คุณสามีแห่งปาฏิหาริย์ - บทที่ 773
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 773
ชาวประมงลุกหนีไปทันทีเมื่อเห็นเขา เขาจะมีโอกาสไปซื้อได้อย่างไร? และมากกว่าไปกว่านั้นเงินตราที่เขามีติดกับตัวก็ไม่สามารถจะใช้จ่ายที่นี่ได้
ลิลี่หัวเราะเบา ๆ กับเรื่องนี้ “คราวหน้าอย่าทำอีกล่ะ” ถึงแม้ว่าจัสตินจะขโมยมันมาเพื่อเธอ แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม
ทั้งสองเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ลิลี่รู้สึกอารมณ์ดีถึงแม้ว่าเธอจะต้องเดิน ทัศนียภาพอันงดงามระหว่างทางสวยราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
พวกเขาสองคนเดินมานานเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะเดินมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่ผู้คนพลุกพล่าน
เมืองมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมันดูเป็นถนนที่จอแจจากระยะไกล เพราะมันมีแผงขายอาหารนานาชนิดตามริมถนนและยังมีทั้งลูกกวาดและตุ๊กตาดินเผาวางขายอยู่ด้วย
ทั้งสองคนเริ่มหิวกระหายหลังจากเดินมาสองชั่วโมง จัสตินเอามือล้วงประเป๋าและรู้สึกวิตกกังวล
เงินตราจากจักรวาลโลกไม่สามารถจะใช้กับที่นี่ได้
พวกเขาควรจะทำอย่างไร?
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกก็คือชาวเมืองต่างพากันชี้นิ้วและตำหนิเครื่องแต่งกายของเขาและลิลี่ มันทำให้สถานการณ์ค่อนข้างอึดอัด
“ลิลี่ มันมีโรงรับจำนำอยู่ข้างหน้า เราเอาของไปแลกเงินกันเถอะ” ในขณะนั้น ดวงตาของจัสตินก็ส่องเป็นประกายเมื่อเขาพาลิลี่เข้าไปในร้าน
จัสตินถอดนาฬิกาข้อมือภายในร้านและวางบนโต๊ะก่อนจะตะเบ็งเสียง “เถ้าแก่ เรือนนี้ให้ได้เท่าไหร่?”
นาฬิกายี่ห้อ Rolex รุ่นที่จำกัด ซึ่งเขาซื้อจากคนขายที่รู้จักกันในราคามากกว่าหนึ่งล้าน เขารู้สึกไม่ค่อยเต็มใจที่จะขายมันทิ้งแต่ก็ต้องทำเพื่อเห็นแก่ลิลี่
เจ้าของร้านมองนาฬิกาด้วยความสงสัยอยู่สักพักหนึ่งและกล่าวขึ้นมา “ไอ้นี่มันคืออะไร ให้ได้แค่ร้อยเดียว”
“ร้อยเดียว?” จัสตินตกตะลึงมึนงงและอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “แค่ร้อยเดียวมันพอที่จะพาเราสองคนไปพระราชวังรึเปล่า?”
ร้อยเดียว ฟังดูแล้วก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป
เจ้าของร้านนึก ‘อะไร? จากตรงนี้ไปพระราชวังงั้นเหรอ?’
เขาฉีกยิ้มและส่ายหัว “เงินเท่านี้มันน่าจะพอสำหรับสามสี่วัน แต่ถ้าพวกนายจะเดินเท้าทางไปที่พระราชวังมันอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนกว่าจะเดินไปถึงที่นั้น ร้อยเดียวไม่น่าจะพอ”
‘อะไร? แค่สามสี่วันเอง?’ จัสตินรู้สึกกระวนกระวาย
เขาชี้ไปที่นาฬิกาและกล่าว “ได้โปรดลองดูมันเข้าไปลึก ๆ เถ้าแก่รู้ไหมว่ามันแพงหูฉี่แค่ไหน?”
เจ้าของร้านก็หมดความอดทนและโบกมืออย่างไม่แยแสก่อนจะกล่าว “ฉันให้ได้แค่ร้อยเดียว ฉันเสนอราคานี้ก็เพราะความแปลกตาของมัน ถ้าไม่เอา ก็เอามันคืนไปและอย่ามาเกะกะกิจการของฉัน”
“ก็ได้ ก็ได้ ร้อยเดียวก็ร้อยเดียว” จัสตินกัดฟันคอตก
ถึงแม้ว่าเขาจะตะขิดตะขวงใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีเงินติดตัวเลย เงินหนึ่งร้อยนี้อาจจะไม่มากพอสำหรับพวกเขาที่ใช้ต่อไปอีกสองสามวัน แต่อย่างน้อยมันก็มากพอที่พวกเขาจะสามารถหาโรงแรมเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ได้ในคืนนี้
เจ้าของร้านหัวเราะเมื่อเขาหยิบเหรียญทองแดงหนึ่งร้อยเหรียญออกมาใส่ถุงก่อนจะส่งให้กับจัสติน
“ลิลี่ เราไปกันเถอะ” เขาเพียงแค่กำถุงเงินไว้ในมือตอนเดินออกจากโรงรับจำนำ เขากล่าวขณะก้าวเดิน “เราไปหาโรงแรมพักกันเถอะ…”
จากนั้นเด็กวัยรุ่นก็โพล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค และคว้าเอาถุงเงินของจัสตินวิ่งหนีไป!
“ไอ้หัวขโมย? แก…” จัสตินหน้าโกรธหน้าเขียวขณะเขาวิ่งไล่ตามด้วยดวงตาที่แดงเถือก
ให้ตายสิพับผ่า ปล้นกันกลางวันแสก ๆ? แล้วพวกเขาจะมีชีวิตรอดกันได้อย่างไรถ้าหากไม่มีเงิน?
ลิลี่ก็วิตกกังวลเช่นเดียวกันและอยากที่จะวิ่งไล่ตามหัวขโมยไป แต่เธอจะไปตามทันได้อย่างไรในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง? เธอจึงทำได้แค่เพียงอยู่เฉย ๆ และรอให้จัสตินกลับมา