คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 1889
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1889
สุนัขคำรณสวรรค์ร้องอย่างโหยหวนเมื่อผงพริกป่นไปกระตุ้นประสาทสัมผัสของมันเข้า จากนั้นร่างที่ใหญ่โตของมันก็โค้งโก่งและล้มลงบนพื้นอย่างแรงโดยที่มันยังคงดื้นอยู่
สุนัขคำรณสวรรค์ไม่ใช่อภิมหาสัตว์เทพแต่อย่างใด มันแข็งแกร่งกว่าสัตว์เทพตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกันอย่างมากและความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของมันก็คือการไล่ล่าที่ยอดเยี่ยม
ผางถ่งพูดถูก สุนัขคำรณสวรรค์สามารถไล่ล่าหาสิ่งต่าง ๆ ได้ผ่านจมูกที่ไวของมันเพียงเท่านั้น ดังนั้นจมูกของมันจึงเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนของมันด้วย ผงพริกป่นนั้นดูทรมานกว่าบาดแผลที่ฉีกขาดเสียอีก
แดร์ริลหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับปรบมือ เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
‘นายเป็นสุนัขคำรณสวรรค์ของหยางเจียนแล้วยังไงล่ะ? นายไม่สามารถแม้แต่จะสู้ขวดพริกป่นของฉันได้ด้วยซ้ำ’
‘อะไรกันเนี่ย?’
ฉางเอ๋อตกตะลึงไป เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของเธอ
‘นั่นคือสุนัขคำรณสวรรค์ของหยางเจียน แม้ว่าข้าจะกลัวมันตอนที่มันบ้าคลั่ง แต่แดร์ริลก็จัดการกับมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างนั้น’
ในขณะนั้นเอง ดวงตาของฉางเอ๋อส่องประกายแวววาวแปลก ๆ เมื่อเธอมองไปที่แดร์ริล ความดูถูกที่เธอมีต่อเขาได้ค่อย ๆ มลายหายไปอย่างเงียบ ๆ มุมมองของเธอที่มีต่อแดร์ริลได้เปลี่ยนไป
โฮ่วอี้เป็นคนเดียวที่สุนัขคำรณสวรรค์ของหยางเจียนไม่กล้ายุ่ง
แต่ถึงอย่างไร โฮ่วอี้ก็ตายไปแล้ว
ฉางเอ๋อที่กำลังจ้องมองแดร์ริลอย่างผ่อนคลายอยู่นั้นคิดว่าเธอได้มองเห็นเงาของโฮ่วอี้ในตัวของชายคนนั้น
แดร์ริลนั้นช่างเหมือนกับโฮ่วอี้ เขาไม่ลุกลี้ลุกลนเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่วิกฤต แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาคงจะรู้สึกสบาย ๆ กับเรื่องพวกนี้เสียมากกว่า
แย่ล่ะ…
ฉางเอ๋อหน้าแดงก่ำ
‘นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่? ชายสกปรกคนนี้จะมาเทียบกับสามีของข้าได้อย่างไร?’
แดร์ริลหัวเราะออกมา
เขากลับมาที่รถและยิ้มให้ฉางเอ๋อ เขาพูดว่า “พระมเหสีฉางเอ๋อ ขับต่อไปกันเถอะ” น้ำเสียงของเขาฟังดูผ่อนคลาย แต่จริง ๆ แล้วชายคนนี้ค่อนข้างกำลังรู้สึกวิตกกังวลอยู่
เขาแยกจากลิลี่และอีกสองคนตั้งแต่เขาตกลงมาในเบื้องลึกของภูเขากาลี เขาสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสามคนบ้าง เขาอยากที่จะตามหาพวกเขาให้เจอโดยเร็ว
อืม!
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉางเอ๋อมักจะเยาะเย้ยเขา แต่ในตอนนี้เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในทางกลับกัน เธอกลับก้มหัวและตอบแดร์ริลอย่างนุ่มนวล
จากนั้นแดร์ริลก็สตาร์ทรถและขับเข้าไปสู่ยามราตรี
เมื่อทั้งสองคนออกไปได้ไม่นาน ก็มีร่างไม่กี่ร่างเหาะลงมาอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าที่อยู่ไกลลิบ ๆ คนที่เป็นหัวหน้าอยู่ในชุดเกราะสีทอง เขาดูสง่างามในขณะที่เขาถือกระบี่สองคมสามแฉก เขาคือหยางเจียน
หยางเจียนรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าสุนัขคำรณสวรรค์ดื้นไปมาและร้องโหยหวนอยู่บนพื้น สีหน้าของเขามืดมนลงพร้อมกับที่เขาเดือดดาลไปด้วยความโกรธ
หยางเจียนและกองทหารหนึ่งหมื่นของเขาตกลงมายังเบื้องลึกของภูเขากาลีพร้อม ๆ กัน พวกเขาหลงทางอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะหาทางออกมาได้
หลังจากที่พวกเขาออกมาได้แล้ว หยางเจียนก็ได้ออกคำสั่งให้ค้นทวีปโมอาน่าเหนือทั้งหมดให้ทั่วเพื่อหาแดร์ริลและฉางเอ๋อ
ในตอนที่สุนัขคำรณสวรรค์พบกลิ่นของแดร์ริลและได้เริ่มไลล่าแดร์ริลอย่างบ้าคลั่ง หยางเจียนและคนของเขาทำได้เพียงแค่พยายามไล่ตามจากด้านหลัง เพราะสัตว์เทพนั้นเร็วเกินไปสำหรับพวกเขา
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะพบสุนัขคำรณสวรรค์อยู่บนพื้นโดยที่ไม่มีร่องรอยของแดร์ริลรอบ ๆ มันเลย
หยางเจียนคำราม “เร็วเข้า! ค้นหาให้เร็ว! ข้าอยากรู้ว่าใครทำร้ายสุนัขคำรณสวรรค์ของข้า”
เขาโกรธมากเมื่อได้กลิ่นพริกป่นบนตัวสุนัขคำรณสวรรค์
แม้ว่าสุนัขคำรณสวรรค์จะไม่ใช่อภิมหาสัตว์เทพ แต่มันก็เป็นสุนัขที่ดี มันอยู่กับเขามาหลายพันปี มันมักกล้าหาญเสมอและไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง
หยางเจียนทนไม่ได้เมื่อเห็นสุนัขผู้ซื่อสัตย์ของเขาถูกทำร้ายด้วยผงพริกป่นเช่นนี้
เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ หยางเจียนรู้สึกอับอายที่มีคนกล้าทำร้ายสุนัขของเขา
หยางเจียนยังไม่รู้ว่าแดร์ริลนั้นเป็นคนทำร้ายสุนัขคำรณสวรรค์ด้วยผงพริกป่น
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ผู้ชายหลายคนทำการค้นหารอบ ๆ ตัวพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันนั้น ณ ที่ที่แดร์ริลอยู่…
เอี๊ยด!
รถก็ค่อย ๆ หยุดลงหลังจากวิ่งอยู่บนถนนมาได้ระยะหนึ่ง แดร์ริลมองไปที่มาตรวัดน้ำมันและยิ้มออกมาอย่างเหยเก
‘บ้าเอ๊ย… น้ำมันรถหมด… ทำไมต้องได้ใช้น้ำมันเยอะขนาดนี้ด้วย?’
แดร์ริลลงจากรถ มองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจ พวกเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ที่ซึ่งเป็นถิ่นทุรกันดารล้อมรอบไปด้วยหญ้าสูง เขาเกรงว่าคงจะไม่มีคนอยู่ในระยะหนึ่งร้อยกิโลเมตรนี้เลย