต๊ะ กำลังจะโทรศัพท์หาบอดี้การ์ดให้มาสั่งสอนหนุ่มน้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้
แต่ในเวลานี้ โทรศัพท์เขากลับดังขึ้น พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
คนที่โทรมาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทของโจวเจี้ยนต๋า ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองหยินโจวคนหนึ่ง
สามารถพูดได้ว่าผลประโยชน์เกินกว่าครึ่งของบริษัทของโจวเจี้ยนต๋า ต้องอาศัยเขาคนนั้นเป็นผู้สนับสนุน
หรือว่าผู้ถือหุ้นคนนั้นจะมาเหรอ?
พอเขากดปุ่มรับสายปุ๊ปก็มีเสียงพูดดังด้วยความโกรธทะลุโทรศัพท์ออกมา:“ทำไมนายถึงได้ไปล่วงเกินบุคคลผู้นั้นล่ะ เรื่องไม่เป็นเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาย นายกำลังจะทำให้ฉันลำบาก ความร่วมมือระหว่างเราผมขอจบลงแค่นี้!”
ตู๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด……
โทรศัพท์ถูกวางสายลง โจวเจี้ยนต๋ารู้สึกมึนงง หมายความว่ายังไงกัน บุคคลผู้นั้นยังไม่มาไม่ใช่เหรอ เขาไปล่วงเกินท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ขณะที่กำลังครุ่นคิด โทรศัพท์ของบริษัทก็ดังขึ้น โจวเจี้ยนต๋ารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงรีบยกหูรับสาย
“ประธานโจว แย่แล้ว หุ้นของบริษัทมูลค่าลดลงมาก มีคนกว้านซื้อหุ้นของบริษัทเราทั้งหมดเลย สิทธิ์ในการครอบครองหุ้นของเขามากกว่าหุ้นของท่านแล้วครับ !”
จู่ๆโจวเจี้ยนต๋าก็เหงื่อตก ยังไม่ทันรอให้เขาตอบกลับ เลขาก็เปิดประตูสำนักงานเข้ามาแล้ว
สีหน้าของเลขาร้อนรน :“ประธานโจว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว บริษัททั้งสามบริษัทขอยกเลิกการทำความร่วมมือกับเราค่ะ ทั้งยังฉีกสัญญาทิ้งต่อหน้าดิฉันด้วยค่ะ พวกเขายังบอกอีกว่าจะไม่ยอมทำสัญญากับบริษัทที่กำลังจะล้มละลายเด็ดขาด!”
ไม่นาน หัวหน้าฝ่ายไอทีก็วิ่งพลาดเข้ามาในห้อง รีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า:“เถ้าแก่ แย่แล้วครับ ข้อมูลของบริษัทเราถูกแฮกข้อมูลครับ ของที่วางขายถูกเปลี่ยนราคาเป็น หนึ่งเหมาทั้งหมดเลยครับ ทำให้ลูกค้าแย่งกันซื้อเป็นจำนวนมาก พวกเราไม่สามารถปิดระบบได้เลยครับ ความเสียหายในครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่าเจ็ดร้อยล้าน!”
อะไรกัน……
โจวเจี้ยนต๋าล้มลงกับพื้น เหงื่อออกเต็มตัวไปหมด ลมหนาวปะทะมาที่หลัง หนาวไปทั่วแผ่นหลัง
“คุณ คุณนี่เอง ทุกอย่างเป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?”โจวเจี้ยนต๋าชี้ไปที่เซียวหยางที่กำลังลอยหน้าลอยตาอยู่บนโซฟา
“ผมบอกแล้วไงว่ามีสองตัวเลือกให้คุณเลือก ภายในเวลาหนึ่งนาที นายเป็นคนรนหาที่เอง”
โจวเจี้ยนต๋าคิดไม่ถึงเลยว่า หนุ่มวัยรุ่นที่อยู่เบื้องหน้าจะมีอำนาจขนาดนี้ ถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่า บุคคลที่มีอำนาจที่พูดถึงในโทรศัพท์นั้นหมายถึงใคร ที่แท้ก็คือหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่เบื้องหน้าเขานี่เอง!
ในเวลานี้โจวเจี้ยนต๋าแทบจะเป็นบ้า ที่แท้วัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้า ตนไม่สามารถต่อกรได้เลย ถ้าตนไม่ยอมอ่อนข้อบริษัทเขาก็คงหายวับไปกับตา
สามารถทำเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งนาทีได้ แสดงว่าเขามีอำนาจมากกว่าที่เขาคิดไว้
ขณะที่เหลือบมองไปที่เซียวหยางอีกครั้ง รู้สึกว่าไอ้หนุ่มนั้นสีหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม ราวกับเพิ่งออกมาจากนรก ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ ปีศาจที่สามารถทำลายล้างชีวิตของเขาได้อย่างง่ายดาย
โทรศัพท์ทยอยดังขึ้นสองสามสาย เขาไม่ต้องการรับสายแล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะถามถึงเรื่องอะไร
เขาเดินโซเซมาอยู่เบื้องหน้าของเซียวหยาง แล้วคุกเข่าลงบนพื้น โขกหัวไม่หยุด
“ผมขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปเถอะ ให้ผมทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น ให้อภัยผมเถอะนะครับ!!”
เซียวหยางยืดเอวของตน รวบผมขึ้น แล้วใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าของโจวเจี้ยนต๋า
สำหรับความอัปยศอดสูนี้ โจวเจี้ยนต๋าไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น
“ถ้ารู้เร็วกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น”
ภายใต้สายตาอ้อนวอนของโจวเจี้ยนต๋า ไม่นานเซียวหยางก็ยกหูโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า หยุดการกระทำทุกอย่างได้
หนึ่งนาทีต่อมา ฝ่ายไอทีก็วิ่งมารายงานว่า ระบบอินเตอร์เน็ตกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ทำให้บริษัทเสียหายไปกว่าสองสามร้อยล้าน
องค์กรลึกลับที่ฮุบซื้อหุ้นก็วางมือ แต่คาดการณ์ว่ามูลค่าลดลงกว่าสองเท่า ในระยะเวลาสั้นๆนี้ มูลค่าของบริษัทของโจวเจี้ยนต๋า ลดลงกว่า เจ็ดร้อยล้าน
บวกกับความเสียหายจากการถูกยกเลิกสัญญารวมๆกันแล้วมากกว่าสองหมื่นล้าน!
แผ่นหลังของโจวเจี้ยนต๋าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขามองหนุ่มวัยรุ่นคนนี้ด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากจริงๆ
แค่คำพูดประโยคเดียวก็สามารถทำให้บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่าแสนล้านล้มละลายได้ภายในพริบตาเดียวเขาเป็นใครกันแน่นะ?
ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเย่ทำไมถึงสามารถหาคนที่มีอำนาจช่วยเหลือได้ขนาดนี้นะ?
แล้วผู้หญิงที่ชื่อเย่หยุนซูมีความสัมพันธ์อะไรกับเขากันแน่?
“ไอ้แซ่โจว เรื่องนี้ยังไม่จบ พรุ่งนี้นายจะต้องไปหาเย่หยุนซูด้วยตนเอง พร้อมทั้งคุกเข่าต่อหน้าเธอ แล้วเซ็นสัญญาทำความร่วมมือกับตระกูลเย่ซะ ถ้าหากว่านายยังกล้าหืออีก ฉันจะทำให้นายกับตระกูลนายหายไปจากโลกนี้”
โจวเจี้ยนต๋าสั่นไปทั้งตัว รีบพูดขึ้นว่า:“ได้ครับ ได้ ได้ ผมจะจัดการตามนั้นครับ!”