คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1083 สภาวะชะงักงัน
ตูมมม !
กระบวนท่าโจมตีที่ทรงพลังถูกปล่อยตรงไปที่เสียอวิ๋นอย่างจังและทำให้ม่านป้องกันของเขาพังทลายทันทีก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นออกไป
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
สีหน้าของเสียอวิ๋นถอดสีทันที เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้หานโม่ฉือเพียงต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเท่านั้น แล้วเหตุใดจู่ ๆ ความแข็งแกร่งจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ !
“หึ เสียอวิ๋น ข้าบอกไว้เลยว่าวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน !”
หานโม่ฉือหัวเราะเบา ๆ และปล่อยฝ่ามือวายุโจมตีเสียอวิ๋นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ฝันไปเถอะ !”
เสียอวิ๋นกล่าวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวและจู่ ๆ กลุ่มพลังสีดำทะมึนก็แผ่ปกคลุมทั่วร่างของเขาพร้อมกับพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นทันที
เดิมทีพลังของเขาอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ห้าดารา ทว่าจู่ ๆ เขาก็ทะลวงพลังผ่านขีดจำกัดและบรรลุขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราได้อย่างรวดเร็ว
แรงกดดันอันทรงพลังแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณทันทีซึ่งส่งผลกระทบต่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ในสมรภูมิรบเป็นอย่างมาก
“ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าพลังอำนาจที่แท้จริงเป็นอย่างไร !”
เสียอวิ๋นโบกมือเล็กน้อยและก้อนพลังมายาที่ห้อมล้อมไปด้วยพลังความมืดก็ปรากฏตรงหน้าเขาก่อนพุ่งตรงเข้าหาหานโม่ฉืออย่างรวดเร็ว
ตูมมม !
หานโม่ฉือก็ปล่อยก้อนพลังมายาออกไปปะทะกับก้อนพลังดังกล่าวเช่นกัน
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงและหายวับไปในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะเป็นการโจมตีของเสียอวิ๋นที่มีพลังบรรลุขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราแล้ว หานโม่ฉือก็ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?!”
เสียอวิ๋นเอ่ยถามอีกครั้งและสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของหานโม่ฉือยิ่งกว่าเดิม ไม่มีทางเลยที่จอมยุทธ์ธรรมดา ๆ จากดินแดนระดับต่ำจะครอบครองพลังอำนาจที่แกร่งกล้าและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้
“ตายไปเจ้าก็จะได้รู้เอง !”
หานโม่ฉือไม่ตอบคำถามดังกล่าวขณะกระหน่ำโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อย ๆโดยที่ควบคุมเสียอวิ๋นได้อยู่หมัด
เสียอวิ๋นคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเขาจะถูกหานโม่ฉือกดข่มได้อีกครั้งทั้ง ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาจนบรรลุระดับนี้แล้ว ในตอนนี้เขาทำได้เพียงป้องกันตัวเองและไม่มีโอกาสโต้กลับได้เลย หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำเป็นแน่
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ฮวาฟางเฟยผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับฉินอวี้โม่ก็ไม่อยากเชื่อเลยสักนิดเมื่อเห็นสถานการณ์ของเสียอวิ๋นที่ค่อย ๆ เสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางและทุกคนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจเป็นอย่างดีและการที่จะกล่าวว่าเขาเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของดินแดนมหาเทพก็มิใช่เป็นการอวดอ้างที่เกินจริงเลย แต่การที่เขาถูกหานโม่ฉือกดข่มจนไม่อาจตอบโต้เช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด
เมื่อครั้งที่หานโม่ฉือเข้าร่วมกับนิกายหมื่นบุปผา ฮวาฟางเฟยก็ทราบถึงระดับความแข็งแกร่งของบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี สำหรับหานโม่ฉือในตอนนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงเสียอวิ๋นด้วยซ้ำ แม้ต่อสู้กับฮวาฟางเฟย เขาก็แทบไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเพียงไม่กี่ปี ทว่าพลังความแข็งแกร่งของเขากลับพัฒนาขึ้นมากจนถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
สำหรับผู้ที่ทรงพลังซึ่งสามารถไล่ต้อนเสียอวิ๋นจนไร้ทางสู้เช่นนี้ หากประจันหน้าด้วยตัวเอง ฮวาฟางเฟยมั่นใจดีว่าตนจะต้องตายไปอย่างน่าสังเวชเป็นแน่…
“เหอะ ฮวาฟางเฟย เจ้าก็แค่โชคดีเกิดมาในดินแดนระดับสูงเท่านั้น หากเป็นในแง่ของพรสวรรค์ เจ้าอาจจะไม่เหนือไปกว่าคนของดินแดนระดับต่ำเลยด้วยซ้ำ”
ฉินอวี้โม่ไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย หานโม่ฉือมีพลังอำนาจที่แกร่งกล้าเป็นทุนเดิมและตอนนี้ความทรงจำจากภพก่อนของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาควบคู่กับความแข็งแกร่งที่พัฒนาขึ้นมาก เป็นธรรมดาที่เขาจะได้เปรียบเหนือกว่าเสียอวิ๋น
ในตอนนี้หานโม่ฉือยังไม่แสดงพลังทั้งหมดออกไปด้วยซ้ำ หากเขาใช้พลังต้นกำเนิดของตนเพื่อต่อสู้กับเสียอวิ๋น มันก็ไม่ต่างจากการบีบมดตัวเล็ก ๆ ให้ตายคามือ
“แล้วอย่างไรล่ะ ?! วันนี้เจ้าจะต้องแพ้แน่ ! ไม่ว่าเจ้าหรือหานโม่ฉือก็จะต้องสลายกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านและไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพได้อีก !”
ฮวาฟางเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ราวกับว่านางยังมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่
“โอ้ งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ยักไหล่อย่างไม่แยแส หากต้องการปลิดชีวิตของพวกนาง คนของจอมยุทธ์ปีศาจไม่มีฝีมือที่จะทำเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน
“เหอะ คิดว่าจอมยุทธ์ปีศาจมีความแข็งแกร่งเพียงที่เห็นภายนอกงั้นรึ ?”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่แยแสวาจาข่มขู่ของตน ฮวาฟางเฟยก็แค่นเสียงและกล่าวอย่างมีเลศนัย
ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและทราบดีว่าความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจไม่ได้มีเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเขามั่นใจถึงขั้นประกาศสงครามชี้ชะตา นั่นจะต้องเป็นเพราะพวกเขามีไพ่ตายบางอย่างที่พวกนางยังไม่ทราบอย่างแน่นอน และสิ่งที่เปิดเผยออกมาในตอนนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จอมยุทธ์ปีศาจจะมีไพ่ตายอื่นซ่อนไว้ ทว่าฝ่ายดินแดนมหาเทพก็มีเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ชัยชนะก็จะต้องตกเป็นของดินแดนมหาเทพและเป็นไปไม่ได้ที่จอมยุทธ์ปีศาจจะคว้าชัยชนะไป !
การต่อสู้ยังคงตกอยู่ในสภาวะจนมุม หานโม่ฉือกำลังพยายามไล่ต้อนเสียอวิ๋นต่อไป ในขณะที่ฉินอวี้โม่ก็ยังคงเอาชนะฮวาฟางเฟยไม่ได้ การต่อสู้ของคนอื่น ๆ ก็ยังไม่สามารถระบุผู้ชนะได้เช่นกัน
ในการประจันหน้าระหว่างซิวและมังกรกระดูกดำ ซิวก็ค่อย ๆ กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ความแข็งแกร่งของซิวพัฒนาขึ้นจากก่อนหน้านี้มาก แม้ความแข็งแกร่งของมังกรกระดูกดำจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่แรงกดดันทางสายเลือดของซิวก็แกร่งกล้าเกินกว่าที่มันจะต้านทานได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมังกรกระดูกดำเองก็เป็นอสูรที่ทรงพลังมากเป็นทุนเดิม ต่อให้ซิวจะถือไพ่เหนือกว่า มันก็ยังมิใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะมังกรกระดูกดำได้
บรรดาอสูรมายาอื่น ๆ ก็ล้อมรอบหงส์ฟ้าและรุมโจมตีมัน
หลังจากผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน การประสานงานและความเข้าใจที่เหล่าอสูรมีต่อกันก็สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกมันกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดการกับหงส์ฟ้า ต่อให้จะเอาชนะไม่ได้ พวกมันก็ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ความแข็งแกร่งของหงส์ฟ้านั้นพัฒนาขึ้นจากเดิมพอสมควรและเนื่องด้วยจอมยุทธ์ปีศาจมีพลังพิเศษที่ช่วยพัฒนาพรสวรรค์ของมันได้อย่างเต็มที่ เพราะเหตุนั้น พลังของมันจึงเหนือกว่าเมื่อครั้งยังอยู่ที่นิกายหมื่นบุปผามากนัก หากมิใช่เพราะบรรดาอสูรของฉินอวี้โม่หมั่นเพียรฝึกวิชาจนมีการพัฒนาเช่นกัน เกรงว่าพวกมันอาจมิใช่คู่มือของหงส์ฟ้าแม้แต่น้อย
บุรุษลึกลับจากเผ่าปีศาจเพียงมองดูสถานการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยและไม่คิดที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม ครานี้เขามาเพื่อตามหาทายาทผู้สืบทอดของเผ่าปีศาจที่ฟื้นคืนชีพกลับคืนมาเท่านั้น หากเขาเข้าไปแทรกแซงในสงครามของดินแดนมหาเทพ มันจะทำให้ดินแดนอื่น ๆ รับรู้ได้และเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีไปจากที่นี่
เพราะเหตุนั้น เว้นแต่ว่าฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจจะใกล้เพลี่ยงพล้ำ เขาไม่มีทางลงมือทำสิ่งใดโดยเด็ดขาด
นอกจากผู้คนที่อยู่ในสมรภูมิรบก็ยังมีจอมยุทธ์อิสระจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้และเลือกที่จะรักษาความปลอดภัยของตนเอง ถึงอย่างไรก็มิใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมสงครามและต่อสู้เพื่อดินแดนมหาเทพ
คนเหล่านั้นไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายใดอยู่แล้ว เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ พวกเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ
ตูมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นปะทุขึ้นมาท่ามกลางสมรภูมิรบเมื่ออวิ๋นซื่อเทียนโยนระเบิดพลังมายาเจ็ดถึงแปดลูกออกไปและทำให้ผีดิบเกราะทองตรงหน้าระเบิดกลายเป็นจุณ
ร่างของนางในตอนนี้มีบาดแผลปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของผีดิบเกราะทองทรงพลังจนเกินไป แม้แต่อวิ๋นซื่อเทียนก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ระเบิดพลังมายารุ่นใหม่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริง ๆ”
นางยิ้มและกล่าวด้วยความพึงพอใจในผลงานของระเบิดพลังมายาของตน
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่เจ้าหลอมออกมาล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด !”
เซิ่งเซียวหัวเราะและกล่าวเยินยอ ทุกคนทราบดีว่าเขาคิดอย่างไรกับอวิ๋นซื่อเทียน ในเวลานี้ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองใกล้ที่จะตกลงปลงใจกันแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ความแข็งแกร่งภายนอกของเซิ่งเซียวในตอนนี้ก็เหนือชั้นกว่าฉินอวี้โม่เสียอีก ไม่ทราบเลยว่าเขาบรรลุขอบเขตเทพยุทธ์หนึ่งดาราตั้งแต่เมื่อใดและมันเป็นสิ่งที่น่าตกใจไม่น้อย
เขาก็ไม่รีบร้อนที่จะใช้ระเบิดพลังมายาในมือขณะต่อสู้กับผีดิบเกราะทองจนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างชัดเจน เชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะกำจัดคู่ต่อสู้ไปได้
“เร็วเข้าเถอะ ข้าจะไปช่วยคนอื่นก่อน”
อวิ๋นซื่อเทียนมองเซิ่งเซียวด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อยก่อนพุ่งตรงไปโจมตีผีดิบเกราะเงินต่อไป
เซิ่งเซียวได้แต่เกาศีรษะแกรก ๆ และเร่งความเร็วในการโจมตีของตนส่งผลให้ผีดิบเกราะทองต้านทานไม่ได้อีกต่อไป
สงครามก็เข้าขั้นดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่อาจคว้าชัยชนะได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ไม่รีบร้อนและยังคงต่อสู้ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งและแน่วแน่เช่นเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนต่อสู้โดยที่ไม่รอเราได้อย่างไรกัน !”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในหูของทุกคนและอากาศรอบตัวก็หนาวเย็นขึ้นมาทันที จากนั้นร่างหนึ่งก็เหาะเข้ามาจากระยะที่ไม่ไกลนักและตรงเข้าโจมตีหงส์ฟ้าอย่างรวดเร็ว