คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1198 หญ้าเทียนหมา
บนภูเขามหาเทพ ณ ปากทางเข้าของถ้ำ ในเวลานี้วานรร่างใหญ่ที่มีความสูงเกือบหนึ่งจั้งกำลังจู่โจมเยี่ยเฟิงอย่างไม่หยุดยั้ง
เยี่ยเฟิงก็ร่วมมือกับฉินเหยียนเพื่อต้านทานการโจมตีของวานรได้อย่างจวนเจียน ตอนนี้สภาวะพลังของทั้งสองปั่นป่วนเล็กน้อยและเห็นได้ชัดว่าการต่อกรกับอีกฝ่ายมิใช่ภารกิจที่ง่ายนัก
ปากทางเข้าของถ้ำแห่งนี้แคบมากและวานรร่างใหญ่ก็ปลดปล่อยการโจมตีใส่เยี่ยเฟิงและฉินเหยียนอย่างต่อเนื่องโดยที่พยายามเอาชนะทั้งสองให้ได้ สิ่งที่สำคัญคือพลังการโจมตีของมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และท้ายที่สุดเยี่ยเฟิงก็ถูกโจมตีอย่างจังจนกระเด็นออกไปก่อนร่วงลงบนพื้นอย่างแรงและกระอักเลือดออกมา
“พี่เฟิง !”
ฉินเหยียนตกใจจนนิ่งชะงักเมื่อเห็นเยี่ยเฟิงกระเด็นออกไป ทว่าอึดใจต่อมา นางเองก็ถูกหมัดวานรโจมตีจนกระเด็นล้มลงข้างเยี่ยเฟิงเช่นกัน
“กรร !”
วานรส่งเสียงคำรามดังสนั่นและฝ่าเข้าไปในถ้ำโดยตรง
ภายในนั้น เหลยเจี้ยนเชิงและคนอื่น ๆ ฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางกายภาพกลับคืนมาได้มากแล้ว เมื่อวานรบุกเข้ามา ทุกคนจึงเข้าล้อมรอบมันทันทีเพื่อช่วยคุ้มกันความปลอดภัยให้กับฉินอี้เฟย
กลิ่นอายจากโอสถทำลายล้างและน้ำอมฤตจุติยังแผ่กระจายออกไปได้ไม่เต็มที่ เพราะเหตุนั้น วานรจึงยังไม่ได้รับผลกระทบจากมันมากเท่าที่ควร สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือการถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด
เมื่อกลิ่นอายดังกล่าวถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ พลังในการโจมตีของวานรพิทักษ์ก็จะลดลงอย่างมากและพวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะได้ในที่สุด
บนศีรษะของวานรคือต้นหญ้าสีม่วงต้นเล็ก ๆ ที่ขยับพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหวของมันและสิ่งนั้นก็คือเป้าหมายในการเดินทางมาที่ภูเขามหาเทพของพวกเขา
แม้ไม่ทราบว่าเหตุใดหญ้าเทียนหมาจึงไปอยู่บนศีรษะของวานร ทว่าหากต้องการชิงมันมา หนทางเดียวที่มีก็คือการเอาชนะวานรพิทักษ์ให้ได้เท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
เมื่อถูกล้อมรอบโดยเหลยเจี้ยนเชิงและคนอื่น ๆ คลื่นพลังของวานรก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน พลังของมันแกร่งกล้ายิ่งนัก อีกทั้งยังมีความเร็วที่สูงและการป้องกันที่น่าสะพรึงกลัว แม้กระบวนท่าโจมตีของเหลยเจี้ยนเชิงและคนอื่น ๆ จะพุ่งกระหน่ำเข้าหาร่างของมันอย่างต่อเนื่อง มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดหรือแม้แต่จะระคายเคืองเลยด้วยซ้ำ
ในทางตรงกันข้าม ทุกคราที่วานรเหวี่ยงหมัดออกไป เหลยเจี้ยนเชิงและคนอื่น ๆ จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ในขณะที่เวลาผ่านไป พวกเขาแต่ละคนก็ได้รับบาดเจ็บกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และลมหายใจก็อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้ เยี่ยเฟิงและฉินเหยียนที่ฟื้นฟูพลังกลับคืนมาบางส่วนได้เข้าร่วมการต่อสู้อีกครา
วานรร่างใหญ่ไม่สามารถต่อสู้ติดต่อกันได้นานนักและมันเริ่มฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆ แขนทั้งสองของมันเริ่มขยับเร็วขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้สถานการณ์ของเยี่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ตึงมือมากขึ้นจนแทบจะรับมือต่อไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ โอสถทำลายล้างและน้ำอมฤตจุติผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว กลิ่นอายประหลาดยังคงแผ่ออกไปในอากาศอย่างต่อเนื่องส่งผลให้วานรได้รับผลกระทบอย่างหนักภายในเวลาเพียงไม่นาน
ความเร็วในการโจมตีของมันลดน้อยลงแทบจะทันที แม้ยังมีพลังที่น่าเกรงขาม แต่มันก็ไม่สามารถแตะต้องเหลยเจี้ยนเชิงหรือคนอื่น ๆ ได้อีก นับประสาอะไรกับการทำให้พวกเขาบาดเจ็บ
“วู้…”
เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตน วานรก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาและความคิดของการถอยหนีก็ผุดขึ้นในใจ
อย่างไรก็ตาม ฉินอี้เฟยและฟู่อวิ๋นซิวคาดการณ์ปฏิกิริยาเช่นนี้ไว้แล้ว พวกเขาจึงขวางทางเข้าออกของถ้ำไว้เพื่อมิให้อสูรพิทักษ์ตัวนี้มีโอกาสหลบหนี
ทุกคนเริ่มปลดปล่อยการโจมตีตรงเข้าใส่มันอีกครั้ง ส่งผลให้วานรอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ และมีบาดแผลปรากฏขึ้นตามร่างกาย
แม้พลังป้องกันของวานรจะอยู่ในระดับที่แกร่งกล้าทนทาน มันก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของยอดฝีมือหลายคนในเวลาเดียวกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น บาดแผลทั่วร่างของมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และความแข็งแกร่งทางกายภาพค่อย ๆ ลดน้อยลง นอกจากความแข็งแกร่งเหล่านี้ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของมันก็ลดฮวบลงจนอยู่ในจุดที่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบและมิอาจเป็นภัยคุกคามต่ออีกฝ่ายได้อีกต่อไป
“กรร !”
ทันใดนั้น อสูรวานรคำรามเสียงดังสนั่นอีกครั้งและกระโจนขึ้นไปข้างบนก่อนกระหน่ำหมัดเข้าใส่เพดานถ้ำอย่างไม่หยุดยั้ง
“ไม่นะ มันคิดจะถล่มถ้ำนี้ให้ราบและฝังเราไว้ทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ ?”
ในเวลานี้ ตัวถ้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขณะฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วร่างของทุกคน
อย่างไรก็ตาม อสูรวานรก็ยังไม่หยุดยั้งการโจมตีและกระหน่ำหมัดใส่เพดานถ้ำต่อไป
“หยุดมันไว้เร็วเข้า !”
ฉินอี้เฟยขมวดคิ้วมุ่นก่อนพุ่งตรงเข้าไปหามันและโจมตีวานรอีกครั้ง
วานรเหวี่ยงหมัดข้างหนึ่งออกมาเพื่อขัดขวางเขาไว้ในขณะที่หมัดอีกข้างยังคงกระแทกเข้าที่ผนังถ้ำอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น รอยแยกก็ปรากฏขึ้นบนผนังถ้ำและพื้นดินสั่นสะเทือนหลายคราราวกับถ้ำกำลังจะถล่มลงในไม่ช้า
“เร็วเข้า รีบหลบหนีกันออกไปก่อน!”
เยี่ยเฟิงตัดสินใจทันทีและตะโกนบอกให้ทุกคนหนีออกจากถ้ำโดยเร็ว
ด้วยพลังในระดับของพวกเขา ต่อให้ถ้ำจะถล่มลงมา อาการบาดเจ็บที่พวกเขาเผชิญก็จะไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไปและไม่เป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าวานรต้องการฝังพวกเขาไว้ที่นี่ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้มันสมหวังเด็ดขาด
“แล้วหญ้าเทียนหมาล่ะ ?”
ฉินเหยียนยังคงลังเลและมองไปยังหญ้าเทียนหมาบนศีรษะของวานรด้วยความเสียดาย
“เราไปรอข้างนอกกันก่อนเถอะ หากเจ้าวานรนี่ถูกฝังไว้ใต้ซากหิน เราก็จะขุดมันเพื่อเอาหญ้าเทียนหมามาอีกครั้ง ถึงอย่างไรหญ้าเทียนหมาก็เป็นสมบัติฟ้าดินที่ล้ำค่า มันจะไม่เสื่อมสลายไปง่าย ๆ ไม่ต้องกังวลหรอก”
ฉินอี้เฟยก็ตัดสินใจแล้วเช่นกันและร่างของเขาพุ่งตรงออกไปข้างนอกถ้ำ
ทุกคนตามออกไปอย่างรวดเร็วและไม่กล้าอยู่บนพื้นดินด้วยซ้ำ พวกเขาล้วนเหาะขึ้นกลางอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน
โครม !โครม !
หลังจากเสียงโครมดังหลายครา ถ้ำที่พวกเขาหนีออกมาเมื่อครู่ก็ถล่มทลายโดยสมบูรณ์และฝุ่นดินฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
เนื่องจากกลิ่นอายที่แผ่ไปทั่วภูเขามหาเทพก่อนหน้านี้ สถานการณ์ใหญ่โตที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่ก่อให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายมากนัก
สภาพแวดล้อมรอบบริเวณตกอยู่ท่ามกลางความเงียบและทุกคนมองไปยังถ้ำที่ถล่มตรงหน้าก่อนหันมองหน้ากันด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา
“โชคดีที่เราหนีออกมาเร็วพอ มิเช่นนั้นเราคงถูกฝังทั้งเป็นแน่”
อวิ๋นซื่อเทียนยืนข้างเซิ่งเซียวและถอนหายใจด้วยความโล่งอก การถูกฝังทั้งเป็นโดยเศษหินขนาดใหญ่จำนวนมากเช่นนั้นมิใช่ประสบการณ์ที่น่าอภิรมย์อย่างแน่นอน
“ตามหาวานรนั่นกันก่อนเถอะ หากชักช้าและหญ้าเทียนหมาถูกบดสลายไป มันจะมิใช่เรื่องดีแน่”
เซิ่งเซียวกล่าวและแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจกองเศษหินตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ทุกคนพยักศีรษะและเริ่มตามหาร่องรอยของวานรร่างยักษ์เช่นเดียวกัน
น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่ากลิ่นอายของวานรตัวนั้นจะถูกซ่อนไว้ แม้ว่าพลังวิญญาณของทุกคนจะแทรกซึมเข้าไปในทุกซอกทุกมุมของเศษซาก พวกเขาก็ไม่พบเป้าหมายแม้แต่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
พวกเขามองหน้ากันด้วยสีหน้าที่จริงจังทันที
หรือวานรตัวนั้นจงใจถล่มถ้ำเพียงเพื่อหาโอกาสหลบหนี ?!
“การป้องกันของวานรยักษ์น่าสะพรึงกลัวมาก ต่อให้กลิ่นอายในอากาศจะส่งผลกระทบต่อมัน มันก็ไม่มีทางตายด้วยเรื่องแค่นี้ ในเมื่อเราตามหาร่องรอยของมันไม่พบเช่นนี้ก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นคือมันหลบหนีไปแล้ว”
ใบหน้าของฉินอี้เฟยตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด คาดไม่ถึงเลยว่าอสูรพิทักษ์ของหญ้าเทียนหมาจะมีสติปัญญาที่ดีเช่นนี้ มันจงใจทำลายถ้ำเพื่อหาโอกาสหลบหนีให้กับตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ภูเขามหาเทพก็กว้างใหญ่ยิ่งนัก หากมันหลบหนีไปแล้ว การตามหามันให้พบอีกครั้งคงมิใช่เรื่องง่าย
“เอาล่ะ ต่อให้มันจะหนีไป มันก็คงจะบาดเจ็บไม่น้อยและหนีไปได้ไม่ไกล ยิ่งไปกว่านั้น วานรนั่นน่าจะถูกจำกัดไว้ที่นี่และหนีไปจากภูเขามหาเทพไม่ได้ เราเพียงต้องตามหามันโดยเร็วและชิงหญ้าเทียนหมามาให้ได้”
เยี่ยเฟิงดูสงบนิ่งใจเย็นกว่าคนอื่น ๆ มากและกล่าวเพื่อคลายความกังวลให้กับทุกคน
“ตกลงตามนั้น อี้เฟย…เจ้ารออยู่ที่นี่ ส่วนพวกเราจะกระจายกันตามหาเจ้าวานรยักษ์นั่น”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วทว่าไม่คิดที่จะแยกย้ายกันไปทั้งหมดและปล่อยให้ฉินอี้เฟยประจำอยู่ที่นี่