คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1272 ว่านอิ้งสง
ณ ด้านนอกห้องแยกในภัตตาคาร มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกัน หัวหน้ากลุ่มคือบุรุษหนุ่มที่ดูมีอายุในช่วงยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูบูดบึ้งและไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แม้รูปลักษณ์จะหล่อเหลาพอสมควร ทว่ากลิ่นอายความไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาก็ทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดได้ง่าย ๆ และไม่อยากเข้ามาใกล้
“ศิษย์พี่ ข้ามั่นใจว่าเห็นพวกนางเข้าไปในห้องนี้ขอรับ”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นและเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความประจบประแจง
“เหอะ เข้าไปดูก็จะรู้เอง”
โครมมม !
น้ำเสียงที่มืดมนยังคงดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะถูกเตะเปิดออกอย่างแรง
“ว่านอิ้งสง นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกัน ?!”
ฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ลุกขึ้นพร้อมกันและจ้องเขม็งไปยังบุรุษที่ยืนอยู่หน้าประตู ในขณะเดียวกัน ทั้งสองก็เปิดเผยตัวตนของบุรุษผู้นั้นให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ได้ทราบ
“ฉินเสี่ยวเยี่ยน ว่านหลิงเอ๋อร์ อย่าแส่ในเรื่องที่มิใช่เรื่องของตัวเองจะดีกว่า รีบพาสหายของพวกเจ้าออกไปและอย่าขวางทางข้าอยู่ที่นี่ !”
เห็นได้ชัดว่าว่านอิ้งสงไม่สนใจวาจาของฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์แม้แต่น้อย เขาตอบโต้อย่างเย็นชาขณะที่สายตาหยุดลงที่ฉินอวี้โม่
“หน้าตาของเจ้าก็ดูงดงามทีเดียว ทว่าเหตุใดถึงได้ใจดำอำมหิตยิ่งนัก !”
เขามองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเหน็บแนมและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับนาง
“ว่านอิ้งสง เจ้ากำลังว่าใครใจดำอำมหิตกัน ?!”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะตอบโต้หรือมีปฏิกิริยาใด เถาเซี่ยวเซี่ยวก็กระโดดออกไปขวางหน้าฉินอวี้โม่และจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าเป็นใครกัน ?”
เมื่อเห็นเด็กสาวที่เข้ามาขวางหน้า ว่านอิ้งสงก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกว่าเถาเซี่ยวเซี่ยวดูคุ้นหน้าเช่นกันทว่านึกไม่ออกว่าเคยพบเห็นจากที่ใด
“ก็แค่ศิษย์จากหอชั้นนอกคนหนึ่งที่รังเกียจพฤติกรรมในการรังแกศิษย์สตรีของเจ้า มิใช่คนสำคัญอะไรหรอก ว่านอิ้งสง…เหตุใดจึงกล้าต่อว่าพี่อวี้โม่ของข้าว่าใจดำอำมหิต ?”
ใบหน้าของเถาเซี่ยวเซี่ยวดูอ่อนโยนและมีราศีบางอย่างที่ดูไม่เหมือนศิษย์นอกทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางยืนยันเช่นนั้น ทุกคนก็ทำได้เพียงเชื่อนางไปก่อนชั่วคราว
“เหอะ หากมิใช่เพราะความโหดเหี้ยมและความชั่วช้าของนาง นางจะกล้าทำร้ายหว่านเอ๋อร์ได้อย่างไร ? หว่านเอ๋อร์ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกเจ้า ทว่าเจ้ากลับริษยาที่นางดีกว่าจึงวางแผนใส่ร้ายนาง วันนี้ข้าจะชำระความแค้นและทวงคืนความเป็นธรรมให้กับหว่านเอ๋อร์เอง !”
ว่านอิ้งสงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและเปิดเผยจุดประสงค์ของการมาที่นี่ออกไปโดยตรง เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินหว่านเอ๋อร์ตามที่พวกนางคาดการณ์ไว้
ทันทีที่เขาออกจากสภาวะเก็บตัวฝึกวิชาในวันนี้ เขาก็ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหอชั้นนอกและไม่เชื่อว่าเฉินหว่านเอ๋อร์ผู้จิตใจดีและมีเมตตาจะทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นได้ เพราะเหตุนั้น เขาจึงเชื่อว่าฉินอวี้โม่และอีกหลายคนร่วมมือกันเพื่อใส่ร้ายป้ายสีเฉินหว่านเอ๋อร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือฉินอวี้โม่ที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด
ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายที่เฉินหว่านเอ๋อร์ตกลงปลงใจ แน่นอนว่าเขาต้องมาเพื่อทวงคืนความเป็นธรรมให้กับนาง !
“ตลกชะมัด เฉินหว่านเอ๋อร์มีอะไรที่ข้าต้องริษยางั้นรึ ? คิดว่านางดีกว่าข้าอย่างไร ? รูปลักษณ์ พรสวรรค์หรือว่าความแข็งแกร่ง ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เดาไม่ออกเลยว่าว่านอิ้งสงผู้นี้ครองอันดับสองของทำเนียบสวรรค์ได้อย่างไรกัน ? ช่างไร้ความคิดสิ้นดี…
นางได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีความจำเป็นที่นางจะต้องริษยาเฉินหว่านเอ๋อร์แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้รับการสืบสวนความจริงจากผู้อาวุโสของหอชั้นนอกอย่างละเอียดแล้ว การที่ว่านอิ้งสงยังคงปักใจเชื่อว่ามีคนจงใจใส่ร้ายเฉินหว่านเอ๋อร์เช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าขันยิ่งนัก
“ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ก็เป็นผู้คลั่งไคล้ที่หน้ามืดตามัวของเฉินหว่านเอ๋อร์นี่เอง ว่านอิ้งสง…หากมีเวลาก็ลองไปที่ห้องพยาบาลของหอชั้นในเพื่อให้ผู้อาวุโสตรวจดูสมองของเจ้าสักหน่อยเถอะ อย่ามาแหกปากโวยวายอยู่ที่นี่เลย สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในหอชั้นนอก พวกเรารู้ความจริงดีอยู่แล้ว เรารู้ธาตุแท้ของเฉินหว่านเอ๋อร์และมีหลักฐานรองรับทุกอย่าง การที่เจ้ายังกล้ามาหาเรื่องพี่อวี้โม่เช่นนี้เป็นเพราะเจ้าเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจหรือว่าเจ้าไร้สมองกันแน่ ?”
เวลานี้ ฝีปากที่สามารถสยบได้แม้กระทั่งกองทัพนับพันนับหมื่นของเถาเซี่ยวเซี่ยวได้แสดงบทบาทออกมาแล้วและตอบโต้ว่านอิ้งสงจนอีกฝ่ายแทบพูดอะไรไม่ออก
“หุบปากไปซะ !”
ว่านอิ้งสงเดือดดาลอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาจากหอชั้นนอกจะกล้าสาดวาจาใส่เขาเช่นนี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงศิษย์อันดับสองในทำเนียบสวรรค์ของหอชั้นในซึ่งแม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนก็ยังต้องไว้หน้า ศิษย์นอกที่กล้าดูหมิ่นเขาเช่นนี้ไม่ต่างกับการรนหาที่ตายเลยสักนิด !
“ทำไมรึ ? เจ้าไม่มีสมองจริง ๆ สินะ ข้ามีปากก็ย่อมพูดได้ตามต้องการ เฉินหว่านเอ๋อร์ต้องการจะฆ่าพวกเราและศิษย์พี่หลายคนเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ศิษย์พี่คนหนึ่งก็ต้องตายไปเพราะฝีมือของนาง สำหรับการตัดสินโทษ ถือว่าผู้อาวุโสของหอชั้นนอกเมตตามากแล้วที่ยังไว้ชีวิตนาง หากยังไม่เชื่อก็ไปถามจากผู้อาวุโสของหอชั้นนอกได้เลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาแหกปากโวยวายใส่พวกเราเช่นนี้”
เถาเซี่ยวเซี่ยวไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยและยังคงสาดวาจาต่อไป รวมถึงอธิบายทุกอย่างที่เฉินหว่านเอ๋อร์เคยกระทำ
“หุบปาก หุบปากเสีย ! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าดูหมิ่นและใส่ร้ายหว่านเอ๋อร์อีก !”
ว่านอิ้งสงเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม เขาคำรามเสียงดังสนั่นและง้างมือหมายจะฟาดเข้าที่ใบหน้าของเถาเซี่ยวเซี่ยว
ฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ก็ก้าวออกไปข้างหน้าทันทีพร้อมปล่อยฝ่ามือวายุออกไปเพื่อขวางฝ่ามือของว่านอิ้งสงไว้
“ว่านอิ้งสง ที่นี่คือภัตตาคาร มิใช่ที่ที่เจ้าจะอาละวาดได้ตามใจชอบ !”
สีหน้าของทั้งสองในตอนนี้ดูบูดบึ้งอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงเลยว่าว่านอิ้งสงจะคลั่งไคล้สตรีคนหนึ่งจนเสียสติเช่นนี้ เถาเซี่ยวเซี่ยวอธิบายทุกอย่างไปอย่างชัดเจนแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะทำร้ายฉินอวี้โม่และสหาย นับว่าเป็นบุรุษที่น่าขยะแขยงจริง ๆ !
“ฉินเสี่ยวเยี่ยน ว่านหลิงเอ๋อร์ พวกเจ้าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวจะดีกว่า ต่อให้หว่านเอ๋อร์ทำผิดพลาดไปบ้าง คนพวกนี้ก็ไม่มีสิทธิ์รังแกนางตามต้องการ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนางจะต้องชดใช้ ! ฉินอวี้โม่และพวกเจ้า หากยังไม่คุกเข่าและกล่าวขอโทษละก็ พวกเจ้าก็จงไสหัวออกไปจากหอชั้นในเสีย !”
ว่านอิ้งสงกล่าวอย่างวางอำนาจเช่นที่เขาทำเป็นประจำ วันนี้เถาเซี่ยวเซี่ยวยั่วโทสะของเขาจนมิอาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป
“คุกเข่าขอโทษอย่างนั้นหรือ ? เจ้าเสียสติไปแล้วจริง ๆ พี่อวี้โม่ อย่าเสียเวลาสนใจเลย ตาทึ่มนี่ก็แค่พล่ามไร้สาระไปเรื่อย”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจก่อนจับมือฉินอวี้โม่เพื่อแสดงความสนับสนุน
ฉินอวี้โม่มองฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ที่เข้ามาขวางหน้าตน รวมถึงเจียงฉาและคนอื่น ๆ ที่ยืนขึ้นเพื่อแสดงความสนับสนุนเช่นกัน ปฏิกิริยาของศิษย์พี่เหล่านี้ทำให้นางตื้นตันใจยิ่งนัก
เพื่อช่วยเหลือนาง คนเหล่านี้ไม่ลังเลที่จะประจันหน้ากับศิษย์คนโปรดของผู้อาวุโสรองผู้ซึ่งครองอันดับสองในทำเนียบสวรรค์ ฉินเสี่ยวเยี่ยนและสตรีเหล่านี้เป็นบุคคลที่คู่ควรแก่การผูกมิตรอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็มิใช่คนประเภทที่จะซ่อนตัวหลังผู้อื่นและปล่อยให้สหายของตนต้องเดือดร้อนหรือถูกรังแกเช่นกัน
“ว่านอิ้งสง เฉินหว่านเอ๋อร์สมควรตาย ทว่าข้าเลือกที่จะไว้ชีวิตนางและไม่อยากจะทำให้มือของตนเองต้องแปดเปื้อน หากต้องการจะให้ข้าคุกเข่าขอโทษละก็…เชิญกลับไปนอนฝันกลางวันเสียเถอะ พวกเราจะรับประทานอาหารกันต่อและไม่อยากเสียเวลากับเจ้าอีก ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม เจ้ารีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน !”
ฉินอวี้โม่กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและข่มขู่อย่างไม่เกรงกลัว สำหรับคู่ต่อสู้ในขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราผู้นี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่มีโอกาสเอาชนะแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้นางมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่า ๆ ๆ ยโสโอหังยิ่งนัก แม้แต่จอมยุทธ์อันดับหนึ่งของทำเนียบสวรรค์ก็ยังไม่กล้าพูดจากับข้าเช่นนี้ ! อยากเห็นนักว่าเจ้าจะหยาบคายกับข้าอย่างไร !”
ว่านอิ้งสงหัวเราะลั่นแทนที่จะเดือดดาล เขาไม่เก็บคำพูดของฉินอวี้โม่มาคิดแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมหอชั้นในได้เพียงไม่นานและมีพลังเพียงขอบเขตเทพเซียนสองดาราเท่านั้น แล้วนางจะทรงพลังได้สักเพียงใด ?
“ในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าก็จะสงเคราะห์ให้ !”
ฉินอวี้โม่คลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็นและออกแรงเตะว่านอิ้งสงโดยตรง