คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1228 นักล่าวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว
ท่ามกลางวงล้อมของข่ายอาคมหลายชนิด ฉินอวี้โม่นั่งลงตรงกลางและหลับตาลงเพื่อเริ่ม ‘การทำสมาธิ’
หลังจากเวลาผ่านไปสองก้านธูป มันก็เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นรอบตัวอีกครั้ง คลื่นพลังที่ชั่วร้ายพยายามจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของฉินอวี้โม่และตรงเข้าที่จิตวิญญาณของนาง
ส่วนลึกภายในจิตวิญญาณของฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดราวกับกำลังจะถูกพลังนั้นทะลุทะลวงไปโดยตรงซึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดยิ่งนัก
นางไม่รอช้าและแผ่พลังของกายเทพมายาออกมาเพื่อปกป้องจิตวิญญาณของตนอย่างรวดเร็ว
“หืมม ?”
ทันใดนั้น เสียงอุทานด้วยความฉงนสงสัยก็ดังขึ้นในอากาศก่อนจะเกิดความผันผวนขึ้นรอบตัว จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินอวี้โม่
ร่างเงาดังกล่าวปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิทและเผยให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงโลหิตสองดวงเท่านั้น เพียงมองดูมันก็ทำให้รู้สึกถึงความกดดันอย่างไม่รู้จบ
“โอ้ เป็นนักล่าวิญญาณจริง ๆ สินะ !”
ฉินอวี้โม่ลืมตาโพลงและระบุตัวตนของร่างเงาภายใต้เสื้อคลุมสีดำตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เป็นจริงดังที่คิดไว้ เจ้าของดวงตาสีแดงก่ำคือนักล่าวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวในตำนานซึ่งมีพลังในการควบคุมจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์อย่างที่สุด
“เหอะ !”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากปากของนักล่าวิญญาณ การที่ฉินอวี้โม่ยังมีสติรับรู้ถือว่าเหนือความคาดหมายของมันไปมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของกายเทพมายา มันจึงไม่สามารถรับรู้ถึงสภาวะภายในร่างกายของฉินอวี้โม่ได้ เมื่อเห็นนางแน่นิ่งไปก่อนหน้านี้ มันจึงคิดว่านางกำลังทำสมาธิหรือเข้าสู่สภาวะที่จิตหลุดไปแล้ว…
“แม้ข้าจะไม่ทราบว่าเจ้ามาที่ดินแดนนี้ได้อย่างไร แต่ที่นี่ก็มิใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่ !”
ร่างของฉินอวี้โม่พุ่งตรงออกไปโจมตีนักล่าวิญญาณตรงหน้าเพื่อทดสอบระดับความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายดู
ทันใดนั้น นักล่าวิญญาณก็กะพริบหายวับไปทันทีราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ทว่าอึดใจต่อมา ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวอีกครั้งเมื่อนักล่าวิญญาณปรากฏตัวขึ้นด้านหลังตนพร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือวายุออกมา
“พรวดดด !”
พลังโจมตีจากฝ่ามือวายุทำให้ฉินอวี้โม่กระอักเลือดออกมาและใบหน้าซีดเซียวทันที
พลังของนักล่าวิญญาณเหนือกว่านางมากนัก หากมิใช่เพราะพลังป้องกันที่แกร่งกล้าของนาง เกรงว่าพลังจากฝ่ามือเมื่อครู่ก็อาจจะคร่าชีวิตของนางไปได้ด้วยซ้ำ
“หึ !”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตวิญญาณของฉินอวี้โม่ราวกับต้องการเยาะเย้ยที่นางไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากพลางโบกมือเล็กน้อย นางต้องการดึงนักล่าวิญญาณผู้นี้เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยเร็วที่สุด
“ฮะ ?”
นักล่าวิญญาณส่งเสียงประหลาดออกมาขณะต้านทานพลังของฉินอวี้โม่อย่างสุดกำลังจนนางส่งมันเข้าไปในคฤหาสน์ล่องหนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พลังอีกชนิดหนึ่งของมันก็ถูกปล่อยออกไปโจมตีฉินอวี้โม่อีกครั้งโดยที่มีความรวดเร็วอย่างสุดขีด
ใบหน้าของฉินอวี้โม่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แม้โล่ป้องกันจะก่อตัวขึ้นตรงหน้าแล้ว ทว่าพลังของนักล่าวิญญาณก็ยังทำให้นางกระเด็นออกไปได้ง่ายก่อนกระแทกเข้ากับผนังเรือนและล้มลงไปกับพื้น
นักล่าวิญญาณก็ต้องการโจมตีฉินอวี้โม่ต่อไป แต่ในเวลานี้เอง มันก็ก้าวเข้าไปในวงล้อมของข่ายอาคมที่ฉินอวี้โม่และมารยาจัดวางไว้ก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว
ข่ายอาคมหลากหลายชนิดส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของนักล่าวิญญาณเป็นอย่างมากและทำให้ร่างของมันชะงักค้างไปเล็กน้อย ในขณะที่ฉินอวี้โม่มีโอกาสได้พักหายใจครู่หนึ่ง
จากนั้นนางก็ไม่รอช้าและเรียกคฤหาสน์เฟิงหัวออกมาก่อนควบคุมให้พลังของมันครอบงำอีกฝ่ายทันที
นักล่าวิญญาณสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของคฤหาสน์เฟิงหัวและต้านทานพลังของมันเพื่อมิให้ฉินอวี้โม่ทำสำเร็จ ในเวลานี้ พลังสองชนิดก็เอ่อล้นออกมาจากร่างของมันโดยที่พลังหนึ่งโจมตีจิตวิญญาณของฉินอวี้โม่โดยตรง ในขณะที่อีกชนิดหนึ่งโจมตีร่างกายของนาง
ฉินอวี้โม่ตกอยู่ในสภาพที่น่าเห็นใจขณะพยายามหลบหลีกการโจมตีของนักล่าวิญญาณและควบคุมคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อดึงดูดมันเข้าไปภายใน
ในขณะที่เวลาผ่านไป การประจันหน้าระหว่างทั้งสองก็ตกอยู่ในสภาวะชะงักงันโดยที่ยังไม่มีฝ่ายใดเอาชนะกันได้
ตูมมม !
ทันใดนั้น ซิวและมารยาก็ปรากฏกายขึ้นมาด้านหลังนักล่าวิญญาณพร้อมด้วยเสียงที่ดังสนั่น จากนั้นพลังของทั้งสองก็โจมตีตรงไปที่ร่างของนักล่าวิญญาณอย่างจัง
ตูมมม !
ในที่สุด นักล่าวิญญาณก็ต้านทานไม่ได้อีกต่อไปและถูกดึงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยที่ไร้หนทางขัดขืน ฉินอวี้โม่เองก็ไม่รอช้าและรีบตามเข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“@#฿)%+”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว สีหน้าของนักล่าวิญญาณเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะจับตัวมันได้สำเร็จ เมื่อถูกจับเข้ามาในเขตแดนของผู้อื่นเช่นนี้ ไม่ว่าพลังของมันจะแกร่งกล้าเพียงใด มันก็แสดงศักยภาพเหล่านั้นออกมาไม่ได้และกลายเป็นเพียงปลาบนเขียงเท่านั้น
เป็นจริงดังที่คิดไว้ เมื่อฉินอวี้โม่เคลื่อนไหวความคิด นักล่าวิญญาณก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรงราวกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ซึ่งทำให้มันสั่นสะท้านไม่น้อย
“ในเมื่อเข้ามาในเขตแดนของข้าแล้ว เจ้าจงล้มเลิกการต่อต้านขัดขืนจะดีกว่า !”
เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้นในโสตประสาทของนักล่าวิญญาณก่อนที่ร่างของนางจะปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
นางมองอีกฝ่ายด้วยแววตาดูแคลนขณะกล่าวอย่างเยือกเย็น
“@#฿)%+ !”
ดูเหมือนว่านักล่าวิญญาณจะสื่อสารด้วยภาษามนุษย์ไม่ได้และทำได้เพียงส่งเสียงหวิวแหลมขณะโบกมือไปมาเพื่อโจมตีฉินอวี้โม่อีกครั้ง
เพียงแต่คฤหาสน์เฟิงหัวที่พัฒนาขึ้นใหม่ในครานี้กลายเป็นเหมือนดินแดนในตัวมันเองแล้ว และในดินแดนแห่งนี้ ฉินอวี้โม่คือผู้ปกครองสูงสุด ไม่ต้องกล่าวถึงนักล่าวิญญาณด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในโลกแห่งเทพหรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ตราบใดที่เข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัว คนเหล่านั้นก็ไม่มีทางเป็นคู่มือให้กับฉินอวี้โม่ได้อย่างแน่นอน
ฉินอวี้โม่ขยับมือเพียงเล็กน้อยและพลังโจมตีของนักล่าวิญญาณก็สลายหายไปอย่างง่ายดาย
หลังจากที่กระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่องและพบว่าไม่เป็นผล นักล่าวิญญาณก็เริ่มเกิดความกังวลขึ้นมา จากนั้นมันก็พยายามจะฝ่าทะลวงออกไปจากที่นี่ในขณะที่ส่งเสียงร้องประหลาดอย่างต่อเนื่อง
น่าเสียดายที่ฉินอวี้โม่ไม่มีทางปล่อยให้มันสมหวัง
เห็นได้ชัดว่าระดับสติปัญญาของนักล่าวิญญาณไม่สูงนักและมันประมาทฉินอวี้โม่มากเกินไป มิเช่นนั้น การดึงมันเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัวก็คงจะไม่ง่ายดายเช่นนี้
“นักล่าวิญญาณ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับตัวตนในตำนานนี้”
ซิวปรากฏตัวขึ้นมาข้างกายฉินอวี้โม่และมองนักล่าวิญญาณอย่างสงสัยใคร่รู้ แน่นอนว่ามันเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของนักล่าวิญญาณมาก่อนและทราบดีว่าพวกมันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด นักล่าวิญญาณสามารถคร่าชีวิตเป้าหมายได้โดยที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นและสามารถวางข่ายอาคมตรึงวิญญาณที่ทรงพลังเพื่อกักขังจิตวิญญาณของผู้ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการเวียนว่ายตายเกิดได้ แม้ในยุคโบราณ นักล่าวิญญาณจะเคยเป็นพันธมิตรกับจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม นักล่าวิญญาณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในมิติพิเศษและไม่มีทางออกมายังโลกภายนอกหากไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ มิอาจคาดเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับดินแดนที่เหล่านักล่าวิญญาณอาศัยอยู่…
เมื่อทราบว่าหมดหนทางที่จะหลบหนี นักล่าวิญญาณก็ล้มเลิกความพยายามในการดิ้นรนขัดขืน ในเวลานี้ มันเพียงนั่งลงและโบกมือให้กับฉินอวี้โม่เบา ๆ
ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะต้องการเจรจาเงื่อนไขบางอย่าง นางจึงเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
ด้วยการที่นักล่าวิญญาณพูดไม่ได้ มันจึงทำได้เพียงเขียนลงบนพื้นเท่านั้น
“หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะถือว่าข้าติดค้างเจ้าครั้งหนึ่ง”
ในฐานะนักล่าวิญญาณที่ทรงพลัง เป็นธรรมดาที่มันจะไม่ยอมจำนนต่อมดปลวกจากโลกมนุษย์ อย่างไรตาม สำหรับพวกมัน หนี้ติดค้างถือเป็นคำมั่นสัญญาที่สำคัญอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรความช่วยเหลือจากนักล่าวิญญาณก็อาจจะเปลี่ยนแปลงทิศทางแนวโน้มของทั้งดินแดนได้
“ไม่สนใจ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเลก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าจึงพูดไม่ได้ล่ะ ?”
แม้นักล่าวิญญาณจะปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมสีดำและไม่มีกายเนื้อที่จับต้องได้ พวกมันก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มันก็ควรจะสื่อสารภาษามนุษย์ได้ไม่ยาก
“ดินแดนของเรามีข้อจำกัดพิเศษ รูปลักษณ์ของข้าในตอนนี้มิใช่ร่างจริง มนุษย์เอ๋ย…หนี้ติดค้างจากข้าผู้นี้มิใช่สิ่งที่ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถช่วยให้เจ้าพิชิตโลกแห่งเทพได้ทั้งใบ !”
นักล่าวิญญาณเขียนลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและพยายามโน้มน้าวใจฉินอวี้โม่
ต้องยอมรับว่าการได้เป็นผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนเป็นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจซึ่งยากที่จอมยุทธ์ทั่วไปจะปฏิเสธได้…