คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1192 ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ
หลังจากหารือและตกลงกันในวันนั้น ฉินอวี้โม่ ฉินอี้เฟยและคนอื่น ๆ ก็ได้แยกกันออกเดินทางเป็นสองกลุ่ม
ฉินอวี้โม่เดินทางไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือเพื่อตามหาหล่อฮั้งก้วย ในขณะที่ฉินอี้เฟยมุ่งหน้าไปยังภูเขามหาเทพกับเซิ่งเซียว เยี่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เพื่อตามหาหญ้าเทียนหมา
ทุ่งน้ำแข็งทางเหนืออยู่ในพื้นที่เหนือสุดของดินแดนมหาเทพและถือว่าห่างไกลอย่างยิ่ง มันเป็นทุ่งน้ำแข็งที่รกร้างห่างไกลและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ แม้แต่เมืองปิงหลาง—เมืองที่อยู่ใกล้กับทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมากที่สุดก็ยังอยู่ไกลจากส่วนที่ลึกที่สุดของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือประมาณครึ่งเดือน
ฉินอวี้โม่และมารยาเริ่มจากการเดินทางไปที่เมืองปิงหลาง แม้มารยาจะเคยเดินทางไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมาก่อน แต่มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว ด้วยเวลาที่ผ่านไป ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าทุ่งน้ำแข็งทางเหนือจะมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างหรือไม่…
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในปัจจุบันจัดอยู่ในระดับสูงสุดของดินแดนมหาเทพ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่านางจะไม่เผชิญภยันตรายในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ ดังนั้นนางจึงต้องเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสมก่อนเดินทางไปที่นั่น
เมืองปิงหลางมีประชากรที่บางตา นอกจากประชากรเดิมของที่นี่ก็มีผู้คนจากดินแดนมหาเทพเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะเดินทางมายังที่แห่งนี้
ทันทีที่เข้ามาในตัวเมือง ฉินอวี้โม่และมารยาก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบได้ทันที
อย่างไรก็ตาม แววตาของคนเหล่านั้นมีเพียงความประหลาดใจและไร้ซึ่งความเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ หลายคนยิ้มให้กับทั้งสองอย่างเป็นมิตรซึ่งถือเป็นการทักทายอย่างอบอุ่น
จากนั้นฉินอวี้โม่และมารยาก็ตรงไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราวโดยไม่รีบร้อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ
“นายหญิง แม้จะเคยมาที่นี่ แต่ข้าก็ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมากนัก หากเป็นไปได้ เราควรสอบถามจากคนในพื้นที่ซึ่งจะทำให้การตามหาหล่อฮั้งก้วยง่ายขึ้นมาก”
มารยากล่าวเสนอขึ้นก่อน ครานั้นมันเพียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชินีเหมันต์และมุ่งหน้าไปตามกลิ่นอายนั้น หลังจากที่สืบทอดมรดกของราชินีเหมันต์ได้สำเร็จ มันก็เดินทางกลับอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปช่วยฉินอวี้โม่และไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือนานนัก เพราะเหตุนั้น มันจึงไม่ทราบเลยว่าสมุนไพรที่ตามหานั้นอยู่ที่ใด
เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ทราบอย่างชัดเจน นั่นคือหล่อฮั้งก้วยเป็นสมบัติฟ้าดินที่ล้ำค่าและจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีการคุ้มกันโดยอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างแน่นอน หากต้องการตามหาหล่อฮั้งก้วย ฉินอวี้โม่จะต้องเดินทางไปในจุดที่อันตรายแต่ละแห่งของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ
ฉินอวี้โม่เองก็วางแผนไว้เช่นเดียวกับมารยา ทั้งสองจึงไม่รอช้าและตรงไปยังห้องโถงก่อนเรียกเถ้าแก่ออกมา
“ท่านทั้งสองจะสั่งอะไรดีขอรับ ?”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน แม้มีความแข็งแกร่งอยู่เพียงระดับทั่วไป ทว่าเขาก็มีสายตาที่เฉียบแหลมเป็นอย่างมาก เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของฉินอวี้โม่ เขาก็กล่าวด้วยท่าทางที่เคารพนอบน้อม
“เถ้าแก่ เชิญนั่งก่อนเถิด”
ฉินอวี้โม่ผายมือไปยังเก้าอี้ว่างเพื่อเชิญให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมนั่งลง
“เถ้าแก่มีชื่อแซ่ว่าอย่างไรหรือ ?”
นางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านจอมยุทธ์เรียกข้าว่าเถ้าแก่ไป๋ก็พอ”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไม่กล้าวางมาดมากนัก เขาจึงนั่งลงและยิ้มให้กับฉินอวี้โม่ด้วยท่าทางเคารพ
“เถ้าแก่ไป๋เคยได้ยินเกี่ยวกับหล่อฮั้งก้วยบ้างหรือไม่ ?”
เพียงมองปราดเดียว ฉินอวี้โม่ก็ทราบได้ว่าเถ้าแก่เป็นคนพื้นเมืองของเมืองปิงหลางแห่งนี้ แม้มีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่มากนัก แต่ในฐานะคนในพื้นที่ เขาก็ย่อมรับรู้ถึงข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและอาจจะทราบข่าวเกี่ยวกับหล่อฮั้งก้วยก็เป็นได้
“หล่อฮั้งก้วยรึ ?”
เถ้าแก่ชะงักไปเล็กน้อย เขาเคยได้ยินชื่อของหล่อฮั้งก้วยมาจริง มันคือสมุนไพรในตำนานที่มีเพียงยอดฝีมือระดับสูงเท่านั้นที่เคยพบมัน แล้วคนธรรมดา ๆ ที่เป็นเพียงเถ้าแก่โรงเตี๊ยมในเมืองห่างไกลเช่นเขาจะเคยพบมันได้อย่างไร ?
“ถ้าเช่นนั้น เถ้าแก่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมากเพียงใด ?”
เมื่อเห็นแววตางุนงงของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ฉินอวี้โม่ก็ไตร่ตรองครู่หนึ่งและเปลี่ยนคำถามทันที
หล่อฮั้งก้วยเป็นสมบัติฟ้าดินที่ล้ำค่า ต่อให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมจะเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน ข่าวเหล่านั้นก็คงจะไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เขาย่อมทราบถึงข้อมูลข่าวสารของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมากกว่าฉินอวี้โม่และมารยา
“นี่ท่านจอมยุทธ์กำลังจะสื่อว่าหล่อฮั้งก้วยอยู่ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือหรือขอรับ ?”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบมากทีเดียว ภายในเสี้ยวอึดใจ เขาก็คาดเดาความหมายของฉินอวี้โม่ได้อย่างง่ายดาย ทว่าเมื่อเอ่ยถามออกไป เขาก็ตระหนักว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมนักจึงยิ้มเจื่อน ๆ “ไม่ต้องกังวลขอรับท่านจอมยุทธ์ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่สงสัยใคร่รู้เท่านั้น ข้าพอจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับทุ่งน้ำแข็งทางเหนืออยู่บ้าง หากหล่อฮั้งก้วยอยู่ที่นั่นจริง มันก็มีที่ที่เป็นไปได้เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น”
ในขณะกล่าวเช่นนั้น เถ้าแก่ไป๋ก็หยิบแผนที่ฉบับหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและวางลงบนโต๊ะ
“นี่คือแผนที่ของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ สามจุดที่วงกลมไว้คือจุดที่อันตรายที่สุดของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือและน่าจะเป็นจุดที่หล่อฮั้งก้วยเติบโตอยู่”
เขากล่าวแนะนำฉินอวี้โม่และมารยาอย่างรวดเร็ว แผนที่ฉบับนี้ระบุพิกัดต่าง ๆ ของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือไว้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจุดที่อันตรายที่สุด จุดที่มีอสูรมายาทรงพลังคุ้มกัน จุดที่น่าจะเกิดการถล่มของหิมะ หรือแม้กระทั่งจุดที่มีแร่ธรรมชาติและสมบัติต่าง ๆ พวกมันล้วนถูกระบุไว้อย่างชัดเจน
“แผนที่ฉบับนี้ละเอียดดีทีเดียว ข้าอยากจะขอยืมจากเถ้าแก่สักพักได้หรือไม่ ?”
แม้ไม่ทราบว่าผู้ใดวาดแผนที่ฉบับนี้ขึ้นมา นางก็มั่นใจว่าการระบุพิกัดต่าง ๆ อย่างละเอียดเช่นนี้มิใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน หากคนผู้นั้นสามารถนำทางพวกนางไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือได้ โอกาสในการพบหล่อฮั้งก้วยที่ตามหาก็จะเพิ่มขึ้นมาก
“ขออภัยขอรับ ท่านทั้งสองวางแผนจะเข้าไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือเพื่อตามหาหล่อฮั้งก้วย อย่างนั้นหรือ ?”
เถ้าแก่ไป๋ไม่ตอบคำถามโดยตรงและเลือกที่จะถามกลับไป
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ปฏิเสธ
“ไม่ทราบว่าผู้ใดวาดแผนที่ฉบับนี้ขึ้นมารึ ? หากเป็นไปได้ รบกวนเถ้าแก่ไป๋แนะนำพวกข้าด้วยเถิด หากเขาสามารถนำทางเราไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือได้ก็จะช่วยขจัดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้มากทีเดียว”
นางกล่าวต่อและแสดงความต้องการอย่างชัดเจน
“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ขอรับ เพียงแต่บุคลิกนิสัยของคนผู้นั้นถือว่าแปลกประหลาดไม่น้อย ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะตอบตกลง แผนที่ฉบับนี้ก็เป็นสิ่งที่เขามอบให้ข้า หากท่านจอมยุทธ์ต้องการยืมมันไป ข้าคงต้องถามความเห็นจากเขาก่อนขอรับ”
เถ้าแก่ไป๋ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนอธิบาย
“ตกลง ถ้าเช่นนั้นเราต้องขอบคุณเถ้าแก่เป็นการล่วงหน้า”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะแสดงความเข้าใจและกล่าวขอบคุณเถ้าแก่โรงเตี๊ยม อยากรู้นักว่าใครกันที่วาดแผนที่ที่ละเอียดฉบับนี้ขึ้นมา ?
“เชิญท่านทั้งสองพักอยู่ในโรงเตี๊ยมสักสองสามวันนะขอรับ ข้าจะส่งคนไปแจ้งข่าวกับบุรุษผู้นั้นทว่าข้าก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะมาพบท่านหรือไม่ หากเขาไม่มา ข้าจะคิดหาทางพาท่านทั้งสองไปที่นั่นเอง”
เถ้าแก่ไป๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนลุกขึ้นและเดินจากไป
สาเหตุที่เขารับปากกับฉินอวี้โม่เป็นเพราะคาดเดาตัวตนของนางได้แล้ว
แม้เมืองปิงหลางจะเป็นเพียงเมืองชายแดนของดินแดนมหาเทพและมักไม่ทราบเรื่องราวในดินแดนใหญ่มากนัก แต่เถ้าแก่ไป๋ก็เคยเห็นภาพวาดของฉินอวี้โม่มาก่อน การที่เขาจดจำไม่ได้ในตอนแรกก็เป็นเพราะไม่คาดคิดว่าบุคคลในระดับตำนานของดินแดนจะเดินทางมาที่เมืองเล็ก ๆ เช่นเมืองปิงหลางของตน
ในภายหลัง เมื่อฉินอวี้โม่แสดงความต้องการ เขาจึงยืนยันตัวตนของนางได้อย่างง่ายดายและเริ่มมั่นใจว่าหล่อฮั้งก้วยอยู่ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนืออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงสภาวะอารมณ์ของบุรุษผู้นั้น เถ้าแก่ไป๋ก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าบุรุษผู้นั้นจะตัดสินใจมาพบฉินอวี้โม่หรือไม่…