คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 105 หนึ่งกระบวนท่าสลายม่านพลัง
“เฮ้ ดูเหมือนว่ารุ่นน้องอวี้โม่จะไม่ได้ตกเป็นรองเลยนะ”
บุรุษผู้หนึ่งกล่าวด้วยแววตาตื่นตะลึง
เหล่านักเรียนทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทุกเพศทุกวัยของโรงเรียนราชสำนักที่มาชมดูการต่อสู้ระหว่างฉินอวี้โม่นักเรียนใหม่ผู้คว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งและจีชางอดีตอันดับหนึ่งผู้ครองตำแหน่งยาวนานถึงสามปีซ้อนต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเด็กใหม่ผู้มีระดับพลังเป็นรองกลับรับมือกับคู่ต่อสู้รุ่นพี่ได้อย่างสูสี
“ใช่แล้ว แต่ยิ่งกว่านั้น เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนกับว่าฉินอวี้โม่ยังไม่ได้เอาจริงเลยนะ ?”
บุรุษอีกคนกล่าวสนับสนุนสหาย เขามองเห็นว่ารุ่นน้องเข้าใหม่นามฉินอวี้โม่สามารถป้องกันและหลบหลีกกระบวนท่าโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงของจีชางได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ดูเหมือนว่าจีชางผู้แข็งแกร่งจะทุ่มเทกำลังจนสุดความสามารถแล้ว อีกทั้งเขายังมีความรู้สึกว่าฉินอวี้โม่ยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงของนางออกมาเลย
“ดูยังไงรุ่นน้องฉินอวี้โม่ก็น่าจะเป็นจอมยุทธ์นภมายาเก้าดารา หรือว่าข้ามองอะไรพลาดไป ?”
สหายในกลุ่มเดียวกันกับบุรุษสองคนแรกตั้งข้อสงสัย พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดผู้ที่อยู่ขอบเขตนภมายาเก้าดาราถึงสามารถปัดป้องการโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตมายาบรรพชนได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าจอมยุทธ์มายาบรรพชนต้องอับอาย
“ฮ่า ๆ นี่อาจจะเป็นความตั้งใจของฉินอวี้โม่ก็ได้ นางอาจจะเตรียมแผนรับมือกับจีชางไว้แต่แรกแล้ว”
มีบางคนกล่าวถึงความน่าจะเป็นบางอย่างขึ้น ฉินอวี้โม่เข้ามาถึงโรงเรียนราชสำนักวันแรกก็ชิงอันดับหนึ่งในทำเนียบดาวรุ่งไปจากจีชางทันที เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้ หลายคนจึงคิดว่ารุ่นน้องนามฉินอวี้โม่ผู้นี้คงจะรู้จักจีชางและเตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว
ทว่าความคิดเช่นนั้นของพวกเขานับว่าไม่ยุติธรรมกับฉินอวี้โม่ เพราะในความจริง คุณหนูสี่ตระกูลฉินไม่เคยรู้เลยว่าจีชางเป็นผู้ใดและมีเบื้องหลังอย่างไร หรือต่อให้นางรู้ แต่ตราบใดที่นางยังมั่นใจในความแข็งแกร่งที่มี คนอย่างฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดจะเกรงกลัวเขา ยิ่งกว่านั้นหากไม่ใช่เพราะนางไม่อยากเป็นที่จับตามองมากเกินไป อดีตนักฆ่าสาวก็คงจะลองท้าทายสามอันดับในทำเนียบนภาไปแล้ว
จีชางและฉินอวี้โม่ต่อสู้กันอยู่หลายกระบวนท่า เวลานี้สีหน้าของจีชางเดี๋ยวตื่นตะลึง เดี๋ยวประหลาดใจ ผสมปนเปไปกับความกรุ่นโกรธ ยิ่งเขาสู้กับฉินอวี้โม่เขาก็ยิ่งพบกับความจริงที่ว่า ฉินอวี้โม่ยังไม่ได้ใช้ฝีมืออย่างเต็มที่ ทว่านางกลับไม่ได้เป็นรองเขาเลยแม้แต่น้อย และจนถึงตอนนี้สตรีตรงหน้ายังคงเอาแต่ตั้งรับเพียงอย่างเดียว
ความเร็วของฉินอวี้โม่นับว่าสูงส่งมาก นางเร็วเสียยิ่งกว่าจอมยุทธ์มายาบรรพชนหลายคน มีหลายครั้งที่จีชางมั่นใจว่าตนเองโจมตีถูกตัวอีกฝ่าย ทว่าในเสี้ยวลมหายใจต่อมาเขากลับพบว่าสิ่งที่ถูกเขาโจมตีไปเป็นเพียงอากาศว่างเปล่าเท่านั้น
“จีชาง ตอนนี้ก็ถึงทีของข้าบ้าง”
ที่ผ่านมาฉินอวี้โม่เอาแต่หลบหลีกและป้องกันเป็นส่วนใหญ่ นางไม่ได้ลงมือจู่โจมคู่ต่อสู้ก่อนเลย เพราะเวลานี้อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูกำลังประเมินพลังของคู่ต่อสู้ นางอยากจะเห็นกับตาว่าตนเองที่อยู่ขอบเขตนภมายาเก้าดาราจะห่างชั้นกับจอมยุทธ์มายาบรรพชนมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตามหลังจากรับมือจีชางมาได้สักพัก คุณหนูสี่ตระกูลฉินก็พบว่าสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้ไม่ผิดแม้แต่น้อย ถึงแม้จะอยู่ในขอบเขตที่ด้อยกว่าแต่พลังของนางก็แทบไม่แตกต่างจากอีกฝ่ายเลย และเหตุผลก็เนื่องมาจากการที่จีชางเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตมายาบรรพชนทำให้พลังยังไม่มั่นคงมากพอ
อย่างไรก็ตาม หากฉินอวี้โม่ต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์มายาบรรพชนดาราสูง ๆ ตัวคนเดียวด้วยมือเปล่าก็คงจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้แน่ จริงอยู่ว่านางเคยเอาชนะลิ่วรุ่ยผู้อาวุโสสองแห่งอารามที่อยู่ในขอบเขตมายาบรรพชนหกดารามาก่อน แต่ในตอนนั้นเป็นเพราะมีพลังของซิ่วช่วยเหลือจึงไม่นับว่าเป็นฝีมืออันแท้จริงของนาง
หลังจากได้ข้อสรุปที่มั่นใจแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดจะทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไปอีก เพราะยิ่งต่อสู้ไปนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้คู่ต่อสู้จับแนวทางและกลยุทธ์ของนางได้เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีกายเทพมายาที่ทำให้พลังมายาของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย ทว่าฉินอวี้โม่ก็ไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ดังนั้นมันจะดีกว่ามากหากนางเผด็จศึกให้จบโดยเร็ว
ทันทีที่สิ้นเสียงหวานอันหนักแน่น ร่างของสตรีแซ่ฉินก็วูบหายไปอย่างลึกลับต่อหน้าต่อตาจีชาง
“หือ ?”
จีชางชะงักไปทันที เขาไม่สามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของฉินอวี้โม่ได้เลย
— ปัง ! —
ฝ่ามือหนึ่งซัดเข้าที่ด้านหลังของบุรุษผู้เพิ่งก้าวข้ามมายังขอบเขตมายาบรรพชนอย่างรุนแรง แรงปะทะนั้นส่งร่างของเขากระเด็นออกไปไกล
อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตาที่ส่งฝ่ามือเข้าจู่โจมนั้น ฉินอวี้โม่ก็สังเกตเห็นม่านพลังบาง ๆ ปรากฏขึ้น มันห่อหุ้มร่างกายของจีชางไว้ทั้งหมด และม่านพลังนี้เองที่ช่วยป้องกันตัวเขาจากการโจมตีของนางไว้ได้
ดังนั้นถึงแม้การโจมตีนี้ของฉินอวี้โม่จะทำให้จีชางต้องอับอาย แต่ร่างกายเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น
ร่างของจีชางกระเด็นไปด้านหน้าหลายจั้งก่อนจะหยุดลง ความเร็วแรงส่งผลให้อดีตผู้เป็นที่หนึ่งในทำเนียบดาวรุ่งเกือบล้มคว่ำหน้า ทว่าเขาก็ทรงตัวได้และรีบหันหลังกลับมามองฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
เขาเพิ่งจะถูกสตรีในขอบเขตนภมายาซัดจนกระเด็น นี่จะส่งผลต่อหน้าตาและชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมานานภายในโรงเรียนราชสำนักหลังจากนี้
“สุดยอดเลย รุ่นน้องอวี้โม่ถึงกับซัดจีชางกระเด็นได้ด้วยฝ่ามือเดียว ยอดเยี่ยมจริง ๆ !”
เมื่อเห็นว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวของฉินอวี้โม่ทำให้จีชางพุ่งกระเด็นออกไปจนเกือบล้มหน้าคะมำได้ ผู้ชมบางคนก็ร้องเฮ้ออกมาด้วยความสาแก่ใจ
“ใช่แล้ว การที่จอมยุทธ์นภมายาส่งจอมยุทธ์มายาบรรพชนกระเด็นไปได้มันน่าประหลาดใจจริง ๆ”
หลายคนเริ่มส่งเสียงสนับสนุนออกมา พวกเขาทุกคนมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาชื่นชม
“เฮ้ ดูให้ดี ๆ สิ จีชางจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยนะ เห็นไหมรอบตัวเขามีม่านพลังมายาป้องกันเอาไว้ ม่านพลังนั่นเป็นข้อได้เปรียบที่มีเฉพาะผู้ที่อยู่ในขอบเขตมายาบรรพชนขึ้นไปเท่านั้น ข้าเกรงว่านั่นจะเป็นปัญหาใหญ่ของสาวน้อยผู้นั้นแล้ว”
“อ่า เช่นนั้น หากฉินอวี้โม่ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของจีชางได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ก็คงจะรู้ผลแพ้ชนะไม่ได้ง่าย ๆ เสียแล้ว”
เมื่อมีผู้สังเกตเห็นว่าการโจมตีของฉินอวี้โม่ไม่สามารถทำอะไรจีชางได้เลย หลายคนจึงเริ่มแสดงความกังวลออกมา
“ชิงเฟิง หรือว่าอวี้โม่จะทำลายการป้องกันของขอบเขตมายาบรรพชนไม่ได้หากว่านางไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ?”
เยว่ชิงเฉิงกระซิบถามข้างหูของโอวหยางชิงเฟิง พวกเขาลืมไปเลยว่าตอนที่ฉินอวี้โม่เอาชนะผู้อาวุโสสองแห่งอารามนั้นนางใช้กระบี่ที่ทรงพลัง และกระบี่นั่นก็สามารถตัดผ่านม่านพลังของผู้อาวุโสจากอารามได้อย่างง่ายดาย ทว่าในครั้งนี้เป็นเพราะกฎจึงไม่สามารถใช้อาวุธได้ แล้วสหายสาวของนางจะเอาชนะได้อย่างไร ?
“อย่าห่วงไปเลย ข้าเชื่อว่าอวี้โม่ต้องทำได้แน่”
โอวหยางชิงเฟิงกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ค่อนข้างหนักแน่น อีกทั้งสีหน้าของเขาก็ไม่มีความกังวลปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย
“ชิงเฉิง ในตอนที่อยู่ดินแดนต้องห้าม เจ้าลืมแล้วหรือว่าเสี่ยวโร่วเองก็สามารถทำลายการป้องกันของลิ่วรุ่ยได้ และนางก็ไม่ได้ใช้อาวุธ ?”
องค์ชายฉีอวี้ที่ได้ยินสิ่งที่เยว่ชิงเฉิงกระซิบกับโอวหยางชิงเฟิงเช่นกันเอ่ยขึ้น เขาไม่สงสัยในความสามารถของฉินอวี้โม่ เขาเชื่อว่าฉินอวี้โม่ก็ต้องทำเช่นนั้นได้ ไม่ใช่เพียงแค่จีชางแต่ต่อให้เป็นจีหย่งมาเองเขาก็ยังเชื่อว่าสหายตระกูลฉินของตนจะไม่พ่ายแพ้
“ถูกต้องแล้ว ตอนนั้นที่ข้าทำได้เป็นเพราะว่าคุณหนูสั่งสอนข้ามาดี ข้าเชื่อว่าหากคุณหนูลงมือเองจะต้องดีกว่าข้าแน่”
เสี่ยวโร่วพยักหน้าและมองฉินอวี้โม่ด้วยความมั่นใจเต็มสิบส่วน ในความคิดของสาวใช้น้อยคุณหนูของนางเก่งที่สุดในโลกใบนี้แล้ว
ฉินอี้เพ่ยและฉินอี้เฉียงยังมองสถานการณ์ไม่กระจ่างนัก นั่นเพราะพวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นความสามารถของน้องสาวผู้พลัดพรากกันไปนาน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าสหายคนอื่น ๆ ยังไม่มีท่าทีเป็นกังวล พวกเขาเองก็ยังรู้สึกเบาใจได้
ในตอนที่เสียงของเสี่ยวโร่วสิ้นสุดลง ฉินอวี้โม่ที่อยู่บนเวทีก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ฉินอวี้โม่รีดเค้นพลังมายาออกมาจากภายในร่างกายก่อนจะหลอมรวมให้เป็นเข็มมายานับพันแล้วส่งมันพุ่งตรงไปยังร่างของจีชางอย่างรวดเร็ว
จีชางเองก็ไม่กล้าประมาท เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ปล่อยก้อนแสงเข้าไปปะทะกับเข็มพลังมายาของฉินอวี้โม่ในทันที
— ฟุ้บ ! —
เข็มของฉินอวี้โม่พุ่งทะลุก้อนแสงของจีชางและตรงไปยังตัวของเขาในชั่วพริบตาโดยที่ความเร็วของเข็มเหล่านั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย
ขณะเดียวกันก้อนแสงของจีชางเองก็ยังคงพุ่งตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและไม่มีท่าทีที่จะหลบหลีก เพราะพื้นที่ด้านหลังของนางเต็มไปด้วยนักเรียนที่ชมดูอยู่จำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นถ้าหากก้อนแสงนี้สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของโรงเรียนพวกนางก็จะถูกลงโทษ
คุณหนูสี่ตระกูลฉินปลดปล่อยพลังมายาอันแข็งแกร่งออกมาสร้างเป็นกำแพงพลังหนาตรงเข้าขวางกั้นก้อนแสงดังกล่าว ก่อนที่ตัวของนางจะถอยหนีออกไปในชั่วพริบตา
— ตูม ! —
เกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก้อนแสงของจีชางปะทะเข้ากับกำแพงพลังของฉินอวี้โม่ก่อนที่ทั้งหมดจะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันทางฝั่งจีชางเข็มพลังของฉินอวี้โม่ก็กำลังพุ่งตรงเข้าใส่ตัวเขา
จีชางเองก็ทำแบบเดียวกับฉินอวี้โม่นั่นคือสร้างม่านพลังหนาขึ้นมาเป็นกำแพงด้านหน้า อย่างไรก็ตามบุรุษหยิ่งทะนงกลับไม่ได้ถอยหลบออกไปเช่นเดียวกับคู่ต่อสู้ เขายืนมองเข็มพลังที่พุ่งมาหาด้วยสีหน้าสงบ เขาไม่เชื่อว่าพลังของจอมยุทธ์นภมายาเก้าดาราจะทะลวงการป้องกันอันแข็งแกร่งของเขาได้
— แคร๊ะ แคร๊ก แคร๊ก เพล้ง ! —
เสียงปริแตกดังขึ้น กำแพงพลังของจีชางถูกเข็มพลังมายาของฉินอวี้โม่ทำลายลงไปโดยสมบูรณ์ ! ในชั่วขณะที่จีชางกำลังตกตะลึงจนชะงักค้างนิ่งงันอยู่กับที่นั้น เข็มพลังมายาไม่ทราบที่มาก็พุ่งมาจากอีกทิศทางหนึ่งตรงเข้ามาที่ไหล่ของเขา
“อ๊ากก !”
เสียงร้องเจ็บปวดทรมานดังลั่นขึ้น เมื่อใช้มือสัมผัสไหล่ข้างที่ถูกโจมตี จีชางก็พบว่ามีเลือดมากมายกำลังไหลออกมา อดีตผู้ครองที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งหน้าซีดเผือดและบิดเบี้ยวเหยเก เขารีบเอามือกดแผลของตัวเองไว้และคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ นับว่าเป็นสภาพที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
“จีชางเจ้าแพ้แล้ว”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ หากว่าไม่ใช่เพราะนางเมตตาอีกฝ่าย เข็มพลังมายาชุดที่สองของนางก็คงพุ่งตรงไปที่คอหรือไม่ก็ศีรษะของเขาแล้ว จริงอยู่ว่าเข็มพลังของนางถูกกำแพงพลังของจีชางทำลายลงไปได้ แต่อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูก็ฉวยโอกาสในจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังตื่นตระหนกและมัวแต่เพ่งความสนใจไปที่กำแพงป้องกันของเขาโจมตีอีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นเช่นที่เห็น
เมื่อได้ยินวาจาไม่ดังมากนักของฉินอวี้โม่ ผู้ชมทั้งหลายก็ได้สติ เหตุการณ์อันรวดเร็วที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทำให้พวกเขาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ
“สวรรค์ รุ่นน้องอวี้โม่ทำลายการป้องกันของจีชางได้ด้วยการโจมตีเดียว และนางยังเจาะไหล่ของจีชางจนเป็นรูได้อีกด้วย สตรีผู้นี้เป็นจอมยุทธ์นภมายาจริง ๆ หรือ ? ข้าว่าบางทีนางอาจจะมีวิชาสร้างภาพลวงตาก็ได้นะ”
นักเรียนที่เข้ามาดูการประลองต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก จนบางคนอดกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ พวกเขารู้สึกทึ่งในการโจมตีอันเฉียบขาดของนักเรียนใหม่ผู้มีนามว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้ยิ่งนัก
“อย่าพูดจาเหลวไหล สัญลักษณ์แสดงระดับพลังไม่สามารถปลอมแปลงได้ ฉินอวี้โม่คือจอมยุทธ์นภมายาเก้าดาราอย่างแท้จริง ไม่มีทางลวงตาผู้ใดได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งหมดนั่นข้าว่าเป็นเพราะนางคือจอมยุทธ์นภมายาเก้าดาราที่ไม่ธรรมดามากกว่า”
อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
จอมยุทธ์นภมายาที่ต่อสู้กับจอมยุทธ์มายาบรรพชนได้โดยไม่เป็นรองอีกทั้งยังสามารถทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บจนสู้ต่อไปไม่ไหวนั้น ถือว่ามีพรสวรรค์เหนือคำบรรยาย
“ใช่แล้ว คุณหนูชนะแล้ว คุณหนูยอดเยี่ยมที่สุด”
เสี่ยวโร่วอดไม่ได้ที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แม้ว่านางจะรู้อยู่แล้วว่าคุณหนูของนางต้องชนะ แต่เมื่อฉินอวี้โม่ชนะจริง ๆ นางก็ยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากมายอยู่ดี
“ใช่ ใช่ อวี้โม่ชนะแล้ว ฮ่า ๆ ๆ หลังจากนี้เกรงว่าในโรงเรียนราชสำนักคงไม่มีใครกล้ารังแกพวกเราอีกเป็นแน่”
เยว่ชิงเฉิงยิ้มร้ายและเอ่ยเสียงดังอย่างท้าทายก่อนจะกวาดสายตามองนักเรียนที่อยู่รอบข้าง
“เอ่อ…”
เมื่อเห็นสายตาของเยว่ชิงเฉิง รุ่นพี่ทั้งหลายหรือแม้แต่นักเรียนใหม่คนอื่น ๆ ต่างก็ขยับถอยห่างออกไปหนึ่งฉื่อในทันที
และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้นักเรียนรุ่นพี่บางคนถึงกับหวาดหวั่น …‘นี่ล้อเล่นกันใช่หรือไม่ นักเรียนใหม่ปีนี้เป็นสัตว์ประหลาดชัด ๆ เพิ่งจะเข้ามาก็ล้มผู้มีพรสวรรค์ที่อยู่ในโรงเรียนมาก่อนถึงสองปีลงได้แล้ว พลังของพวกเขาน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ’
“ฉินอวี้โม่ ข้าเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ข้ายังไม่แพ้”
การถูกฉินอวี้โม่ทำให้บาดเจ็บมากมายได้เช่นนี้ ทำให้จีชางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง และยิ่งได้วาจาของนางเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าบาดแผลบนไหล่ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม เขาจ้องมองฉินอวี้โม่ก่อนจะออกปากตอบโต้ คนอย่างจีชางจะไม่มีทางยอมแพ้เพียงเท่านี้แน่
“รุ่นพี่จีชาง ลองจินตนาการดูสิว่าเวลานี้เจ้าจะเป็นอย่างไรหากว่าเข็มนั่นพุ่งทะลุหัวหรือคอของเจ้าไป”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็น ทว่าในใจของนางอยากจะมองบนให้ตากลับ ‘จีชางผู้นี้ดื้อด้านเกินไปหรือไร้สมองกันแน่ เขาถึงไม่เคยเข้าใจสิ่งใดเลยเช่นนี้ ?’
จีชางผงะไปเมื่อคิดตามสิ่งที่รุ่นน้องผู้เจาะทะลุแขนเขาได้กล่าว หากว่าเข็มนั่นทะลุคอหรือหัวของเขา แน่นอนว่าเขาก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“พี่เพ่ยหลง ท่านช่วยประกาศผลการต่อสู้ด้วย”
ฉินอวี้โม่ส่งยิ้มให้เพ่ยหลงอย่างสุภาพก่อนจะขอให้นางตัดสินผลของการประลอง
เพ่ยหลงเองก็ยิ้มตอบกลับให้ฉินอวี้โม่เช่นกัน รุ่นน้องหน้าใหม่ผู้นี้เป็นบุคคลที่นางสนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว สาวน้อยตระกูลฉินผู้งดงามมีพรสวรรค์อันน่ากลัวอย่างแท้จริง เพ่ยหลงเกรงว่าไม่ช้าก็เร็วคนตรงหน้าคงได้ขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับตัวนางแน่ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นเพ่ยหลงก็ยังคงรู้สึกมีความสุข การที่ในโรงเรียนมีสตรีเก่งกาจเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนถือเป็นเรื่องที่ดี และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกชื่นชมสตรีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งจากส่วนลึก
“ข้าคิดว่าทุกคนคงจะเห็นถึงผลลัพธ์กันแล้ว ในเมื่อจีชางพ่ายแพ้แล้ว เราก็ควรจะทำตามข้อตกลง”
เพ่ยหลงยิ้มและนำเอาหินมายาของจีชางออกมาเพื่อส่งให้ฉินอวี้โม่
“ช้าก่อน !”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่กำลังจะได้หินมายาทั้งหนึ่งร้อยก้อนของเขาไปต่อหน้าต่อตา จีชางก็เจ็บปวดใจและรู้สึกยอมรับไม่ได้
“ทำไมเล่า หรือว่ารุ่นพี่จีชางจะผิดคำมั่นที่ให้ข้าไว้ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา จีชางผู้นี้ยังไม่ยอมเลิกราอีกหรือ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมนุษย์ที่ดื้อด้านอย่างร้ายกาจโดยแท้
“เหอะ เรื่องที่เจ้าชนะข้าและได้หินมายาไป ข้าจะไม่ว่าอะไร แต่เรื่องที่เจ้าแย่งชิงที่หนึ่งของข้าไป ยังไงข้าก็ไม่ยอม !”
จีชางกล่าวขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด เขามองออกไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนที่แววแห่งความชั่วร้ายจะฉายชัดขึ้นบนใบหน้า
.