คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1291 สับสนไม่ต่างกัน
ในเวลานี้ เถาเซี่ยวเซี่ยวยังคงเที่ยวชมไปทั่วคฤหาสน์เฟิงหัวและไม่ได้ออกไปข้างนอกกับฉินอวี้โม่
ก่อนที่จะรู้ตัว ท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่จึงไม่ต้องการรบกวนผู้ใดและออกจากบริเวณเรือนที่พักของตนเองเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดที่ดวลฝีมือกับว่านอู๋เริ่นก่อนหน้านี้เพียงลำพัง
พื้นที่โล่งกว้างในตอนนี้อยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ อีกทั้งฉินอวี้โม่และว่านอู๋เริ่นก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้กัน มันจึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมมากนัก
ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าขณะเรียกเสี่ยวโพธิ์และอสูรอื่น ๆ ออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวทันที จากนั้น บรรดาอสูรพฤกษาก็เริ่มแยกย้ายกันไปสื่อสารกับบุปผาและพืชพรรณรอบบริเวณ
แน่นอนว่ามิใช่พืชพรรณทั้งหมดที่จะมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง บางส่วนไม่มีพลังชีวิตใด ๆ และไม่มีหนทางที่จะสื่อสารกับพวกมันได้เลย เวลานี้ มีเพียงบุปผาและต้นไม้ที่ปนเปื้อนไปด้วยพลังมายาเท่านั้นที่จะสามารถสื่อสารกับพวกมันได้
ฉินอวี้โม่เฝ้ารออย่างเงียบ ๆ โดยไม่รบกวนอสูรพฤกษาเหล่านั้น
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป อสูรเหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันตรงหน้าฉินอวี้โม่อีกครา
“นายหญิง เราสอบถามมาแล้ว ทว่าพวกมันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่มีพลังบางอย่างที่ทำให้พวกมันรู้สึกราวกับได้พบพวกเดียวกันซึ่งพวกมันยินดีที่จะผสานเข้ากับพลังนั้นและปล่อยให้พลังนั้นควบคุมไป”
บุปผาและพืชพรรณเหล่านั้นมีระดับสติปัญญาที่ไม่สูงนักและบางส่วนบอกกับเสี่ยวโพธิ์ได้เพียงว่าเมื่อว่านอู๋เริ่นแสดงเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนออกมา มันมีพลังพิเศษบางอย่างที่ทำให้พวกมันคล้อยตามและยอมกลายเป็นอาวุธของเขาไปโดยอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของว่านอู๋เริ่นสิ้นสุดลง พวกมันก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนักและบางส่วนก็ถึงขั้นได้รับประโยชน์ที่คาดไม่ถึงกลับมา
เดิมทีฉินอวี้โม่และบรรดาอสูรคาดว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากพฤกษาเหล่านี้ คิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเหนือความคาดหมายไป เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงอย่างแท้จริงและการสืบข้อมูลเกี่ยวกับมันก็ไม่ง่ายเลย นับประสาอะไรกับการทำความเข้าใจมันในระดับเบื้องต้น…
“กลับกันก่อนเถอะ”
ในเมื่อเสร็จธุระ ฉินอวี้โม่จึงไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อและมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนที่พักของตน
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ร่างของฉินอวี้โม่หายลับตาไป จู่ ๆ ร่างของว่านอู๋เริ่นก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ในฐานะจ้าวนิกายหมื่นกระบี่ ทุกอย่างรอบบริเวณนี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมและการจับตามองของเขา เมื่อฉินอวี้โม่ออกจากเรือนที่พัก เขาก็รับรู้ได้ทันทีทว่าไม่คิดที่จะขัดขวางนาง
เนื่องจากคาดการณ์ไว้แล้วว่าฉินอวี้โม่คงจะมาที่นี่อีกครั้งเพื่อหาคำตอบให้กับข้อสงสัยของนาง ทว่าเขาเองก็ไม่คาดคิดว่านางจะมีอสูรมายาเช่นเสี่ยวโพธิ์และอสูรพฤกษาอื่น ๆ อยู่ด้วย
ด้วยความแข็งแกร่งในระดับของว่านอู๋เริ่น เพียงมองปราดเดียว เขาก็ทราบได้ทันทีว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มิใช่มนุษย์ การที่มีอสูรพฤกษาเช่นนี้อยู่ ต้องยอมรับว่าฉินอวี้โม่มิใช่สตรีที่ธรรมดาอย่างแท้จริง
“ช่างเป็นสตรีที่ชาญฉลาดและรู้จักใช้ข้อได้เปรียบของตนเพื่อสืบหาในสิ่งที่ต้องการ น่าเสียดายที่มันจะต้องใช้เวลามากพอสมควรเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน และตอนนี้ยังห่างไกลไปจากระดับนั้นอีกมาก…”
ว่านอู๋เริ่นถอนหายใจยาวพลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมา แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องใช้เวลาถึงห้าปีเต็มเพื่อทำความเข้าใจในระดับเบื้องต้น สำหรับพรสวรรค์ของฉินอวี้โม่ แม้จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขา การที่จะบรรลุความเข้าใจในเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนภายในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้
จากนั้นว่านอู๋เริ่นก็คลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนร่างของเขาจะจางหายไปในอากาศ…
ณ เรือนที่พักของเถาเซี่ยวเซี่ยว ฉินอวี้โม่นั่งลงในลานกว้างพลางคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน
การที่ทำให้บุปผาและต้นไม้เหล่านั้นรู้สึกคล้อยตามและไม่ต่อต้าน ทว่ายังสามารถรักษาระดับการรับรู้เดิมโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดและบางทีก็อาจจะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกมันเช่นกัน เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนช่างเป็นเคล็ดวิชาที่ลึกลับพิศวงอย่างที่สุด
“ท่านแม่ อย่าเพิ่งปวดหัวไปกับการคิดวิเคราะห์ในสิ่งที่ไม่เข้าใจเลย ถึงอย่างไรในอนาคต ท่านตาว่านก็จะทำการชี้แนะให้กับท่านอีกมาก หรือบางทีท่านอาจจะตระหนักถึงบางอย่างในระหว่างนี้เอง ในเมื่อยังคิดไม่ออก ต่อให้ดึงดันที่จะทำความเข้าใจต่อไป ท่านก็คงต้องพบกับทางตันและมีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิตไปเสียเปล่า”
เสียงของหานอวี้ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ก่อนร่างของมันจะปรากฏกายตรงหน้า
รูปลักษณ์ภายนอกของหานอวี้ยังคงเหมือนเดิม ทว่าคลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็แกร่งกล้ากว่าก่อนมาก เพียงปรากฏกาย มันก็เต็มไปด้วยแรงกดดันของราชันผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งด้อยไปกว่าซิวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มังกรน้อยเพิ่งออกจากการจำศีลครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อนและตอนนี้มีพลังการต่อสู้ที่พัฒนาขึ้นมาก ต่อให้ต้องประจันหน้ากับยอดฝีมือมนุษย์ในขอบเขตเทวราชขั้นสูงสุด มันก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย และยอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเทวราชขั้นสูงสุดก็อาจจะถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ในขอบเขตมหาเทวะ มันก็ยังสามารถรับมือได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใดที่สายเลือดของมันถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของมันก็จะบรรลุถึงระดับสูงสุด
เนื่องจากทราบว่าฉินอวี้โม่เป็นกังวลกับเรื่องนี้ มันจึงออกมาพูดคุยกับนางเพื่อให้นางผ่อนคลาย
ถึงแม้จะเผชิญกับเรื่องราวมากมายในอดีต มังกรน้อยหานอวี้ก็ยังคงมีชีวิตชีวา ร่าเริง มองโลกในแง่ดีและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าการปรากฏกายของมันมีอิทธิพลต่อผู้ที่อยู่รอบตัวและคลายความกดดันให้ฉินอวี้โม่ได้เป็นอย่างมาก
“เสี่ยวอวี้ ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ใกล้ที่จะตามพี่ซิวและพี่มารยาของเจ้าทันแล้ว”
ฉินอวี้โม่ลูบศีรษะของหานอวี้ในร่างเด็กหนุ่มซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี สำหรับฉินอวี้โม่ หานอวี้ยังคงเป็นบุตรชายตัวน้อยในสายตาของนางเสมอ
นับตั้งแต่พบกับหานอวี้ครั้งแรก มันก็ยืนกรานที่จะเรียกนางว่าท่านแม่และความรู้สึกที่มันมีต่อนางก็แตกต่างไปจากซิว มารยาและอสูรอื่น ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ ความรักที่เต็มเปี่ยมในแววตาของมันก็ยังคงปรากฏอย่างชัดเจน
“ยังห่างไกลไปอีกมากนัก พี่ซิวเป็นถึงเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้ข้าปลุกสายเลือดได้อย่างสมบูรณ์ ข้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของพี่ซิว ส่วนพี่มารยาก็สืบทอดพลังของราชินีเหมันต์มาแล้วและในอนาคตก็มีโอกาสที่จะครอบครองพลังของราชินีเหมันต์ได้อย่างเต็มร้อย ข้าเทียบกับพี่มารยาไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จของพี่มารยาในด้านการวางข่ายอาคมก็เป็นสิ่งที่ข้าหวาดหวั่นนัก”
หานอวี้นั่งลงข้างฉินอวี้โม่และกล่าวถึงข้อเท็จจริงด้วยรอยยิ้มร่าเริง สำหรับมัน มิใช่เรื่องสำคัญว่าจะเอาชนะมารยาและซิวได้หรือไม่ ถึงอย่างไรมันก็ไม่เคยมองว่าทั้งสองเป็นคู่ต่อสู้แต่อย่างใด มันเพียงต้องการเป็นบุตรชายต่างเผ่าพันธุ์ของฉินอวี้โม่และติดตามนางตลอดไป สำหรับชีวิตของมัน การได้ต่อสู้และคอยช่วยเหลือฉินอวี้โม่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากได้พบกับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ในอนาคต ในฐานะพี่ชาย มันก็จะปกป้องเด็กน้อยทั้งสองอย่างสุดฝีมือ !
“เสี่ยวอวี้ ตอนนี้เจ้าก็ปลุกพลังของสายเลือดได้มากแล้ว เจ้าได้รับความทรงจำจากอดีตกลับคืนมาบ้างรึไม่ ? เจ้าคิดถึงพ่อแม่ของเจ้าบ้างรึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่นึกบางอย่างขึ้นได้และเอ่ยถามออกไป สถานการณ์ของหานอวี้คล้ายคลึงกับซิว ตราบใดที่ปลุกพลังของสายเลือดขึ้นมาได้ ความทรงจำในอดีตก็จะค่อย ๆ กลับคืนมา เพราะเหตุนั้น มันอาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดาที่แท้จริงของมันแล้ว
“ท่านแม่พูดเรื่องอะไรกัน ? แม่ของข้าก็คือท่าน ข้าจะมีพ่อแม่ที่ไหนอีก ?”
หานอวี้มองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาสงสัยและไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงถามเช่นนี้
แม้ความทรงจำบางส่วนจะกลับคืนมาแล้ว หานอวี้ก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบิดามารดาที่แท้จริง สำหรับมัน บิดามารดาของมันก็คือฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ เพราะตั้งแต่แรกที่มันฟักออกมาจากเปลือกไข่ มันก็ได้พบกับฉินอวี้โม่และกลายเป็นอสูรพันธสัญญาของนาง ในหัวใจของหานอวี้ ทั้งสองคือบิดามารดาของมันเท่านั้นและไม่มีความผูกพันใด ๆ กับสมาชิกจากเผ่ามังกร
“เจ้าโง่เอ๋ย สงสัยนายหญิงคงจะคิดถึงนายตัวน้อยทั้งสองเป็นแน่ นางจึงได้เอ่ยถามเช่นนั้นขึ้นมา”
จู่ ๆ บุปผาแห่งความมืดซึ่งนิ่งเงียบมานานก็กล่าวออกไปอย่างอดไม่ได้ มันก็คิดถึงนายตัวน้อยทั้งสองมาก
หลังจากแยกจากกันเป็นเวลานาน มิอาจคาดเดาได้เลยว่าทั้งสองจะสูงขึ้นหรือเติบโตขึ้นเพียงใด มิอาจทราบได้เลยว่าทั้งสองจะคิดถึงพวกมันเช่นกันหรือไม่…