คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 1404
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1404
‘เขาคือแดร์ริลจริง ๆ ใช่ไหม?’
อีเวตต์ดื่มไวน์ไปมากและเธอก็รู้สึกเมามาย เธอรีบยกมือขึ้นมาขยี้ตาเพื่อทำให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้เข้าใจผิดไป
‘เขาคือแดร์ริล!!’
‘เขาคือแดร์ริลจริง ๆ!’
น้ำเสียงของอีเวตต์สั่นสะท้านขณะที่เธอวิ่งเข้าไปหาแดร์ริลอย่างรวดเร็ว “แดร์ริล คุณมาแล้ว! ในที่สุดคุณก็มา!”
อีเวตต์น้ำตาไหลพรากขณะกล่าวเช่นนั้น!
แดร์ริลจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกผสมปนเป เขาทั้งรู้สึกดีใจและโศกเศร้าเมื่อเขาได้เห็นร่างกายที่ดูซูบผอมลงเล็กน้อยของอีเวตต์
เมื่ออีเวตต์วิ่งเข้ามา แดร์ริลก็รีบกางแขนรับเธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขาทันที
“เจ้าหญิง!”
สโลนขมวดคิ้วและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อแยกพวกเขาออกจากกัน จากนั้นเธอก็จ้องมองแดร์ริลอย่างดุเดือด “แดร์ริล! กล้าดียังไงบุกเข้ามาถึงที่นี่! คุณไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ฝ่าบาทต้องการตัวคุณอยู่! หรือว่าคุณมาที่นี่เพื่อมอบตัว?”
ขณะกล่าวเช่นนั้น สโลนก็พลิกข้อมือของเธอเบา ๆ จากนั้นดาบซุยถังก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอทันที ในเวลานั้น พลังภายในอันรุนแรงก็เปล่งออกมาจากร่างกายของเธอเช่นกัน
แดร์ริลไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขาหันมองสโลนด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “เธอจะทำอะไรฉันได้เหรอ?”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น สายตาของแดร์ริลก็จับจ้องไปที่เรือนร่างของสโลนอย่างไม่ลดละ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นสโลนสวมใส่ชุดสั้น ๆ เช่นนี้ แล้วแดร์ริลจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
สายตาอันเจ้าเล่ห์ของแดร์ริลทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความรู้สึกอึดอัดใจ เธอกัดริมฝีปากแน่นและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ยอมมอบตัวเสียดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
แดร์ริลหัวเราะอย่างรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะฉันได้งั้นเหรอ?”
“แดร์ริล!” ใบหน้าของสโลนแดงก่ำเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“สโลน!”
อีเวตต์กลับมามีสติ เธอรีบยกมือขึ้นเขย่าแขนของสโลนและกล่าวขอร้องเธอทันที “ฉันขอร้องล่ะ พวกคุณอย่าทะเลาะกันเลย สโลน ฉันขอคุยกับแดร์ริลหน่อยได้ไหม?”
อีเวตต์กล่าวอ้อนวอนสโลนด้วยใบหน้าที่จริงจัง เธอยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหญิง เพราะท้ายที่สุดแล้วสโลนก็ได้เสียสละเพื่อราชวงศ์ของทวีปโลกใหม่มานับครั้งไม่ถ้วน
ถ้าหากเป็นคนอื่น อีเวตต์จะไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด
สโลนถอนหายใจเบา ๆ และพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ แต่คุณจะต้องคุยกับเขาที่นี่เท่านั้น แดร์ริลไม่มีสิทธิ์พาคุณออกไปที่อื่น!”
สโลนต้องการให้พวกเขาอยู่ในสายตาของเธอ
“อืม…”
อีเวตต์รู้สึกขมขื่น เธออยากจะหนีออกไปพร้อมกับแดร์ริลเสียตอนนี้ ชีวิตของเธอช่างไร้ความหมายเมื่อไม่มีเขา!
ในเวลานั้น แดร์ริลก้าวออกไปข้างหน้าและพูดกับสโลนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าฉันจะพาอีเวตต์ไปกับฉัน ฉันเกรงว่าเธอจะไม่สามารถหยุดฉันได้!”
“งั้นเหรอ?”
ใบหน้าที่บอบบางของสโลนมืดลงเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิ!”
จากนั้นสโลนก็กระตุ้นพลังภายในของเธอออกมาเพื่อเตรียมพร้อมในการจู่โจมแดร์ริล
บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นความอึดอัดใจในทันที
“แดร์ริล! สโลน!”
อีเวตต์กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด “ฉันขอร้องล่ะ! วันนี้พวกคุณทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันได้ไหม? ถือว่าทำเพื่อฉันเถอะนะ”
อีเวตต์กัดริมฝีปากแน่น เธอมองไปที่สโลน และพูดต่อว่า “สโลน ฉันสัญญาว่าวันนี้ฉันจะไม่ไปกับแดร์ริล!”
คนหนึ่งคือเทพีแห่งสงครามผู้เป็นที่รักของเธอ ในขณะที่อีกคนหนึ่งคือชายที่เธอรัก ดังนั้นอีเวตต์จึงไม่ต้องการเห็นพวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กัน
“อีเวตต์!”
แดร์ริลขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงไปสัญญากับเธอแบบนั้น?”
แดร์ริลต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อบุกเข้ามาในวัง แต่อีเวตต์กลับบอกว่าเธอจะไม่ออกไปกับเขาได้อย่างไร?
และที่สำคัญ แดร์ริลก็ไม่สามารถทนเห็นอีเวตต์ถูกขังเอาไว้ในกรงไปตลอดชีวิตได้!
อีเวตต์รู้สึกประทับใจที่ได้เห็นว่าแดร์ริลเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ในเวลานั้น อีเวตต์กะพริบตาเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างกับแดร์ริลอย่างมีเลศนัย “เชื่อใจฉันเถอะนะ”
อีเวตต์รู้ดีว่าสโลนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของแดร์ริล แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะคนเดียวที่อยู่ภายในวัง แต่ที่ข้างนอกยังมีทหารอีกมากมาย ดังนั้น เธอจึงกังวลว่าการต่อสู้อาจจะเกิดขึ้นถ้าหากว่าแดร์ริลพาเธอหนีออกไปตอนนี้
อีเวตต์ทำได้เพียงแอบคิดแผนการอย่างรอบคอบและที่สำคัญ เธอจะต้องทำให้สโลนตายใจก่อน
แดร์ริลฉลาดมากพอ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอีเวตต์กำลังหมายถึงอะไร
“ก็ได้!”
ในเวลานั้น สโลนหันมองไปที่แดร์ริลและพูดขึ้นว่า “ฉันจะให้เวลาครึ่งชั่วโมง คุณควรจะรีบคุยกับเจ้าหญิงแล้วรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
จากนั้นสโลนก็นั่งลงใกล้ ๆ พวกเขาขณะถือดาบซุยถังเอาไว้ในมือ