คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1244 กรรมนั้นคืนสนอง
‘ประตูเร้นลับ’ คือขุมกำลังนักฆ่าอันดับหนึ่งในโลกแห่งเทพซึ่งทั้งทรงพลังและมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก
ในทั่วทั้งดินแดนนี้มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ทราบถึงตำแหน่งที่ตั้งของประตูเร้นลับ ทว่าสิ่งที่ทุกคนทราบโดยทั่วกันคือผู้นำของพวกเขามีความแข็งแกร่งที่บรรลุถึงขอบเขตมหาเทวะและถูกจัดเป็นยอดฝีมือห้าอันดับแรกของทั้งดินแดน
นับตั้งแต่อดีต มีผู้คนมากมายที่มีเรื่องบาดหมางกับขุมกำลังประตูเร้นลับ ทว่าไม่เคยมีผู้ใดที่กล้าบุกไปหาประตูเร้นลับถึงที่ ทุกคนตระหนักดีว่าขุมกำลังดังกล่าวลึกลับพิศวงจนเกินไป หากทำให้คนเหล่านั้นไม่พอใจ ต่อให้จะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงและไม่มีผู้ใดล้มตายไป ทว่ามันก็จะมีปัญหารบเร้าตามมาและทำให้ปวดหัวได้ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น โดยปกติแล้วประตูเร้นลับจะมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจน ภารกิจที่พวกเขาเลือกรับล้วนเป็นภารกิจที่ท้าทาย สิ่งสำคัญคือพวกเขาจะไม่สังหารเด็ก สตรี คนชราและคนอ่อนแอ แม้เคยทำให้หลายขุมกำลังขุ่นเคืองใจ การกระทำของพวกเขาก็ถือว่าอยู่ในขอบเขตที่ยังพอรับได้
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเฉินหว่านเอ๋อร์จะหาทางติดต่อกับคนของประตูเร้นลับได้และมอบหมายภารกิจในการสังหารกลุ่มของฉินอวี้โม่ให้กับพวกเขา
สำหรับคนเหล่านี้ คาดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาคงจะอยู่ในระดับกลางของประตูเร้นลับซึ่งไม่ถือว่าเป็นกองกำลังระดับสูง ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน
“นางกล้าถึงขั้นที่คิดจะขโมยคัมภีร์ลับหมื่นกระบี่หวนคืนเพื่อมอบให้กับประตูเร้นลับเลยหรือ ?”
สีหน้าของบรรดาศิษย์จากนิกายหมื่นกระบี่บิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนทราบดีว่าคัมภีร์ลับหมื่นกระบี่หวนคืนคือรากฐานสำคัญของนิกายหมื่นกระบี่และเป็นสิ่งที่นำพาเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่นิกาย แม้แต่ว่านอู๋เริ่น—จ้าวนิกายหมื่นกระบี่ก็ยังพึ่งพาหมื่นกระบี่หวนคืนในการทำให้ผู้คนทั่วทั้งดินแดนหวาดหวั่นยำเกรง หากคนของประตูเร้นลับค้นพบจุดอ่อนของวิชานี้หรือแม้แต่เผยแพร่วิชาหมื่นกระบี่หวนคืนออกไป มันจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับนิกายหมื่นกระบี่อย่างที่สุด
เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเฉินหว่านเอ๋อร์เพียงคนเดียว นิกายหมื่นกระบี่จึงต้องตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นนี้ สตรีผู้นั้นช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก !
“พวกเจ้าควรจะทราบดีว่าประตูเร้นลับของเราไม่เคยรับภารกิจที่จะทำให้ขุมกำลังระดับสูงขุ่นเคืองใจ นิกายหมื่นกระบี่ของพวกเจ้าก็เป็นอีกหนึ่งขุมกำลังที่พวกเราไม่อยากยั่วยุ อย่างไรก็ตาม ความล่อตาล่อใจของวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนั้นมีมากจนเกินไปและเราปฏิเสธไม่ลง การฆ่าศิษย์นอกของนิกายเพียงไม่กี่คน ต่อให้จะทำให้นิกายหมื่นกระบี่โกรธแค้น มันก็คงไม่เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป เพราะเหตุนั้นท่านผู้นำจึงอนุญาตให้เราดำเนินภารกิจนี้”
หัวหน้าคนชุดดำอธิบายอย่างละเอียดว่าหากมิใช่เพราะวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่ทรงพลัง พวกเขาก็ไม่มีทางรับภารกิจนี้ คัมภีร์ลับของนิกายหมื่นกระบี่เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจมากเสียจนพวกเขามิอาจปฏิเสธ พวกเขาจึงตัดสินใจตอบตกลง
หากทราบมาก่อนว่าฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้จะทรงพลังเกินรับมือ อีกทั้งยังมีนิกายพันปีศาจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็ไม่มีทางรับภารกิจที่เสี่ยงเช่นนี้มา
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่โบกมือเบา ๆ และแสดงความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“หากพวกเจ้าอยากจะรอดชีวิตออกไปก็ไม่ยากหรอก เพียงต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้ข้า และข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”
อันที่จริง ฉินอวี้โม่เองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับขุมกำลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นประตูเร้นลับ การทำให้พวกเขาไม่พอใจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่วุ่นวายสำหรับนาง ต่อให้พวกเขาจะไม่ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงสำหรับนาง แต่การเป็นศัตรูกับพวกเขาก็ยังมากพอที่จะขัดขวางมิให้นางได้บ่มเพาะพัฒนาตนเองอย่างสงบสุขอีกต่อไป
เพราะเหตุนั้น แผนการของฉินอวี้โม่คือการตอบโต้คู่ต่อสู้ด้วยวิธีการของนางเอง ดังสำนวนที่ว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ในเมื่อเฉินหว่านเอ๋อร์กล้ามอบหมายภารกิจเช่นนี้ให้กับประตูเร้นลับ ฉินอวี้โม่ก็สามารถมอบหมายภารกิจเช่นนี้ให้กับพวกเขาเช่นกัน เมื่อกลับไปถึงที่นิกายหมื่นกระบี่ ธาตุแท้ของเฉินหว่านเอ๋อร์จะถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนและนางจะไม่มีโอกาสอยู่ในนิกายอีกต่อไป หลังถูกขับไล่ออกจากที่นั่น ฉินอวี้โม่ก็จะปล่อยให้คนของประตูเร้นลับจัดการกับเฉินหว่านเอ๋อร์เพื่อให้นางได้ตระหนักว่าการที่คิดกวนใจนางเช่นนี้ ตัวนางไม่จำเป็นต้องลงมือให้เปลืองแรงด้วยซ้ำ
“เรื่องอะไรหรือ ? โปรดว่ามาเถิดท่านจอมยุทธ์”
เมื่อกล่าวตอบฉินอวี้โม่อีกครั้ง หัวหน้าคนชุดดำก็ใช้วาจาและท่าทางที่นอบน้อมขึ้นมาก ความสามารถในการสังหารเฉินเฟิงเซี่ยวและทำให้ผู้อาวุโสของนิกายพันปีศาจสาบานตนยอมจำนนแสดงให้เห็นแล้วว่าฉินอวี้โม่จะต้องเป็นสตรีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น การไม่ทำให้นางไม่พอใจจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไปและอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ในทันที
“อีกอย่าง…ข้าจะบอกให้เข้าใจไว้ วิชาหมื่นกระบี่หวนคืนมิใช่สิ่งที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ ต่อให้เป็นศิษย์เอกของนิกาย พวกเขาก็ไม่สามารถถ่ายทอดวิชานี้ให้กับผู้อื่นหลังจากที่ได้เรียนรู้มัน ส่วนคำสัญญาที่เฉินหว่านเอ๋อร์ให้ไว้กับพวกเจ้า มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงหรอก พวกเจ้าถูกนางหลอกปั่นหัวแล้วล่ะ”
นางกล่าวเสริมขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายทุ่มเทอย่างสุดฝีมือเมื่อโอกาสในการกำจัดเฉินหว่านเอ๋อร์มาถึง
“ขอบคุณท่านจอมยุทธ์ เราเข้าใจแล้ว”
คนเหล่านั้นไม่สงสัยในวาจาของฉินอวี้โม่แม้แต่น้อยและเชื่อว่านางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกในเรื่องนี้ เฉินหว่านเอ๋อร์ตั้งใจหลอกลวงพวกเขา นางอาศัยเรื่องที่พวกเขาไม่ทราบเกี่ยวกับความลับของวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนและล่อลวงให้พวกเขาคล้อยตาม ถึงอย่างไร คำสัญญาของเฉินหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ระบุกำหนดเวลาที่แน่นอน นั่นหมายความว่านางสามารถยืดเวลาออกไปได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่เก็บตัวอยู่ในนิกายหมื่นกระบี่และไม่ออกไปข้างนอก คนของประตูเร้นลับก็ไม่สามารถแตะต้องนางได้
“ปล่อยพวกเขาไป”
ฉินอวี้โม่กล่าวสั้น ๆ พร้อมโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เฉินคุนและคนอื่น ๆ ปล่อยคนของประตูเร้นลับไป ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ถือว่าเป็นศัตรูสำหรับพวกนางอีกต่อไป
แน่นอนว่าเฉินคุนและคนอื่น ๆ ไม่คัดค้านการตัดสินใจของฉินอวี้โม่ พวกเขาปล่อยกลุ่มคนชุดดำไปทันทีเพื่อให้อีกฝ่ายเดินทางไปจากที่นี่และไม่ต้องอยู่ให้ขัดหูขัดตาพวกตนอีกต่อไป
กลุ่มคนชุดดำรีบแยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าความชิงชังที่พวกเขามีต่อเฉินหว่านเอ๋อร์ก็พรั่งพรูออกมาจนพวกเขาขบฟันกันอย่างแน่น หากนางอธิบายสถานการณ์ตามความเป็นจริง พวกเขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ สตรีผู้นั้นช่างน่ารังเกียจอย่างที่สุด
“พี่อวี้โม่ ท่านบอกคนพวกนั้นว่าอะไรหรือ ?”
เถาเซี่ยวเซี่ยวก้าวเข้าไปใกล้ฉินอวี้โม่และเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ในบทสนทนาเมื่อครู่ ฉินอวี้โม่กล่าวกับหัวหน้าคนชุดดำเพียงสองคน เพราะเหตุนั้นเด็กสาวและสหายคนอื่น ๆ จึงไม่ทราบถึงเงื่อนไขของนาง
“ข้าก็แค่จะตอบโต้ศัตรูด้วยวิธีการของนางเอง…เราไปที่นิกายพันปีศาจกันก่อนเถอะและจะรีบเดินทางกลับนิกายหมื่นกระบี่ เราจะพลาดการประเมินเข้าหอชั้นในไม่ได้โดยเด็ดขาด”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มโดยไม่อธิบายรายละเอียด สำหรับเรื่องบางเรื่อง การปล่อยให้เถาเซี่ยวเซี่ยวและทุกคนได้ทราบเมื่อถึงเวลานั้นย่อมเป็นเรื่องที่สนุกมากกว่า มิเช่นนั้นก็คงไม่มีความน่าตื่นเต้นใด ๆ…
เถาเซี่ยวเซี่ยวและทุกคนไม่ถามต่อให้มากความก่อนหันไปหากลุ่มผู้อาวุโสของนิกายพันปีศาจ
นอกเหนือจากนิกายหมื่นกระบี่ พวกนางไม่เคยไปที่นิกายอื่นมาก่อน การไปที่นิกายพันปีศาจครานี้จึงถือเป็นครั้งแรก
“เฉินคุน นำทางพวกเราไปที่นิกายพันปีศาจก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาตั้งอยู่ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างนิกายพันปีศาจและนิกายหมื่นกระบี่ซึ่งอยู่ห่างจากทั้งสองขุมกำลังในระยะทางที่ใกล้เคียงกัน สำหรับการเดินทางไปที่นิกายพันปีศาจและกลับไปยังนิกายหมื่นกระบี่ คาดว่าเวลาหนึ่งเดือนก็คงจะเพียงพอ
“ขอรับ นายหญิง”
เฉินคุนรับคำสั่งและระบุทิศทางของนิกายพันปีศาจก่อนเตรียมตัวออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ส่งทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวตามเดิม ถึงอย่างไรการขับเคลื่อนคฤหาสน์ล่องหนก็เป็นการเดินทางที่เร็วกว่าและประหยัดเวลาได้มาก
เฉินคุนและคณะผู้อาวุโสของนิกายพันปีศาจก็ตกตะลึงในความอัศจรรย์ของคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นอย่างมาก สถานะช่างหลอมระดับสูงของนางถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พวกเขายอมรับในตัวนาง ถึงอย่างไร การยอมจำนนต่อช่างหลอมมากฝีมือเช่นนี้ก็มิใช่สิ่งที่น่าอับอาย ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด สิ่งที่สำคัญคือนางยังมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้อีกมากมาย
หากเปรียบเทียบกัน เฉินเฟิงเซี่ยวอดีตจ้าวนิกายของพวกเขาผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘พระปีศาจ’ ยังถือว่าอ่อนแอกว่ามาก
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนในห้องว่างและฉินอวี้โม่ก็ทำการปรับกระแสเวลาภายใน สิบห้าวันในโลกภายนอกจะเท่ากับสิบห้าปีในคฤหาสน์ล่องหนและทุกคนจะได้ฝึกฝนและบ่มเพาะวิชาตามต้องการ
สำหรับตัวนางที่ติดอยู่ในสภาวะคอขวด นางเลือกที่จะเข้าไปในห้องหนึ่งเพื่อศึกษาหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีซึ่งกล่าวกันว่าอาจจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณซ่อนเร้นอยู่ภายใน