คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1256 กลุ่มสตรี
“ศิษย์น้องอวี้โม่ รูปลักษณ์ของเจ้าดูงดงามชวนหลงใหลอย่างแท้จริง แม้แต่สตรีงามอันดับหนึ่งของนิกายหมื่นกระบี่ก็ยังน้อยหน้าเจ้า เจ้าอยากจะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเราและเป็นหัวหน้ากลุ่มหรือไม่ ?”
หลี่ก่วนก่วนก้าวออกมาและกล่าวเชิญชวนฉินอวี้โม่
เจียงฉาก็ทำหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย สหายร่วมห้องที่ไม่น่าพอใจของนางมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อพบกับสตรีที่รูปงาม
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังยกให้นางเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างกระตือรือร้น ทว่าตอนนี้กลับต้องการแทนที่นางด้วยสตรีงามคนใหม่โดยที่ไม่ถามความเห็นของนางแม้แต่น้อย
“นั่นสิ ศิษย์น้องทั้งสองมาเข้าร่วมกลุ่มของพวกเราจะดีกว่า วันนี้กลุ่มเราจะเปลี่ยนเป็นกลุ่มเจ็ดคน เจ้าทั้งสองทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มและเราจะจัดการที่เหลือเอง กลุ่มใหม่ของเราจะต้องกลายเป็นกลุ่มที่งดงามน่ามองที่สุดของนิกายหมื่นกระบี่และคนมากมายจะต้องอิจฉาเราเป็นแน่”
เจียงฉาเดินเข้าไปแตะแขนฉินอวี้โม่และกล่าวอย่างจริงจัง นางไม่สนใจเรื่องตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มแม้แต่น้อย หากได้ศิษย์น้องที่งดงามโดดเด่นทั้งสองคนมาเข้าร่วมกลุ่ม พวกนางจะกลายเป็นกลุ่มสตรีที่ไร้เทียมทานในบรรดากลุ่มสตรีทั้งหมดของนิกายหมื่นกระบี่อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมา กลุ่มสตรีที่งี่เง่าเหล่านั้นก็จะไม่กล้าท้าทายกลุ่มเจ็ดคนของพวกนางอีกต่อไป !
“เอ่อ…”
ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทั้งสองไม่เข้าใจระบบความคิดของศิษย์พี่เหล่านี้แม้แต่น้อย ทั้งที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงครู่เดียว พวกนางกลับถูกเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มและถึงขั้นยกให้พวกนางเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่ม ถึงอย่างไรบรรดาศิษย์พี่ตรงหน้าก็ล้วนมีรูปลักษณ์ที่งดงามในแบบของตนเอง
“ศิษย์น้องทั้งสอง อย่ารีบปฏิเสธไปเลย พวกเจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือ ? เหตุใดเราไม่เดินไปด้วยและพูดคุยไปด้วยล่ะ ?”
เจียงจิ้งกล่าวพร้อมเดินเข้ามาเกาะแขนฉินอวี้โม่ เจียงฉาก็ต้องการเกาะแขนของเหลิ่งซวงเสวี่ยเช่นกัน ทว่าเหลิ่งซวงเสวี่ยที่ไม่มีทางเปิดใจรับใครง่าย ๆ ก็รีบยกแขนหลบเลี่ยงออกไป
อย่างไรก็ตาม เจียงฉาก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแม้แต่น้อยและรีบเข้าไปเกาะแขนอีกข้างของฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
“เจ้าทั้งสอง ปล่อยศิษย์น้องอวี้โม่เดี๋ยวนี้และให้พวกเราเข้าไปเกาะแขนนางแทน !”
หลี่ก่วนก่วนและลั่วซือกล่าวด้วยความฉุนเฉียว พวกนางต้องการดึงมือเจียงจิ้งและเจียงฉาออกไป สำหรับศิษย์น้องที่งดงามทั้งสอง พวกนางก็ต้องการเข้าใกล้และสนิทสนมเช่นกัน
ฉินอวี้โม่พูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม ศิษย์พี่เหล่านี้มาจากที่ใดกัน ?
หลังจากที่พูดคุยต่อไปและทราบว่าฉินอวี้โม่กำลังจะไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคาร ศิษย์พี่ทั้งห้าก็กระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม
“หากเป็นเรื่องกินละก็ ไว้ใจพวกเราได้เลย ไม่มีผู้ใดในหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่ที่จะชื่นชอบเรื่องการกินไปมากกว่าพวกเราแล้วล่ะ”
ลั่วฉิงกล่าวขึ้นและเดินนำหน้าทุกคน เมื่อกล่าวถึงเรื่องกิน สีหน้าท่าทางของนางก็ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ
จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปด้วยกันโดยที่ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยถูกล้อมรอบด้าน และภายในเวลาเพียงไม่นาน สตรีทั้งเจ็ดก็เดินมาถึงภัตตาคารหรูหราแห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของหอชั้นใน
ลั่วฉิงเริ่มสั่งอาหารจานเด็ดของภัตตาคารโดยไม่รอฟังความเห็นของฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยส่งผลให้ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจกับความกระตือรือร้นเกินพอดี
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ศิษย์น้องเหลิ่ง ไม่ต้องเกรงใจ พวกเจ้าต้องกินเยอะ ๆ ล่ะ ข้ารับประกันได้เลยว่าอาหารของที่นี่อร่อยมาก”
ลั่วฉิงแทบน้ำลายไหลขณะกล่าวกับศิษย์น้องทั้งสองและนั่งลงตรงข้ามกับพวกนาง
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยนั่งตรงกลางโต๊ะโดยมีสองพี่น้องตระกูลเจียงประกบด้านข้าง ในทางกลับกัน ลั่วซือและหลี่ก่วนก่วนที่พ่ายแพ้ในการแข่งขันแย่งชิงสิทธิ์สำหรับการนั่งข้างฉินอวี้โม่ เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงทำได้เพียงนั่งในฝั่งตรงข้าม
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ในเมื่อเจ้าเพิ่งเข้ามาที่หอชั้นใน เจ้าก็คงจะยังไม่รู้ข้อมูลมากนัก หอชั้นในของเรามีสตรีเพียงไม่มากนักและมีจำนวนรวมเพียงหนึ่งร้อยต้น ๆ เท่านั้น สำหรับศิษย์สตรีของหอชั้นใน การแข่งขันพิเศษระหว่างเรามักจะถูกจัดขึ้นเป็นระยะ ๆ และผู้ชนะจะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง อย่างเช่นได้รับสิทธิ์ใช้ลานประลองยุทธ์ก่อนผู้ใด สิทธิ์ที่เหนือกว่าคนอื่นในการศึกษาทักษะยุทธ์และคัมภีร์ในหอสมุด รวมถึงสิทธิ์ในการไปที่เขตต้องห้ามของนิกายหมื่นกระบี่เพื่อศึกษาวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน”
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างต่อเนื่องและในขณะที่รับประทานอาหารร่วมกัน ศิษย์พี่ทั้งห้าก็ทยอยอธิบายสถานการณ์ของหอชั้นในให้ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยได้ทราบ
“หากเป็นการแข่งขันในเรื่องของความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ พวกเราไม่เคยกลัวใครหน้าไหน ทว่าวิธีการแข่งขันของศิษย์สตรีก็ออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ เจียงจิ้งก็อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ หากมิใช่เพราะกฎเกณฑ์การแข่งขันที่แปลกประหลาด กลุ่มห้าคนของนางจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร
“แปลกประหลาดอย่างไรหรือเจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยรู้สึกสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาทันที สำหรับวิธีการแข่งขันที่ทำให้เจียงจิ้งผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลรู้สึกประหม่าเช่นนี้ ทั้งสองคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเป็นอย่างไร
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ความจริงก็คือ…มันเป็นการประกวดร้องเล่นเต้นรำ”
หลี่ก่วนก่วนอดไม่ได้และเปิดเผยถึงวิธีการที่สตรีในหอชั้นในมักจะใช้แข่งขันกัน
การแข่งขันระหว่างศิษย์สตรีในหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่จะดำเนินไปในรูปแบบที่พิเศษอย่างยิ่ง ศิษย์บุรุษของหอชั้นในจำนวนห้าร้อยคนจะถูกคัดเลือกมาเพื่อให้เป็นผู้ตัดสินและศิษย์สตรีอื่น ๆ ก็ต้องรวมกลุ่มกันเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันนี้
การแข่งขันก็เรียบง่ายดังชื่อของมัน นั่นคือการประกวดร้องเล่นเต้นรำ หลังจากทำการแสดงเสร็จสิ้น ศิษย์ผู้ตัดสินจะร่วมกันลงคะแนนและผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากอันดับตามกลุ่ม ศิษย์บุรุษจะเลือกศิษย์สตรีที่มีผลงานโดดเด่นมากที่สุดเช่นกันและสตรีผู้นั้นจะได้รับรางวัลพิเศษจากผู้อาวุโส
“ในการแข่งขันหลายคราที่ผ่านมา เราได้อันดับสองหรือสามมาตลอดและไม่เคยคว้าอันดับหนึ่งมาได้เลย กลุ่มที่ได้อันดับหนึ่งมีสตรีงามหมายเลขหนึ่งของหอชั้นในอยู่ด้วยและนางก็เป็นคนที่ได้รับคะแนนความนิยมมากที่สุด หากต้องการจะชิงอันดับหนึ่งมาครอง เราต้องหาสมาชิกใหม่ที่งดงามกว่านางและสามารถเอาชนะในด้านความนิยมได้ ตอนแรกพวกเรากังวลกันมาก ทว่าเมื่อได้พบหน้าศิษย์น้องทั้งสอง เราก็ไม่กังวลอีกต่อไป ตราบใดที่พวกเจ้าเข้าร่วมกลุ่มของเรา เราจะได้อันดับหนึ่งมาครองอย่างแน่นอน !”
น้ำเสียงของเจียงฉาแสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หากฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยเข้าร่วมกลุ่ม พวกนางมีโอกาสสูงที่จะคว้าชัยชนะในการแข่งขันครานี้
“แต่ละกลุ่มไม่จำกัดจำนวนคนอย่างนั้นหรือ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับระบบการแข่งขันดังกล่าว การประกวดร้องเล่นเต้นรำเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในยุคสมัยใหม่ซึ่งมิใช่เรื่องซับซ้อนสำหรับนาง หากต้องแข่งขันด้วยวิธีการดังกล่าว นางก็มั่นใจมากพอสมควร
“มีสิ อย่างน้อยต้องมีสามคนและเจ็ดคนคือจำนวนสูงสุดซึ่งแต่ละกลุ่มสามารถจัดสรรได้เองตามอิสระ ศิษย์น้องทั้งสองอาจมีสหายจากหอชั้นนอกอยู่แล้วและพวกนางอาจเข้าร่วมการแข่งขันในอนาคต อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกเข้าสู่หอชั้นในจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทว่าเราจะต้องแข่งขันกันในอีกครึ่งเดือน ข้าหวังว่าศิษย์น้องทั้งสองจะช่วยเราในครานี้ได้และมิให้เราต้องพ่ายแพ้ต่อสตรีกลุ่มอื่น”
ลั่วซือมองฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยอย่างไม่กะพริบตาและหวังว่าทั้งสองจะตอบตกลงในทันที
เจียงฉาและคนอื่น ๆ ก็มองฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยเป็นตาเดียวขณะพยายามโน้มน้าวให้พวกนางตอบตกลง
“อีกอย่าง หากศิษย์น้องทั้งสองเข้าร่วมกลุ่ม เราจะให้ค่าตอบแทนอย่างงามเลยล่ะ”
เจียงฉากล่าวต่ออีกประโยคโดยที่ต้องการจะดึงดูดใจฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย และเมื่อเหลิ่งซวงเสวี่ยพยักศีรษะ ฉินอวี้โม่ก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับการแข่งขันประหลาดนี้เช่นกัน ขณะนางกำลังจะพยักศีรษะตอบตกลงและกล่าวกับเจียงฉาว่าไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใด ๆ น้ำเสียงไม่เข้าหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“เจียงฉา ต่อให้จะหาใครมาเพิ่มอีก พวกเจ้าก็ไม่มีทางชนะหรอก !”