คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1260 ความนิยมของฉินเสี่ยวเยี่ยน
ณ วันการประกวดร้องเล่นเต้นรำของศิษย์สตรีในหอชั้นใน ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เมื่อไม่กี่วันก่อน บรรดาศิษย์ในก็ได้จัดตั้งการเดิมพันขึ้นมาและอัตราต่อรองของหลายกลุ่มก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนต่อทุกคน
แน่นอนว่าผู้ที่มีโอกาสคว้าชัยชนะมากที่สุดคือกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนด้วยอัตราหนึ่งต่อหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่มองว่าอันดับหนึ่งจะต้องตกเป็นของพวกนางและไม่มีทางที่จะผิดพลาดอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น การเดิมพันให้กลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนคว้าชัยชนะจึงจะไม่ได้รับสิ่งตอบแทนกลับมา
กลุ่มที่มีโอกาสชนะเป็นรองจากกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนก็คือกลุ่มที่นำโดยศิษย์พี่นามว่า ‘ว่านหลิงเอ๋อร์’ ด้วยอัตราเดิมพันสามต่อหนึ่ง นอกเหนือจากกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยน กลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์มีความสามารถโดยรวมที่อยู่ในระดับสูงที่สุดและมีความเป็นไปได้ที่จะล้มกลุ่มของฉินเสี่ยวเยี่ยนอยู่เช่นกัน
ในการประกวดครั้งก่อน ๆ และยกเว้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น กลุ่มของว่านหลิงเอ๋อร์มักจะคว้าอันดับสองมาได้เสมอ
กลุ่มที่มีโอกาสชนะเป็นอันดับสามก็คือกลุ่มของเจียงฉาซึ่งมีอัตราเดิมพันสูงกว่าสองกลุ่มก่อนหน้านี้ อัตราหนึ่งต่อสิบพิสูจน์ให้เห็นว่าหากเดิมพันและกลุ่มของเจียงฉาคว้าชัยชนะ ผลึกศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้อนที่ใช้เดิมพันจะเปลี่ยนกลายเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์สิบก้อนซึ่งถือเป็นอัตราตอบแทนที่สูงมาก
ผลึกศักดิ์สิทธิ์เป็นสกุลเงินหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกแห่งเทพและมีมูลค่าสูงมากกว่าแก่นหินวิญญาณของดินแดนระดับต่ำถึงหนึ่งร้อยเท่า หินศักดิ์สิทธิ์แต่ละก้อนล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่มหาศาล หากจอมยุทธ์ผู้อ่อนแอได้ดูดกลืนมัน พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เดิมพันให้กลุ่มของตนเองคว้าชัยชนะเช่นกัน เจียงจิ้งเดิมพันด้วยผลึกศักดิ์สิทธิ์มากถึงสิบก้อน ต้องกล่าวเลยว่าผลึกศักดิ์สิทธิ์สิบก้อนถือเป็นจำนวนเกือบทั้งหมดที่ศิษย์ในคนหนึ่งจะได้รับภายในเวลาหนึ่งปี ศิษย์ในทุกคนจะได้รับผลึกศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้อนจากฝ่ายพลาธิการในแต่ละเดือนและนั่นหมายความว่าในหนึ่งปี พวกเขาจะมีโอกาสครอบครองผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงสิบสองก้อนเท่านั้น
ฉินอวี้โม่เพิ่งมาถึงที่ดินแดนนี้ได้ไม่นานและยังมีผลึกศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่มากนัก นางจึงใช้วัตถุสิ่งหลอมระดับต่ำที่หลอมในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อแลกกับผลึกศักดิ์สิทธิ์สิบก้อน ห้าก้อนในนั้นถูกใช้เดิมพันกับกลุ่มของตนเองและอีกห้าก้อนที่เหลือถูกใช้เดิมพันไปกับตำแหน่งผู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการประกวดครานี้
สำหรับตำแหน่งผู้เข้าร่วมการประกวดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อัตราการชนะของฉินเสี่ยวเยี่ยนยังคงครองอันดับหนึ่ง ตามด้วยว่านหลิงเอ๋อร์ เจียงฉาและคนอื่น ๆ ซึ่งล้วนมีอัตราการชนะที่สูงพอสมควร
นอกจากนี้ยังมีการเดิมพันในอัตราสิบต่อหนึ่งซึ่งเป็นการเดิมพันในรายชื่ออื่น ๆ และฉินอวี้โม่ก็เลือกเดิมพันในตัวเลือกนั้น ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกได้ว่าผู้ที่จะได้รับคะแนนความนิยมสูงสุดในการประกวดครานี้คงจะเป็นตัวนาง
แน่นอนว่าเจียงจิ้งและคนอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจกับตัวเลือกนี้เช่นกัน พวกนางรู้สึกว่าโอกาสที่ฉินอวี้โม่จะเอาชนะฉินเสี่ยวเยี่ยนในด้านคะแนนความนิยมในท้ายที่สุดก็อยู่ในระดับที่สูงทีเดียว
ก่อนมาถึงลานจัตุรัส เสียงหารือของทุกคนก็ดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
“ข้าได้ยินว่าครานี้กลุ่มของเจียงฉามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาสองคนและเป็นศิษย์น้องที่เพิ่งเข้ามาจากหอชั้นนอก อยากรู้จริง ๆ ว่าศิษย์น้องทั้งสองจะมีฝีมือเพียงใด”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลายคนได้พบหน้าฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยแล้ว พวกเขาจึงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับพวกนางยิ่งนัก
ในเวลานี้ พวกนางทั้งสองจึงตกกลายเป็นประเด็นสนทนาของผู้คนเป็นการชั่วคราว
“ข้าไม่ทราบหรอกว่าพวกนางจะมีฝีมือเพียงใด ทว่ารูปลักษณ์ของทั้งสองนั้นช่างงดงามไร้ที่ติ”
ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้น เขาเป็นหนึ่งในคนที่เคยได้ยลโฉมฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยมาก่อน
“ศิษย์น้องทั้งสองล้วนเป็นสตรีที่งามหยดย้อย ทว่าศิษย์น้องที่ชื่อว่าฉินอวี้โม่มีเสน่ห์โดยรวมที่ดีกว่า เพียงแค่รูปลักษณ์ของนางก็มากพอที่จะเทียบกับศิษย์พี่ฉินเสี่ยวเยี่ยนได้สบาย หากนางมีความสามารถและพรสวรรค์ที่โดดเด่นอีกละก็ นางก็อาจจะสู้กับศิษย์พี่ฉินเสี่ยวเยี่ยนในคะแนนความนิยมได้”
ผู้ที่เคยเห็นรูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ไม่ปิดบังความชื่นชมและความตกตะลึงที่มีต่อความงดงามของนางแม้แต่น้อย เพียงยืนอยู่กับที่ ฉินอวี้โม่ก็สามารถสะกดสายตาของทุกคนด้วยความงาม ราวกับเป็นเทพธิดาที่ถูกสวรรค์ส่งลงมา แม้แต่สตรีงามอันดับหนึ่งของหอชั้นในก็ยังคงด้อยกว่า
เพราะเหตุนั้น นอกเหนือจากฉินอวี้โม่ ผู้คนจำนวนหนึ่งก็เลือกที่จะเดิมพันกับกลุ่มของเจียงฉาและคนอื่น ๆ เช่นกันด้วยหวังว่าจะพบผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ
ฉินอวี้โม่และกลุ่มของนางดึงดูดทุกสายตาได้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในลานจัตุรัส เวลานี้ ตรงกลางลานจัตุรัสก็มีแท่นยกสูงตั้งอยู่และดูยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างยิ่ง
ผู้ตัดสินห้าร้อยคนนั่งลงในทั้งสี่ทิศทางและผู้อาวุโสของหอชั้นในก็นั่งอยู่บนแท่นยกสูงขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นกลางอากาศชั่วคราว
ในเวลานี้ก็ไม่ได้มีเพียงบรรดาศิษย์ในเท่านั้นที่กำลังพูดคุยหารือกัน ทว่าผู้อาวุโสหลายคนก็กำลังกระซิบกระซาบถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“ครานี้ข้าว่ากลุ่มของเจียงฉามีโอกาสคว้าชัยชนะมากทีเดียว”
ผู้อาวุโสใหญ่ว่านหรูชูไม่มีธุระใดต้องจัดการ เขาจึงมาร่วมชมการประกวดของศิษย์สตรีในครานี้อย่างผ่อนคลายเช่นกัน
ด้วยการที่ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยเข้าร่วมกลุ่ม ว่านหรูชูจึงมองว่ากลุ่มของเจียงฉามีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นมาก แน่นอนว่าหากไม่มีสมาชิกใหม่ทั้งสองคน เขาก็ไม่เคยคิดว่ากลุ่มของพวกนางจะคว้าชัยชนะได้
ถึงอย่างไรทักษะการร้องเพลงของพวกนางก็ไม่ต่างจากเสียงร้องโหยหวนของภูตผีและทักษะการเต้นรำของพวกนางก็เปรียบเสมือนกับหุ่นยนต์ที่ขยับไปมาอย่างแข็งทื่อ กล่าวได้ว่าศิษย์ที่ลงคะแนนให้กับพวกนางคงจะคลุ้มคลั่งและหลงใหลในตัวพวกนางอย่างแท้จริง
“ศิษย์พี่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือ ?”
ผู้อาวุโสสตรีนางหนึ่งกล่าวขึ้นและมองว่านหรูชูด้วยแววตาแปลกใจเนื่องจากนึกสงสัยว่าเขากล้ามั่นใจในโอกาสชนะของกลุ่มเจียงฉาได้อย่างไร พวกนางมีเพียงรูปลักษณ์ที่งดงามเท่านั้น ทว่าทักษะการร้องเล่นเต้นรำกลับเทียบกับเด็กอนุบาลที่กระโดดโลดเต้นไปมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เฉินซี ตั้งตารอดูให้ดี ครานี้กลุ่มของเจียงฉาจะทำให้เจ้าประหลาดใจแน่”
ว่านหรูชูไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด บรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นในมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรและปรองดองกันมาเสมอ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะกล่าววาจาหยอกล้อกันเช่นนี้
ผู้อาวุโสสตรีนางนี้คือสตรีเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสของหอชั้นใน นางมีนามว่า ‘ว่านเฉินซี’ และเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของว่านอู๋เริ่น—จ้าวนิกายหมื่นกระบี่ ว่านเฉินซีผู้นี้มีทั้งความแข็งแกร่งและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม เวลานี้นางมีอายุอยู่ในช่วงวัยห้าสิบปี และในฐานะบุตรสาวเพียงคนเดียวของว่านอู๋เริ่น มีโอกาสสูงที่ว่านเฉินซีจะได้เป็นจ้าวนิกายหมื่นกระบี่คนต่อไป
ว่านเฉินซีเป็นศิษย์น้องที่มีอายุน้อยที่สุดในรุ่นของว่านหรูชู แม้ตอนนี้จะดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสาม นางก็เป็นศิษย์น้องของผู้อาวุโสหลายคน นางมักทำในสิ่งที่ต้องการเสมอ ในความเป็นจริง ว่านเฉินซีก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา แสดงออกอย่างชัดเจนและไม่อดทนต่อสิ่งที่ผิด อีกทั้งชื่อเสียงและบารมีของนางในหอชั้นในก็เป็นรองเพียงว่านหรูชูเท่านั้น
“ศิษย์พี่หมายความว่าศิษย์ใหม่สองคนนั้นมีความสามารถที่ล้ำเลิศมากเลยรึ ?”
ว่านเฉินซีทราบถึงนิสัยใจคอของศิษย์พี่เป็นอย่างดี ในเมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ มันก็หมายความว่าเขามั่นใจในระดับหนึ่ง ทว่าศิษย์สองคนที่เพิ่งเข้ามาจากหอชั้นนอกจะมีความพิเศษอย่างไรกัน ?
“ข้ายังไม่ได้เห็นความสามารถของพวกนางหรอก เพียงแต่รู้สึกได้ว่าทั้งสองไม่ธรรมดาแน่ รอดูต่อไปเถอะ อีกไม่นานเราก็จะได้รู้เอง”
ว่านหรูชูส่ายศีรษะเบา ๆ และไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดอีกต่อไป เขาเพียงพยักศีรษะให้กับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปเพื่อเป็นการทักทาย
สายตาของว่านเฉินซีก็มองไปยังฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยด้วยความสงสัยใคร่รู้ นางรู้สึกว่าใบหน้าของฉินอวี้โม่ดูคุ้นตาอย่างประหลาดราวกับเคยพบเห็นจากที่ใดสักแห่ง เพียงแต่นางยังนึกไม่ออกในตอนนี้…
ในอีกทิศทางหนึ่ง ฉินเสี่ยวเยี่ยนกำลังก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับกลุ่มของนาง
เสียงโห่ร้องต้อนรับดังสนั่นก่อนที่พวกนางจะเดินมาถึงลานจัตุรัสด้วยซ้ำ
“ฉินเสี่ยวเยี่ยน เจ้ายอดเยี่ยมที่สุด !”
“ฉินเสี่ยวเยี่ยน เจ้าคือเทพธิดาในใจข้า ข้าจะคอยเอาใจช่วยเจ้า !”
“ฉินเสี่ยวเยี่ยน แสดงผลงานให้ดีที่สุด พวกเราจะเป็นกำลังใจให้เสมอ !”
ต้องยอมรับเลยว่าความนิยมของฉินเสี่ยวเยี่ยนอยู่ในระดับที่สูงจนน่าตกใจทีเดียว !
.