คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1191 ข่าวสาร
หญ้าเทียนหมาและหล่อฮั้งก้วยเป็นสมุนไพรที่หายากอย่างยิ่ง เพียงการได้รับข่าวเกี่ยวกับมันก็ทำให้ฉินอวี้โม่และทุกคนตื่นเต้นมากแล้ว
“พี่อวี้โม่ เราได้ข่าวมาว่าหญ้าเทียนหมาเติบโตอยู่บนยอดของภูเขามหาเทพซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในดินแดน ส่วนหล่อฮั้งก้วยปรากฏอยู่ในส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ”
ข่าวนี้เป็นข้อมูลที่ตระกูลหลานได้มาอย่างยากลำบากและมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ส่งคนไปในบริเวณเหล่านั้นเพื่อยืนยันข่าวเช่นกัน
หญ้าเทียนหมาและหล่อฮั้งก้วยอยู่ในสถานที่ทั้งสองแห่งอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในดินแดนเช่นภูเขามหาเทพหรือส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ ทั้งสองแห่งล้วนเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพ แม้แต่ยอดฝีมือเช่นฟู่ชางก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไปที่นั่น แน่นอนว่าการครอบครองสมุนไพรหายากทั้งสองมิใช่เรื่องง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรสำหรับหลอมโอสถทั้งสองชนิดก็อยู่ภายใต้การคุ้มกันของอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังซึ่งเป็นอุปสรรคที่พวกเขาจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ก่อนที่จะฉวยสมุนไพรทั้งสองมาครอบครอง
“ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ…ที่นั่นคือที่ที่มารยาเดินทางไปคราก่อนมิใช่รึ ?”
ก่อนหน้านี้มารยาออกเดินทางไปตามเส้นทางของตนอยู่พักหนึ่งและจุดหมายปลายทางในครานั้นคือทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ ซึ่งสุดท้ายมันก็สืบทอดมรดกของราชินีเหมันต์ได้สำเร็จ
“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่หลังจากสืบทอดมรดก ข้าก็ออกมาจากที่นั่นทันทีและไม่ได้สังเกตเห็นหล่อฮั้งก้วยดังกล่าว”
มารยาไม่ปฏิเสธและกล่าวตามความจริงว่าไม่พบร่องรอยของหล่อฮั้งก้วยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไร ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือก็เป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่อย่างยิ่งและจุดที่มันเดินทางไปเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของทุ่งน้ำแข็งเท่านั้น
“เช่นนั้นเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มเถอะ ข้าจะมุ่งหน้าไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือเพื่อตามหา หล่อฮั้งก้วย ส่วนพี่ใหญ่…ท่านนำคนอีกกลุ่มไปที่ภูเขามหาเทพเพื่อตามหาหญ้าเทียนหมาเถิด”
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจแยกออกเป็นสองกลุ่ม
ในเมื่อมารยาเคยไปที่นั่นมาก่อน ด้วยพลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในปัจจุบัน นางก็สามารถเดินทางไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือด้วยตัวลำพังได้
ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์บนภูเขามหาเทพลึกลับและยากจะคาดเดาได้ การแบ่งให้คนอื่น ๆ ไปที่นั่นด้วยกันจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
หลังจากหารือกันพักหนึ่ง ฉินอี้เฟย เยี่ยเฟิง เหลยเจี้ยนเชิง หลานเผิง รวมถึงเซิ่งเซียวและอวิ๋นซื่อเทียนจะเดินทางไปที่ภูเขามหาเทพด้วยกัน ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะประจำอยู่ที่เมืองราชวงศ์ของมณฑลกลางเพื่อป้องกันสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
จากนั้นทุกคนก็ไม่รอช้าและออกเดินทางในทันทีโดยแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่มตามที่วางแผนไว้และแยกกันไปตามจุดหมายของตน
เสี่ยวโร่ว เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่เพื่อฝึกฝนและสามารถเดินทางไปกับนางในขณะเดียวกันได้
ภายในดินแดนมหาเทพ ทุกคนแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่มและมุ่งหน้าไปตามเส้นทางของตนโดยที่สถานการณ์ดูจะเงียบสงบมาก
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ณ โลกปีศาจ สถานที่ประจำการของหานโม่ฉือและผู้ติดตามคนอื่น ๆ กำลังถูกโจมตีอยู่
จ้าวแห่งโลกปีศาจในปัจจุบันทราบถึงการปรากฏตัวของหานโม่ฉือแล้วทว่ายังไม่มั่นใจเท่าใดนัก เพราะเหตุนั้น การที่เขาส่งคนออกมาซุ่มโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนก็เพื่อยืนยันตัวตนของหานโม่ฉือนั่นเอง
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถบุกเข้าไปในที่พำนักของหานโม่ฉือได้เลยและถูกขัดขวางไว้ทั้งหมด
หานโม่ฉือไม่จำเป็นต้องแสดงตัวด้วยซ้ำ เพียงยอดฝีมือหลายคนที่เคยอยู่ร่วมกับเผ่าปีศาจก็สามารถสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
“ลี่จง แน่ใจรึว่าอยากจะตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับท่านจอมปีศาจ ?”
บุรุษชุดดำที่เป็นหัวหน้าของคณะศัตรูจ้องมองตรงมาที่ลี่จงด้วยแววตาเย็นชา หลี่จงผู้นี้คือผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าปีศาจในอดีตและเป็นคนแรกที่สนับสนุนการกลับมาของหานโม่ฉือในครานี้
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าผู้นี้จะภักดีต่อท่านจอมปีศาจไปตลอดกาล เพียงแต่จอมปีศาจที่เจ้ากล่าวถึงมิใช่จอมปีศาจที่แท้จริงและไม่คู่ควรกับตำแหน่งของจอมปีศาจเลยสักนิด !”
ลี่จงหัวเราะเย้ยหยันและกล่าวอย่างชัดเจน เขาจงรักภักดีต่อจ้าวแห่งโลกปีศาจคนแรกซึ่งก็คือบิดาของหานโม่ฉือ มิใช่ผู้นำตัวปลอมที่ใส่ร้ายป้ายสีและใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเพื่อแย่งชิงตำแหน่งจ้าวแห่งโลกปีศาจไปจากหานโม่ฉือ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลี่จงยังคงดำรงอยู่ในสถานะของผู้อาวุโสใหญ่เช่นเดิม ทว่าเขาก็จะมักเก็บตัวเพื่อฝึกวิชาในสถานที่ห่างไกลออกไปและไม่เคยเข้าไปเยี่ยมเยียนเมืองราชวงศ์ของโลกปีศาจเนื่องจากไม่ต้องการจำนนต่อคนผู้นั้น เมื่อทราบข่าวว่าหานโม่ฉือกลับมา แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะดีใจไปมากกว่าเขาแล้ว
เขาเลือกที่จะติดตามหานโม่ฉือทันทีโดยที่ไร้ซึ่งความลังเลและกลายเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญซึ่งตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับจ้าวแห่งโลกปีศาจคนปัจจุบันโดยตรง
“เหอะ สุราคำนับไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ !”
* 敬酒不吃吃罚酒 สุราคำนับไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ หมายถึง พูดด้วยดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ
ฝ่ายตรงข้ามแค่นเสียงเย็นชาและโบกมือส่งสัญญาณให้คนของเขาโจมตีลี่จงและคนอื่น ๆ
ลี่จงและคณะก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยขณะตอบโต้ไปทันที
ลี่จงมีพลังอำนาจที่แกร่งกล้าอย่างยิ่งและมากพอที่จะติดสามอันดับแรกของทั้งเผ่าปีศาจ ในเวลานี้ เขาก็ไม่คิดที่จะลงมือด้วยตัวเองและปล่อยให้คนอื่น ๆ ต่อสู้กัน
แม้ฝ่ายที่สนับสนุนหานโม่ฉือในเวลานี้จะมีเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาทุกคนก็ล้วนเป็นยอดฝีมือผู้แกร่งกล้า เห็นได้ชัดว่ากลุ่มที่ฝ่ายตรงข้ามนำมาในครานี้ด้อยกว่ากลุ่มของลี่จงและพวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหลังจากการต่อสู้เพียงไม่นาน
“พวกข้าจะจดจำเรื่องในวันนี้ไว้ ฝากไว้ก่อนเถอะ !”
เมื่อตระหนักว่ามิอาจเอาชนะได้ในวันนี้ คนเหล่านั้นก็กล่าวอย่างเคียดแค้นก่อนหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“เราก็กลับกันเถอะ”
ลี่จงไม่สนใจคำข่มขู่จากคนเหล่านั้นแม้แต่น้อยและกลับไปยังปราสาทกับคนอื่น ๆ
ภายในปราสาท หานโม่ฉือกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงที่ดูงดงามหรูหราที่สุดและกำลังสำรวจวิเคราะห์แผนที่ในมือ
“นายท่าน คนพวกนั้นถอนกำลังไปแล้วขอรับ”
ลี่จงกล่าวอย่างนอบน้อม แม้พลังของเขาในปัจจุบันจะแกร่งกล้ากว่าหานโม่ฉือมาก เขาก็ไม่สนใจเรื่องนั้นหรือริอาจดูแคลนความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ
เขาตระหนักถึงพรสวรรค์ของหานโม่ฉือเป็นอย่างดี เขามั่นใจว่าสักวันผู้เป็นนายของตนจะก้าวผ่านจ้าวแห่งโลกปีศาจคนก่อนและกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกปีศาจ
“ท่านทำได้ดีมาก”
หานโม่ฉือกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนเก็บแผนที่ในมือ
“ตอนนี้พลังของนายท่านฟื้นคืนกลับมามากเพียงใดแล้วรึขอรับ ?”
ลี่จงมองหานโม่ฉือและสัมผัสได้ว่าพลังของอีกฝ่ายน่าจะฟื้นกลับมาหกในสิบส่วนของพลังเดิมแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ยังมีช่องว่างความแตกต่างกับเมื่อครั้งที่หานโม่ฉือมีพลังอยู่ในสภาวะสูงสุดอีกพอสมควร
เมื่อพลังเดิมของหานโม่ฉือฟื้นฟูได้แปดในสิบส่วนจากเดิม มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มทำการตอบโต้กลับอย่างจริงจัง
“ยังขาดอีกพอสมควร ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่กระบวนการสังสารวัฏ ข้าทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณไว้ที่หอคอยทะลุฟ้าในเมืองหลัก หากมีโอกาสหลังจากนี้ ข้าจะต้องไปที่นั่นเพื่อผสานเข้ากับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนั้นให้ได้”
หานโม่ฉือส่ายศีรษะและกล่าวขึ้น หอคอยทะลุฟ้าคือสถานที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับเผ่าปีศาจ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าของเผ่าปีศาจที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม หอคอยทะลุฟ้าในปัจจุบันไม่เหมือนก่อนอีกต่อไป ชั้นบนสุดของหอคอยทะลุฟ้าถูกปิดผนึกไว้โดยหานโม่ฉือ นอกจากเขาก็ไม่มีใครที่จะย่างกรายผ่านเข้าไปได้ แม้แต่จ้าวแห่งโลกปีศาจในปัจจุบันก็ไม่สามารถทำลายผนึกบนนั้นหรือขึ้นไปเหยียบได้เช่นกัน
ณ ชั้นบนสุดของหอคอยทะลุฟ้า หานโม่ฉือได้ทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่มีพลังหนึ่งในสิบส่วนของตนไว้ก่อนที่จะไปจุติใหม่ หากผสานเข้ากับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนั้นได้สำเร็จ พลังของเขาจะฟื้นคืนเป็นเจ็ดถึงแปดส่วนจากในอดีตซึ่งเป็นระดับที่สามารถต่อสู้กับจ้าวแห่งโลกปีศาจคนปัจจุบันได้
“ดูเหมือนว่าอีกครึ่งปีจะมีงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของโลกปีศาจสินะ”
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง หานโม่ฉือก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
ในโลกปีศาจจะมีการจัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ขึ้นทุก ๆ หนึ่งร้อยปี และปีนี้ก็ครบรอบหนึ่งร้อยปีพอดิบพอดี ในงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของโลกปีศาจ ในเมืองหลักจะคึกคักและวุ่นวายเป็นอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้น แม้ตัวเมืองจะอยู่ภายใต้การคุ้มกันอย่างหนาแน่น มันก็เป็นช่วงเวลาที่จะแอบลักลอบเข้าไปได้ง่ายที่สุด
บางทีเขาอาจจะฉวยโอกาสจากงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของโลกปีศาจนี้เพื่อกอบกู้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ในหอคอยทะลุฟ้าให้สำเร็จ
“นายท่าน นี่ท่านกำลังคิดที่จะ…”
ลี่จงคาดเดาความคิดของหานโม่ฉือได้ทันที และหลังจากใคร่ครวญดู เขาก็เชื่อว่ามันเป็นแผนการที่มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
เมื่อถึงตอนนั้น หากพวกเขาสร้างความวุ่นวายในโลกภายนอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชากรในเมืองหลัก โอกาสที่แผนการจะประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นสูงมาก
“ถูกต้อง ท่านลุงจงเตรียมการได้เลย”
หานโม่ฉือตัดสินใจอย่างแน่วแน่พลางนึกถึงตัวตนที่เขาควรใช้ในการเดินทางไปยังเมืองหลัก