คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 1737
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1737
ในขณะที่ทุกคนพูดถึงคำจารึกที่จักรพรรดิโฮ่วอี้ทิ้งเอาไว้!
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? คำเหล่านี้ถูกจารึกไว้บนแท่นหยกได้ยังไงกัน?”
“จำตอนที่จูปาเจี๋ยขุ่นเคืองจักรพรรดินีฉางเอ๋อและจักรพรรดิโฮ่วอี้ขังเขาไว้ในค่ายกลได้ไหม?”
“ตอนนั้นจักรพรรดินีฉางเอ๋อและจูปาเจี่ยกำลังแอบคบหาดูใจกันงั้นเหรอ? และฝ่าบาททรงเห็นพวกเขาโดยบังเอิญเข้าและนั่นคือสาเหตุที่พระองค์สิ้นพระชนม์เหรอ?”
การสนทนาเกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แต่ฉางเอ๋อก็ได้ยินอย่างชัดเจน!
ฉางเอ๋อหน้าแดงก่ำและสมองของเธอก็มึนงง เธอรู้สึกว้าวุ่นใจ ‘สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง? จูปาเจี๋ยและฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมฝ่าบาทถึงได้สลักชื่อของเราไว้บนแท่นหยกล่ะ?’
ชั่วขณะหนึ่งนั้นเอง บรรยากาศในห้องนั้นก็เลวร้ายมาก
แดร์ริลหัวเราะในใจ
‘นั่นคือเบาะแสเหรอ?’
แดร์ริลเดาว่าจักรพรรดิต้องหลงกลเสียงของเขา เขาคงจะต้องได้ยินว่าจูปาเจี๋ยและฉางเอ๋อแอบคบหาดูใจกัน แล้วจึงใช้นิ้วมือสลักชื่อทั้งสองลงบนแท่นหยกเป็นแน่
ตอนที่จักรพรรดิโฮ่วอี้มองกลับมาและตระหนักว่าแดร์ริลคือคนเดียวที่อยู่ตรงนั่น มันก็ได้สายเกินไปแล้ว
“หยางเจียน!”
ฉางเอ๋อดึงสติของเธอกลับมาและมองไปที่หยางเจียนอย่างเงียบ ๆ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หยางเจียนก้าวไปข้างหน้า เขาช่างเป็นคนที่น่าเกรงขาม “ข้าคิดว่าข้าคงไม่ต้องอธิบายมากกว่านี้แล้วนะ ท่านน่าจะรู้ดีกว่าใคร เหตุใดฝ่าบาทจึงสลักชื่อจูปาเจี๋ยและชื่อของท่านไว้บนแท่นหยกกันล่ะ?”
เสียงของหยางเจียนเย็นชาพร้อมกับจ้องมองที่ฉางเอ๋อ เขาพูดว่า “ทำไมท่านไม่บอกพวกเราล่ะว่าการสิ้นพระชนม์ของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับท่านไหม? แล้วนอกจากนี้ จูปาเจี๋ยยังคงซ่อนอยู่ในพระราชวังหรือไม่?”
“นี่เจ้า-”
ฉางเอ๋อตัวสั่นเมื่อได้ยินคำถามที่รุนแรงของหยางเจียน เธอโกรธพร้อมกับชี้ไปที่หยางเจียน “หยางเจียน เจ้ามันโอหังเกินไปแล้ว!”
ในฐานะพระมเหสีของจักรพรรดิโฮ่วอี้ ฉางเอ๋อรู้สึกอับอายเมื่อหยางเจียนถามเธอต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้น หยางเจียนยังคงใส่ร้ายจูปาเจี๋ยและเธออีกด้วย
เธอทนไม่ได้อีกต่อไป!
หยางเจียนยังคงไม่เกรงกลัวและรักษาใบหน้าที่เคร่งขรึมไว้ แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงความโกรธของฉางเอ๋อก็ตาม
ฟี้ว!
แดร์ริลรู้สึกหวิวอย่างมาก เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ยอดปรมาจารย์เอ้อหลางกล้าถามฉางเอ๋อเช่นนั้น!
ขุนนางและทหารหลายร้อยคนรอบตัวพวกเขากลั้นหายใจนิ่ง
ด้านหนึ่งคือจักรพรรดินีฉางเอ๋อผู้เป็นมารดาของโลก อีกด้านหนึ่งคือยอดปรมาจารย์เอ้อหลางที่มีสถานะเหนือกว่า พวกเขาไม่กล้าต่อต้านทั้งคู่
สักพักบรรยากาศในห้องก็ดูอึมครึมขึ้นมามาก
“หยางเจียน!”
ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามา ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธขณะที่เขาตะโกนใส่หยางเจียน “เจ้ากล้าดีเกินไปแล้ว! เจ้ากล้าดียังไงใส่ร้ายจักรพรรดินี! เจ้ามีเจตนาอะไร?”
คนผู้นั้นถือค้อนยักษ์คู่หนึ่ง เขาสูงใหญ่มากราวกับเนินเขา นอกจากนี้เขายังมีออร่าที่ดุดัน เขาดูดุร้ายราวกับปีศาจ
นั่นคือเอ้อไหล!
เอ้อไหลเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน และเขาได้บ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายพันปี ในเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ของสามก๊ก โจโฉเคยยกย่องให้เอ้อไหลเป็นเอ้อไหลผู้ยืนยงคงกระพัน และนั่นแสดงถึงความองอาจของเอ้อไหล!