คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1274 บรรดาผู้อาวุโสปรากฏตัว
ในเวลานี้ ทุกคนปรากฏตัวอยู่ที่ลานประลองยุทธ์ของหอชั้นในด้วยกัน
เนื่องจากเป็นช่วงเย็นแล้วและปกติในช่วงเวลานี้ลานประลองยุทธ์จะมีผู้คนอยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินข่าวว่าฉินอวี้โม่และว่านอิ้งสงจะต่อสู้กัน คนมากมายจึงรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อรับชมเรื่องสนุก ๆ
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ลุยเลย พวกเรามั่นใจในตัวเจ้า !”
หลายคนเดินเข้าไปกล่าวกับฉินอวี้โม่เพื่อแสดงความสนับสนุน ไม่ว่าพลังของฉินอวี้โม่จะด้อยกว่าว่านอิ้งสงเพียงใด พวกเขาก็ต้องการแสดงความสนับสนุนต่อนางอย่างเต็มที่
“ศิษย์น้องอวี้โม่ จัดการว่านอิ้งสงให้สาหัสเลยและไม่ต้องไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย ไม่ต้องกังวล พวกเราจะคอยเป็นกำลังใจให้เจ้าเสมอ !”
กลุ่มขนนกผู้คลั่งไคล้ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นตาม ๆ กันและเชื่อมั่นในความสามารถของนางอย่างไร้เงื่อนไข
สำหรับผู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและคว้าชัยชนะในการประกวดร้องเล่นเต้นรำครั้งล่าสุด ทุกคนเชื่อว่าฉินอวี้โม่อาจสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาได้อีก แม้มีพลังเพียงขอบเขตเทพเซียนสองดารา นางก็อาจจะแสดงให้เห็นถึงพลังการต่อสู้ที่กระโดดข้ามระดับและเอาชนะว่านอิ้งสงได้ในท้ายที่สุด
“ว่านอิ้งสง หากกล้าทำร้ายศิษย์น้องอวี้โม่ของพวกเรา เตรียมตัวรับมือกับความแค้นของพวกเรากลุ่มขนนกได้เลย !”
บุรุษคนหนึ่งที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรกของทำเนียบสวรรค์กล่าวขึ้น เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่คลั่งไคล้ฉินอวี้โม่เช่นกัน
การที่ว่านอิ้งสงท้าดวลฉินอวี้โม่เช่นนี้ บรรดาศิษย์ที่ติดอยู่ในทำเนียบสวรรค์และศิษย์คนอื่น ๆ ของหอชั้นในล้วนรังเกียจการกระทำดังกล่าวยิ่งนักและตั้งข้อครหากับการที่ว่านอิ้งสงได้ครองอันดับสองในทำเนียบสวรรค์ เดิมทีบางคนวางแผนที่จะต่อสู้เพื่อฉินอวี้โม่ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของนาง พวกเขาจึงต้องการรอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน
หากฉินอวี้โม่รับมือกับอีกฝ่ายไม่ได้จริง ๆ ต่อให้ต้องละเมิดกฎของหอชั้นใน พวกเขาก็ต้องร่วมมือกันเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้กับว่านอิ้งสงเพื่อมิให้เขาวางท่ายโสโอหังได้อีก
ถึงอย่างไรกฎระเบียบก็มีไว้เพื่อประชากรส่วนใหญ่ หากพวกเขาทั้งหมดรวมพลังกัน บทลงโทษที่ได้รับก็จะเป็นเพียงโทษสถานเบาเท่านั้นและพวกเขาเหล่านี้ไม่กังวลว่าจะถูกขับไล่ออกจากนิกายหมื่นกระบี่
บรรดาศิษย์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับว่านอิ้งสงมานานทำได้เพียงนิ่งเงียบและไม่กล่าวสิ่งใด พวกเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าว่านอิ้งสงจะกระทำสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนี้
นับว่าน่ารังเกียจยิ่งนักที่บุรุษผู้แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงในหอชั้นในมาเป็นเวลานานเป็นฝ่ายท้าดวลกับสตรีร่างบางที่เพิ่งเข้าร่วมหอชั้นในได้เพียงหนึ่งเดือน
พวกเขาเริ่มตระหนักแล้วว่าอาจมองว่านอิ้งสงผิดไปตั้งแต่แรกและบุคคลเช่นนี้ไม่คู่ควรกับมิตรภาพที่มอบให้แม้แต่น้อย
ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบทั่วบริเวณ ทุกคนก็มาถึงลานประลองยุทธ์ในที่สุด
ทันทีที่มาถึงลานประลองยุทธ์ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้วและพวกเขาคือบรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่นั่นเอง
ผู้ที่เป็นผู้นำในครานี้ก็คือว่านเจียงเหอ—ผู้อาวุโสรองของนิกายหมื่นกระบี่และเป็นอาจารย์ของว่านอิ้งสง
สีหน้าของว่านเจียงเหอในตอนนี้หม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด แม้ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ทุกคนก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภาวะอารมณ์ของเขาในตอนนี้ย่ำแย่พอสมควร การที่ศิษย์คนโปรดของเขาถูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าหอชั้นในเพียงไม่นานตบหน้าฉาดใหญ่ต่อหน้าคนมากมายมิใช่เรื่องที่เขาจะทนรับได้อย่างแท้จริง
สำหรับเขา การที่ว่านอิ้งสงท้าดวลกับฉินอวี้โม่มิใช่เรื่องที่ต้องคำนึงถึงแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เขาหวังว่าศิษย์ของตนจะสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินอวี้โม่อย่างสาสมและทำให้นางตระหนักว่าศิษย์ของผู้อาวุโสว่านเจียงเหอมิใช่บุคคลที่ใครจะท้าทายได้
ในทางตรงกันข้าม ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มิได้รู้สึกเช่นนั้นและรู้สึกอับอายในการกระทำของว่านอิ้งสง ในฐานะที่เป็นศิษย์อันดับสองในทำเนียบสวรรค์ การกระทำดังกล่าวช่างน่าอับอายและไม่มีเกียรติแม้แต่น้อย บุคคลเช่นนี้ไม่คู่ควรอยู่ในหอชั้นในของนิกายหมื่นกระบี่ด้วยซ้ำ…
ครานี้ผู้อาวุโสใหญ่ว่านหรูชูมิได้ปรากฏตัวพร้อมกับคนอื่น ๆ ด้วยเกิดธุระด่วนที่ทำให้เขาต้องอยู่จัดการ
“ฉินอวี้โม่ หากคิดว่าสู้ไม่ได้ก็อย่าฝืนล่ะ ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสรองหรือว่านอิ้งสง พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินเจ้า”
ผู้อาวุโสสามว่านเฉินซียืนขึ้นขณะชำเลืองมองไปยังเถาเซี่ยวเซี่ยวข้างกายฉินอวี้โม่เล็กน้อยและกล่าวออกไป เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดไว้หน้าทั้งว่านเจียงเหอและว่านอิ้งสงศิษย์ของเขา
“ว่านเฉินซี นี่เจ้าหมายความว่าอะไรกัน ? เจ้ากำลังบอกว่าฉินอวี้โม่เป็นฝ่ายที่ถูก แต่ข้าและว่านอิ้งสงเป็นฝ่ายที่ผิดอย่างนั้นหรือ ?”
ว่านเจียงเหอกล่าวตอบโต้อย่างเย็นชาทันทีที่ได้ยินวาจาของว่านเฉินซี เขาไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสามจะกล่าวปกป้องฉินอวี้โม่อย่างออกนอกหน้าเช่นนี้
“การทวงความเป็นธรรมให้กับสตรีที่รักเป็นเรื่องผิดอย่างไร ? ว่านเฉินซี...นี่เป็นเรื่องระหว่างศิษย์ พวกเราผู้อาวุโสอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า !”
ผู้อาวุโสรองไม่คิดว่าศิษย์ของตนทำสิ่งใดผิดพลาดแม้แต่น้อย ไม่ว่าเฉินหว่านเอ๋อร์จะเป็นคนเช่นไร ถึงอย่างไรนางก็ถือเป็นคู่หมั้นคู่หมายของว่านอิ้งสง การที่เขาหาเรื่องฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ผู้เป็นสาเหตุที่ทำให้นางถูกขับไล่ออกจากนิกายหมื่นกระบี่ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ว่านเจียงเหอไม่สนใจว่าการกระทำของเฉินหว่านเอ๋อร์จะร้ายแรงเพียงใดและไม่สนใจแม้กระทั่งว่ามันจะส่งผลกระทบต่อนิกายหมื่นกระบี่อย่างไร
“เข้าใจแล้ว พวกเราผู้อาวุโสจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ข้าหวังว่าผู้อาวุโสรองจะทำตามวาจาที่ลั่นออกมา !”
ว่านเฉินซีพยักศีรษะและกล่าวทิ้งท้ายก่อนนั่งลงตามเดิม
ผู้อาวุโสหลายคนก็ชำเลืองมองว่านเจียงเหอด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ พวกเขาล้วนไม่พอใจในจุดยืนของผู้อาวุโสรอง ทว่ายังไม่แสดงออกอย่างชัดเจนนักและต้องการรอดูผลลัพธ์ของการดวลที่กำลังจะมาถึง
บนสังเวียนประลอง ตอนนี้ฉินอวี้โม่และว่านอิ้งสงกำลังยืนประจันหน้ากันแล้ว รอบสังเวียนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยผู้สนับสนุนของฉินอวี้โม่เป็นส่วนมาก ในขณะที่ส่วนที่เหลือไม่ต้องการยั่วยุให้ว่านอิ้งสงไม่พอใจและเลือกวางตัวเป็นกลาง
“ฉินอวี้โม่ นอกจากหว่านเอ๋อร์จะถูกพวกเจ้าวางแผนใส่ร้ายจนถูกขับไล่ออกจากนิกายหมื่นกระบี่ เจ้ายังริอาจสาดวาจาใส่ข้าและฉีกหน้าข้าต่อหน้าธารกำนัล วันนี้เจ้าจะได้รับรู้ถึงชะตากรรมของคนที่กล้าดูหมิ่นข้า !”
ว่านอิ้งสงกล่าวอย่างเย็นชาขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
“เจ้ากล้าสู้กับข้าจนตายกันไปข้างหนึ่งรึไม่ ?”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นและเขาก็กล่าวออกไปทันที
ในหอชั้นในมีกฎระบุไว้ซึ่งมิให้ศิษย์สังหารกันเอง ทว่ามีข้อยกเว้นประการหนึ่ง นั่นคือหากทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงก่อนที่จะต่อสู้กันโดยใช้ความเป็นความตายเป็นเดิมพัน แม้แต่ผู้อาวุโสของหอชั้นในก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
“ฉินอวี้โม่…”
ว่านเฉินซีคิดไม่ถึงว่าว่านอิ้งสงจะกล้าเสนอการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ ทว่าเมื่อนางกำลังจะกล่าวคัดค้าน ว่านเจียงเหอซึ่งอยู่ถัดจากนางก็ขัดจังหวะขึ้นด้วยสีหน้าที่มืดมน
“ว่านเฉินซี ปล่อยให้ศิษย์ตกลงกันเองจะดีกว่า”
การต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่งถือเป็นวิธีการที่ดีมากทีเดียว เพราะยิ่งฉินอวี้โม่แสดงฝีมือที่น่าทึ่งเพียงใด ผู้อาวุโสรองและว่านอิ้งสงก็รู้สึกกดดันมากเพียงนั้น หากปล่อยให้ฉินอวี้โม่พัฒนาตนต่อไปได้ ตำแหน่งอันดับหนึ่งของนิกายหมื่นกระบี่ก็คงจะตกเป็นของนางในไม่ช้า ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้มากว่าในอนาคตฉินอวี้โม่จะสามารถทำความเข้าใจวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสองไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงควรจะกำจัดฉินอวี้โม่ไปในการดวลครานี้และถือโอกาสตัดคู่แข่งไปในคราวเดียว นับได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“แน่ใจหรือ ?”
ฉินอวี้โม่บนสังเวียนคิดไม่ถึงเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเสนอการต่อสู้แลกชีวิตเช่นนี้ อันที่จริงแล้วนางก็ลังเลอยู่เล็กน้อย ทว่าในเมื่อว่านอิ้งสงเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา นางก็ย่อมไม่ปฏิเสธ
“แน่นอน หากเจ้า…”
เดิมทีว่านอิ้งสงคิดว่าฉินอวี้โม่จะไม่กล้าตอบรับคำท้าและต้องการจะกล่าวเยาะเย้ยถากถาง ทว่ากลับถูกขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยมไปเลย ในเมื่ออยากต่อสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ข้าก็จะสงเคราะห์ให้ บังเอิญว่าข้าเองก็ไม่ได้ฆ่าใครมานานแล้วและรู้สึกคันไม้คันมือเต็มที”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวออกไป อย่างไรก็ตาม วาจาของนางทำให้ผู้ชมรอบบริเวณขนลุกซู่อย่างมิอาจควบคุม การที่ไม่ได้ฆ่าใครมานานของนางหมายความว่าอย่างไรกัน ?หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่เคยฆ่าคนเป็นว่าเล่น ?
ฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย ทว่าไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกไป พวกนางเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะต้องมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมจึงได้แสดงท่าทีที่ตื่นเต้นเช่นนั้นออกมา