คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 1162
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1162
‘เ*ย! ควินซีก็อยู่ที่นี่ด้วย!’ แดร์ริลครุ่นคิด
ควินซียืนอยู่ข้าง ๆ จักรพรรดินีอย่างสงบ เธอสวมชุดยาวสีม่วงและสีทองที่ดูสง่างามและเปล่งรังสีของนักรบออกมาในเวลาเดียวกัน
เมื่อควินซีและจักรพรรดินีอยู่เคียงข้างกัน พวกเธอทั้งคู่ก็ดูโดดเด่นในแบบของตนเองทั้งรูปร่างและหน้าตา ที่ทำให้พวกเธอดูสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่ติ
แม้ว่าทั้งสองคนจะดูงดงามราวกับเทพธิดา แต่รัศมีที่เปล่งออกมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ควินซีดูแน่วแน่ในขณะที่จักรพรรดินีเธอดูสูงส่ง
แดร์ริลตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ จากนั้นไม่นานเขาก็ก้มหน้าลงและยืนอยู่ข้างหลังเจ้าหญิงเอเวอร์กรีนราวกับขันทีที่เชื่อฟัง
แดร์ริลรู้สึกกระวนกะวายจนแทบจะรอไม่ไหว เขาอยากวิ่งเข้าไปหาควินซีทันทีที่เขาได้เห็นเธอ แต่เขาก็ต้องรั้งตัวเองเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของเธอ
‘มีผู้คนมากมายอยู่ภายในห้องโถง ถ้าหากฉันวิ่งเข้าไปโดยประมาท ฉันคงจะต้องตายอยู่ที่นี่’ แดร์ริลครุ่นคิด
แดร์ริลสัมผัสได้ว่า เจ้าหน้าที่พลเรือนและนายพลที่อยู่ตรงหน้าต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง โดยผู้ที่อ่านแอที่สุดในบรรดาผู้บ่มเพาะก็ยังเป็นถึงจักรพรรดิยุทธขั้นหนึ่ง ในบรรดาพวกเขามีจักรพรรดิยุทธขั้นสามหลายสิบคน และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาก็เป็นถึงจักรพรรดิยุทธขั้นสี่! ความแข็งแกร่งของทวีปโลกใต้เมฆีนั้นเหนือกว่าทวีปโลกใหม่ยิ่งนัก!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แดร์ริลก็ก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้ควินซีเห็นเขา
“ในเมื่อพวกท่านมากันครบแล้ว และนักการทูตจากทวีปเวสต์ริงตันก็จะมาถึงในอีกไม่ช้า ดังนั้นจงบอกมาว่าแผนการของพวกท่านคืออะไร?” จักรพรรดินีมองไปรอบ ๆ ขณะที่เธอกล่าว
เสียงของจักรพรรดินีแผ่วเบาแต่ฟังดูหนักแน่น
ในเวลานั้น เจ้าหน้าที่พลเรือนและเหล่านายพลก็เริ่มปรึกษาหารือกัน
ทันใดนั้น ชายร่างสูงก็เดินออกมาจากฝูงชน เขาสวมชุดคลุมยาวสีเขียวเข้มและมีรอยสักที่ประณีตบนไหล่ทั้งสองข้าง เขาดูฉลาดปราดเปรียว
เขาคือนายพลเฟลทเชอร์ ยาเดียล!
เฟลทเชอร์ ยาเดียล มีอายุราว ๆ 25 ปี และเขาก็เป็นจักรพรรดิยุทธขั้นสี่! เขามีกองทัพทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาการถึงหนึ่งแสนนาย! และตำแหน่งของเขาก็เป็นรองจากควินซี น้องสาวของจักรพรรดินีเพียงแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น เพราะจักรพรรดินีได้ยกย่องให้เขาเป็นคนโปรดปราน!
เฟลทเชอร์คำนับจักรพรรดินีอย่างสุภาพ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจและมั่นใจว่า “ฝ่าบาท! ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพแห่งทวีปโลกใต้เมฆี ไม่ว่าจุดประสงค์ของนักการทูตจากเวสต์ริงตันคืออะไร เราจะต้องมอบความประทับใจที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมให้กับเขากลับไป และพวกเขาก็จะลืมความปรารถนาของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่พลเรือนและนายพลคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“นายพลยาเดียลพูดถูก เราจะต้องแสดงให้นักการทูตจากเวสต์ริงตันเห็นความแข็งแกร่งของพวกเรา!”
“ถึงแม้ว่าเขาจะมาที่นี่อย่างมั่นใจ แต่เราจะต้องทำให้เขากลับออกไปอย่างอับอาย!”
“ก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวหรือว่าทวีปเวสต์ริงตันต้องการโจมตีโลกใต้เมฆีของเรา แต่ตอนนี้พวกเขากลับส่งนักการทูตมาแทน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังพยายามขยายขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขามายังทวีปโลกใต้เมฆีของเราแทน”
เมื่อได้ฟังความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่พลเรือนและนายพล จักรพรรดินีก็พยักหน้าเบา ๆ
“เฟลทเชอร์ มีคนติดตามนักการทูตจากเวสต์ริงตันมาด้วยกี่คน?”
“ฝ่าบาท นักการทูตนำกำลังทหารชั้นยอดติดตามมาด้วย 500 นาย แต่ทหารเหล่านั้นได้พักผ่อนรออยู่ด้านนอกและไม่ได้ติดตามนักการทูตเข้ามาภายในวัง ดังนั้น นักการทูตจะเข้ามาในวังเพียงผู้เดียว และตอนนี้นักการทูตก็รออยู่ที่ด้านนอกแล้ว” เฟลทเชอร์กล่าว
ในทวีปโลกใต้เมฆี มีผู้หญิงเพียงสองคนเท่านั้นที่เฟลทเชอร์ให้ความเคารพ คนหนึ่งคือจักรพรรดินีแห่งโลกใต้เมฆีและอีกคนหนึ่งคือควินซี ลอง น้องสาวของจักรพรรดินี
‘ทหารชั้นยอด 500 นายเหรอ?’ ควินซีครุ่นคิด
ควินซีหันมาและกล่าวกับจักรพรรดินีว่า “ฝ่าบาท ข้าจะนำคนของข้าไปกำจัดทหาร 500 นายเอง”
ทหาร 500 นายไม่ใช่จำนวนที่มากแต่ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเช่นกัน
‘จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นหลังจากที่นักการทูตเข้าพบจักรพรรดินีแล้ว ดังนั้นฉันควรไปกำจัดทหาร 500 นายนั้นเสียก่อน’ ควินซีครุ่นคิด
“ดีมาก!” จักรพรรดินีพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
ด้วยเหตุนี้ ควินซีจึงเดินตรงออกจากห้องโถงใหญ่และนำทหารองครักษ์ไปยังที่พักของทหาร 500 นายจากทวีปเวสต์ริงตันที่ด้านนอกของพระราชวังทันที
แดร์ริลมองตามควินซีที่กำลังออกจากวังไป เขาจึงคิดที่จะแอบตามเธอไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเอเวอร์กรีนรีบดึงแขนของแดร์ริลทันทีก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า “แดร์ริล นายยังใหม่อยู่ นายอาจจะยังไม่รู้กฎของที่นี่ เมื่ออยู่ที่ห้องโถงใหญ่แห่งนี้ นายไม่ควรจะเคลื่อนไหวหรือพูดคุยตามต้องการ เข้าใจไหม? ถ้าหากนายไม่ปฏิบัติตาม หัวของนายอาจจะหลุดออกจากบ่าได้”
“เข้าใจแล้ว” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แดร์ริลทำได้เพียงพยักหน้าและล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตามควินซีไปอย่างเชื่อฟัง