คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 569
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 569
พวกเธอทั้งสองคนคือ เอเวอลีน เฟเธอร์สโตน และ เซอซี นิวแมน
แดร์ริลรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเซอซี นิวแมนจะเป็นสาวกนิกายตำหนักอมตะ เอเวอลีนและเซอซีทั้งคู่ดูงดงามและไร้เดียงสาในชุดเดรสยาวเรียบ ๆ อย่างไรก็ตาม ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่แดร์ริลและแด็กซ์
ตุ้บ!
เหล่าผู้ติดตามค่อย ๆ วางโลงศพลงอย่างช้า ๆ แล้วกระเถิบออกไปยืนอยู่ข้าง ๆ
ทั่วทั้งลานชมทิวทัศน์เงียบสนิท หลายคนได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้วเกี่ยวกับการจากไปของประมุขนิกาย
เชสเตอร์ลุกขึ้นยืนมองไปที่แดร์ริลและสำลัก “น้องชาย โลงศพนั่นคือ…”
แดร์ริลถอนหายใจ “ร่างของท่านประมุขนิกาย คัลลัม เวบบ์”
เชสเตอร์รีบเร่งไปที่โลงศพ มือของเขาสั่นเทาเมื่อเขาเปิดฝาโลงอย่างช้า ๆ
คัลลัมนอนแน่นิ่งอยู่ในโลงอย่างสงบสันติ ตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและดวงตาของเขาปิดสนิท บาดแผลบนร่างกายของเขามันช่างดูน่าสลดหดหู่
ตุ้บ!
เชสเตอร์ก็เสียสติในทันที เขาคุกเข่าลงและร้องไห้โอดครวญ “ท่านประมุข…”
เขาร้องไห้ในความเจ็บปวด
เชสเตอร์และคัลลัมต่างสนิทสนมกันมากที่สุดในนิกาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คัลลัมปฏิบัติต่อเชสเตอร์ราวกับว่าเขาเป็นน้องชายแท้ ๆ การที่ได้เห็นสภาพบาดแผลเช่นนี้ เชสเตอร์ก็รู้สึกยอมรับกับความจริงไม่ได้ที่คัลลัมจากไปแล้ว
เขาร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง ทั่วทั้งลานชมทิวทัศน์ต่างเศร้าสลดอาลัยอาวรณ์
จากนั้นจตุราชันย์พิทักษ์ทั้งสี่และบรรดาฮอลล์มาสเตอร์คนอื่น ๆ ก็คุกเข่าลงและร่ำไห้ด้วยเช่นกัน พวกเขาโอดครวญ “ท่านประมุข…”
เสียงร้องไห้เศร้าโศกดังระงมไปทั่วทั้งเกาะอมตะ
หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้หญิงคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเชสเตอร์อย่างช้า ๆ และผยุงตัวเขาลุกขึ้นมา “สามี ไม่ต้องร้องไห้นะ”
เธอคือภรรยาของเชสเตอร์ อดีนา เวก้า สมญานามของเธอคือความเป็นมิตร เธออ่อนโยนเป็นอย่างยิ่งและแม้ว่าเธออาจจะดูไม่สวยเช้งแต่เธอก็ดูจิตใจดี หัวใจของเธอปวดร้าวเมื่อมองดูเชสเตอร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอกอดเขา
แด๊กซ์เดินเข้าไปหาเชสเตอร์ขณะหยิบป้ายหยกสีม่วงและพินัยกรรมของคัลแลนยื่นมอบให้กับเชสเตอร์ “พี่เชสเตอร์ ผมสัญญากับท่านประมุขไว้ว่าจะมอบสองสิ่งนี้ให้กับพี่ด้วยตัวเอง”
เชสเตอร์พยักหน้า เขารับมอบมันด้วยทั้งสองมือขณะเช็ดน้ำตาแล้วเดินกลับไปที่แท่นยกระดับ
เขาเปิดพินัยกรรมของคัลลัมและอ่านขาน “ข้าพเจ้าคัลลัม เวบบ์ ประมุขนิกายลำดับที่ยี่สิบเจ็ดแห่งนิกายตำหนักอมตะ ซึ่งข้าถูกซุ่มโจมตีโดยบรรดาพรรคหกสำนักหลัก เมื่อรู้ว่าตัวข้านั้นเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก ข้าจึงเขียนพินัยกรรมนี้ไว้”
เชสเตอร์ยังคงสะอื้นไห้ ดังนั้นเสียงของเขาจึงไม่ฉะฉาน อย่างไรก็ตาม ทั่วทั้งลานชมทิวทัศน์ก็เงียบสนิทเพื่อให้พวกเขาได้ยินคำกล่าวชัดเจน ทุกสายตาจับจ้องไปที่เชสเตอร์ขณะฟังเขาอ่านพินัยกรรมของท่านประมุขนิกาย
เชสเตอร์ถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อข้าพเจ้าสิ้นชีพ ขอให้เชสเตอร์ วิลสันกุนซือพัดกระจ่างขึ้นรับตำแหน่งประมุขนิกายคนต่อไป จตุราชันย์ผู้พิทักษ์และสาวกผู้ติดตามทั้งหมด 180,000 คนต้องเชื่อฟังคำบัญชาของเชสเตอร์ วิลสัน!”
ด้วยเหตุนี้ นัยน์ตาของเชสเตอร์ก็กลายเป็นสีแดงก่ำเขากลั้นน้ำตา และกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดทุกคนต้องเชื่อฟังคำบัญชานี้! หลายท่านคงจะทราบดีว่าสงครามกำลังจะปะทุขึ้นสักวันระหว่างโลกใหม่และจักรวาลโลก เหล่าสาวกผู้ติดตามของนิกายตำหนักอมตะทุกคนจะต้องไม่เป็นผู้ทรยศ! อย่ายอมแพ้ก้มหัวให้กับโลกใหม่! ใครก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาของข้า ผู้นั้นจะทำให้การตายของข้าพเจ้าสูญเปล่าประโยชน์!
เชสเตอร์สำลักและสะอึกสะอื้นไห้เมื่ออ่านประโยคสุดท้าย “คัลลัม…”
ตุ้บ
เชสเตอร์คุกเข่าและร้องตะโกนด้วยความมั่นใจ “ท่านประมุข ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยให้สาวกผู้ติดตามคนไหนไปเป็นไส้ศึกให้กับโลกใหม่! ฉันขอสาบานว่าฉันจะเป็นประมุขแห่งนิกายตำหนักอมตะให้ดีที่สุด!”