คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1111 ความปั่นป่วน
ทุกคนศึกษาวิเคราะห์กันอยู่พักใหญ่ ทว่ายังไม่อาจหาคำตอบได้อย่างแน่ชัดว่าเมล็ดพันธุ์ลึกลับคือสิ่งใดกันแน่
เห็นได้ชัดว่ามันดูเหมือนเมล็ดพันธุ์ทั่ว ๆ ไปซึ่งมีสีเขียว ทว่าพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ก็แผ่ออกมาจากตัวมัน ราวกับว่ามีพลังชีวิตที่ไร้ที่สิ้นสุดซ่อนอยู่ข้างใน
ฉินอวี้โม่มั่นใจแล้วว่ามันมิใช่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลก เพียงแต่คนอื่น ๆ ยังไม่ทราบแม้แต่น้อย
ไป๋เสี่ยวหลง เฟิงเป่ยโม่และคนอื่น ๆ ล้วนสันนิษฐานว่ามันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ต้นไม้โลกทิ้งไว้ อย่างไรก็ตาม เมล็ดพันธุ์ดังกล่าวถูกปิดผนึกอยู่ภายในผนึกป้องกันที่ทรงพลัง แม้หลังจากศึกษาวิเคราะห์เป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่มีวิธีที่จะทำลายผนึกป้องกันตรงหน้าและครอบครองเมล็ดพันธุ์นั้นมา
“เราจะทำลายผนึกนี่อย่างไร ?”
สายตาของไป๋เสี่ยวหลงเลื่อนมาหยุดลงที่ฉินอวี้โม่และต้องการถามว่านางมีทางออกสำหรับเรื่องนี้หรือไม่
ฉินอวี้โม่ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา นางไม่มีวิธีที่จะทำลายผนึกป้องกันตรงหน้าอย่างแท้จริง
ไม่อาจคาดเดาเลยว่าผู้ใดวางผนึกป้องกันที่ลึกลับและเต็มไปด้วยพลังประหลาดนี้ไว้ พลังมายาที่พวกนางส่งไปยังผนึกป้องกันกลายเป็นดั่งวัวโคลนลุยทะเลที่หายวับไปอย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับการทำลายผนึกป้องกันตรงหน้า
* 泥牛入海 วัวโคลนลุยทะเล ความหมายคือ จมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ ได้ลองทดสอบด้วยวิธีการอื่น ๆ ดู ทว่าแม้จะพยายามเพียงใด พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำลายม่านป้องกันได้สำเร็จและนั่นทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกปวดหัวกันขึ้นมา
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เมล็ดพันธ์ุรูปลักษณ์มันฝรั่งยังคงหมุนวนต่อไปพักใหญ่ก่อนหยุดลงในที่สุด
“นายหญิง ดูเหมือนว่ามันอยากจะออกไปข้างนอก”
มารยาคาดเดาความต้องการของเมล็ดพันธุ์จากท่าทางของมันและสันนิษฐานว่ามันอาจมีหนทางทำลายผนึกป้องกันได้
ฉินอวี้โม่มองไปที่ไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจนำเมล็ดพันธ์ุออกมา ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่านี่คือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกที่แท้จริงและคิดเพียงว่ามันเป็นหนึ่งในอสูรมายาของฉินอวี้โม่ซึ่งไม่มีสิ่งใดโดดเด่นสะดุดตา
เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกลอยขึ้นไปอยู่เหนือผนึกป้องกันและเริ่มหมุนตัวอีกหลายครา จากนั้นผนึกป้องกันก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยและเผยให้เห็นเมล็ดพันธุ์สีเขียวอย่างชัดเจน
ไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด แม้จะเห็นว่าผนึกป้องกันสลายไปแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าเดินเข้าไปคว้าเมล็ดพันธุ์นั้นมา
ผนึกอันทรงพลังถูกทำลายไปโดยสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนมันฝรั่งซึ่งเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่และนั่นก็หมายความว่าฉินอวี้โม่เป็นคนทำลายผนึกได้สำเร็จ เพราะเหตุนั้น นางก็ควรเป็นคนที่หยิบมันมาสำรวจก่อนใครอื่น
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ปฏิเสธความตั้งใจของทุกคนและก้าวออกไปหยิบเมล็ดพันธุ์สีเขียวออกมาทันที
เมื่ออยู่หลังผนึกป้องกันก่อนหน้านี้ เมล็ดพันธุ์สีเขียวดูอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตอย่างไม่รู้จบ ทว่าเมื่อหยิบมาอยู่ในมือ ฉินอวี้โม่กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น ราวกับมันเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ธรรมดาทั่วไปและนางไม่รับรู้ถึงกลิ่นอายพิเศษใดแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ของพืชทั่ว ๆ ไปเท่านั้น มิใช่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลก”
ฉินอวี้โม่มั่นใจตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันมิใช่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกอย่างแน่นอน และตอนนี้นางก็รู้สึกได้ว่ามันมิใช่เมล็ดพันธุ์ของสมุนไพรวิญญาณด้วยซ้ำ
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ในเวลานี้เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกโยกตัวขึ้นลงไปมาราวกับเป็นการพยักหน้าเบา ๆ ซึ่งเป็นการยืนยันความคิดของฉินอวี้โม่ว่ามันเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ธรรมดา
“นี่เป็นเพียงการเล่นพิเรนทร์ของเจ้ารึ ?”
ฉินอวี้โม่คาดเดาได้ทันที ไม่คิดเลยว่านางจะต้องผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนั้นเพียงเพื่อแย่งชิงเมล็ดพันธุ์ธรรมดานี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความตั้งใจของเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกตั้งแต่ต้น
นางได้ยินเสียงหัวเราะใสกังวานเบา ๆ ในโสตประสาทและเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกก็หมุนตัวกลางอากาศหลายรอบก่อนกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้ง เห็นทีตอนนี้เจ้าตัวน้อยจะมีอารมณ์ที่ดีมาก
ฉินอวี้โม่อดที่จะกลอกตาไปมาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเล่นพิเรนทร์ของเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกจริงและสิ่งที่นางคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย
“นี่มิใช่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลก มันเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ธรรมดาเท่านั้น ต้นไม้โลกจงใจทิ้งเมล็ดพันธุ์นี่ไว้เพื่อจงใจกลั่นแกล้งพวกเรา”
นางอธิบายกับไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะเชื่อวาจาของตนหรือไม่
“หากพวกท่านสนใจเมล็ดพันธุ์นี้ก็เชิญเอาไปได้เลย”
ฉินอวี้โม่โบกมือปัดเล็กน้อยก่อนหันหลังเพื่อเดินออกไปจากพระราชวัง
ในตอนแรกไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ ยังไม่ปักใจเชื่อนัก ทว่าเมื่อเห็นท่าทีของฉินอวี้โม่ที่นิ่งเฉยและทิ้งมันไว้โดยที่ไม่สนใจแม้แต่น้อย พวกเขาก็เชื่อในที่สุด อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นสิ่งที่อยู่พระราชวังของต้นไม้โลก ไป๋เสี่ยวหลงจึงถามความเห็นของเฟิงเป่ยโม่และคนอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบเมล็ดพันธุ์นั้นเก็บไว้และเดินออกจากพระราชวังด้วยกัน
ณ ด้านนอกพระราชวัง ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉินอวี้โม่ยอมยกเมล็ดพันธุ์ให้กับไป๋เสี่ยวหลง เพียงแต่พวกเขาก็ไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกนาง
“เหอะ ถือว่ายังรู้จักประมาณตน ทราบว่าตัวเองรักษามันไว้ไม่ได้ เพราะเหตุนั้นจึงได้มอบมันให้กับไป๋เสี่ยวหลง ! แต่ต่อให้จะเป็นตระกูลไป๋ หากคิดจะปกป้องเมล็ดพันธุ์นั่นจากพวกข้า มันก็เป็นเพียงความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี !”
เยี่ยซีแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวอย่างมีเลศนัย
ไม่ว่าเมล็ดพันธุ์ลึกลับจะลงเอยในมือของผู้ใด เขาก็จะต้องได้มันมาครองอย่างแน่นอน !
“หนิงหม่านชาง ตอนอยู่ในพระราชวังก่อนหน้านี้ พวกเจ้าตระกูลหนิงมองดูทุกอย่างจากด้านข้างและไม่คิดจะช่วยเหลือพวกข้า ครานี้หากตระกูลหนิงของเจ้ายังไม่คิดให้ความร่วมมืออีกละก็ เมื่อข้ากลับไปที่เมืองเซิ่งหลิง ตระกูลหนิงของพวกเจ้าจะไม่มีที่ยืนในเมืองเซิ่งหลิงอีกต่อไป !”
เขามองไปที่หนิงหม่านชางอย่างข่มขู่และกดดันให้ตระกูลหนิงร่วมมือกับพวกตน
เขาตระหนักแล้วทุกคนที่เข้าไปในพระราชวังล้วนไม่ธรรมดา หากอาศัยเพียงคนตระกูลเยี่ย เกรงว่าไป๋เสี่ยวหลงและคนอื่น ๆ อาจจะเอาตัวรอดไปได้
อย่างไรก็ตาม หากมีคนจากตระกูลหนิงร่วมด้วย โอกาสชนะของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้นถึงเจ็ดในสิบส่วน ท้ายที่สุดเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกก็จะต้องตกเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอนและไม่มีผู้ใดที่จะขัดขวางได้ !
หนิงหม่านชางทำได้เพียงพยักศีรษะอย่างจนปัญญา ในเมื่อเยี่ยซีข่มขู่อย่างเปิดเผยเช่นนี้ ตระกูลหนิงของเขาก็ไม่มีทางที่จะตีตัวออกจากเรื่องนี้ได้อีกต่อไป…
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ฉายวาบขึ้นมาก่อนที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะเหาะออกมาจากพระราชวัง
ทันทีที่เหยียบลงบนพื้นดิน คนของตระกูลเยี่ยและตระกูลหนิงก็เข้าปิดล้อมพวกนางอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ ๆ นึกว่าพวกเจ้าจะไม่กล้าออกมาซะแล้ว !”
เยี่ยซีหัวเราะเยาะเย้ยและกวาดสายตามองฉินอวี้โม่และสหายก่อนหยุดลงที่วัตถุในมือของไป๋เสี่ยวหลง
“ไป๋เสี่ยวหลง ส่งเมล็ดพันธุ์นั่นมาเดี๋ยวนี้ !”
ไป๋เสี่ยวหลงก้มลงมองเมล็ดพันธุ์สีเขียวในมือเล็กน้อย แม้ทราบดีว่ามันมิใช่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลก เขาก็ยังแสร้งแสดงท่าทีไม่เต็มใจและปฏิเสธที่จะมอบให้เยี่ยซี
“เหตุใดข้าถึงต้องทำเช่นนั้น !”
เขาบีบเมล็ดพันธุ์ไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมขณะมองตอบเยี่ยซีอย่างเย็นชาและปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
“เหอะ เพราะพวกข้ามีคนมากกว่า พวกเจ้าปกป้องเมล็ดพันธุ์ไว้ไม่ได้หรอก !”
เยี่ยซีแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยความมั่นใจ ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลเยี่ยและตระกูลหนิงที่ร่วมมือกันเหนือกว่าตระกูลไป๋อย่างแน่นอน ต่อให้มีฉินอวี้โม่และสหาย ครานี้พวกนางก็มิใช่คู่มือของพวกเขาอีกต่อไป
จอมยุทธ์อิสระส่วนใหญ่ก็มองดูสถานการณ์จากด้านข้างและไม่กล้าเข้ามาแทรกแซง
“ฮ่า ๆ ๆ เยี่ยซี อย่าคิดว่าตระกูลไป๋ของเราจะกลัวพวกเจ้า หากเจ้าต้องการเมล็ดพันธุ์นี้ก็เข้ามาชิงมันไปจากมือข้าได้เลย ข้าก็อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะมีฝีมือสักเพียงใด !”
ไป๋เสี่ยวหลงแสยะยิ้มออกมาและยังคงแสดงละครได้อย่างแนบเนียน
ฉินอวี้โม่และสหายชมเหตุการณ์อยู่ไม่ห่างและคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋เสี่ยวหลงจะแสดงละครตบตาอีกฝ่ายเช่นนี้ ทั้งที่ทราบดีว่าเมล็ดพันธุ์เป็นของปลอม เขาก็ยังแสร้งทำเป็นไม่ยินยอมเพื่อตบตาเยี่ยซีและตระกูลเยี่ย...
“รนหาที่ตายเสียแล้ว !”
เยี่ยซีไม่รีบร้อนลงมือขณะหันไปมองฉินอวี้โม่และกล่าวข่มขู่ “ส่งสมบัติที่พวกเจ้าได้มาจากพระราชวังมาเดี๋ยวนี้และข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป มิเช่นนั้น…พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ !”
คำข่มขู่ในวาจาของเขาชัดเจนอย่างไม่ปิดบังและแสดงจุดยืนที่หนักแน่นยิ่งกว่าเดิม
“เยี่ยซี การที่เราปล่อยพวกเจ้าออกมาจากพระราชวังมิได้หมายความว่าเราหยุดพวกเจ้าไว้ไม่ได้ หากต้องการจะสู้ก็ลงมือเลยเถอะ อย่ามัวแต่พูดพล่ามไร้สาระ !”
อวิ๋นซื่อเทียนหมดความอดทนเต็มทีและจ้องหน้าเยี่ยซีด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านขณะเพิกเฉยต่อคำข่มขู่ของเยี่ยซีและยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
ในเวลานี้ บรรยากาศข้างหน้าพระราชวังก็กลายเป็นความตึงเครียดทันที…
.
.