คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 13 กองทหารรับจ้างชื่อเหยียน
ภายในบึงสายหมอก ณ จุดจุดหนึ่งที่มีหมอกบางเบา กลุ่มบุรุษในชุดรัดกุมกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงสนทนากันอยู่อย่างเคร่งเครียด ไม่ทราบเช่นกันว่าพวกเขากำลังหารือกันในเรื่องใด
ฉินอวี้โม่ติดตามหานโม่ฉือและหลินจิ้งหงมาเรื่อยๆ จนล่วงเข้ามาถึงยังจุดที่กลุ่มหมอกเบาบาง หญิงสาวมองเห็นเงาร่างเลือนรางของคนจำนวนหนึ่งและแว่วเสียงคนกลุ่มนั้นพูดคุยกันในม่านหมอก เมื่อภาพปรากฏชัดสิ่งที่สาวน้อยอดีตคุณหนูมองเห็นก็คือเหล่าบุรุษชุดรัดกุม
เมื่อร่างของหนึ่งสตรีงดงามและสองบุรุษท่าทางสูงส่งปรากฏสู่สายตาของกลุ่มคนชุดรัดกุม พวกเขาทั้งหมดก็หยุดบทสนทนาและจ้องมองมาในทันที
“ไปกันเถอะ”
เนื่องจากไม่ต้องการข้องเกี่ยวและไม่อยากเสียเวลาในการทำภารกิจ หานโม่ฉือจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา วาจาเพียงไม่กี่พยางค์ของเขาบ่งบอกเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าต้องการเร่งเร้าให้สหายทั้งสองไปต่อ เขา หลินจิ้งหงพร้อมด้วยฉินอวี้โม่ ทั้งสามคนจึงเดินตัดผ่านเหล่าบุรุษชุดรัดกุมกลุ่มนั้นไปเงียบๆ
“ท่านทั้งสามโปรดหยุดก่อน”
เป็นตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มส่งเสียงขึ้น เขาร้องเรียกพวกเขาทั้งสามพลางเดินตรงเข้ามาหา
ชายผู้นี้นับว่ามีรูปลักษณ์งดงาม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เขามีอายุประมาณยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้า ดูไปแล้วก็น่าจะเป็นคนดีที่น่าคบหาผู้หนึ่ง
“มีปัญหาอะไรหรือ?”
หลินจิ้งหงเอ่ยปากถามเสียงนุ่มนวล บนใบหน้าสุภาพยังคงประดับด้วยรอยยิ้มใจดี ทว่าหากตั้งใจฟังให้ดีๆ จะทราบได้ว่าน้ำเสียงของเขาเจือแววแห่งความยุ่งยากใจอยู่ไม่น้อย
“ขออภัยทุกท่านที่รบกวน ข้าน้อยคือหัวหน้าของ ‘กองทหารรับจ้างชื่อเหยียน’ มีนามว่าชื่อเซียว และคนเหล่านี้ก็คือสมาชิกของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนของพวกเรา”
บุรุษผู้มีนามว่า ชื่อเซียว แย้มยิ้มเป็นมิตรและแนะนำตัวอย่างสุภาพ
“อืม เข้าใจแล้ว”
หลินจิ้งหงเอ่ยคำตอบรับ เขาพยักหน้าและหยุดเพียงเท่านั้นโดยไม่แนะนำตัวกลับตามมารยาท และถ้าหากสังเกตให้ดีๆ จะเห็นได้ว่ารอยยิ้มบนหน้าคุณชายแซ่หลินจืดจางลงไปไม่น้อย
“เอ่อ…”
คำตอบแบบห้วนๆ ของหลินจิ้งหงทำให้ชื่อเซียวหน้าเสีย เขาถึงกับชะงักงันไปชั่วครู่เพราะไม่ทราบว่าควรจะกล่าวต่อไปอย่างไร
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกข้าขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นชื่อเซียวไม่พูดสิ่งใดต่อ หลินจิ้งหงก็เอ่ยตัดบทและเตรียมจะเดินทางต่อไป
แน่นอนว่าหลินจิ้งหงรู้จักกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน ความแข็งแกร่งของพวกเขานับว่าไม่ธรรมดา และตอนนี้กองทหารรับจ้างกลุ่มนี้ก็ถูกจัดอยู่ใน ‘ระดับหนึ่ง’ แล้วด้วย
ภายในดินแดนแห่งนี้ กลุ่มทหารรับจ้างนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายกลุ่ม ทว่ากลับมีกลุ่มของทหารรับจ้างที่อยู่ในระดับหนึ่งเพียงสามกลุ่มเท่านั้น ซึ่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนนี้ก็เป็นหนึ่งในสามกลุ่มนั้น
การจะขึ้นเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับหนึ่งได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่สมาคมทหารรับจ้างกำหนดไว้อย่างครบถ้วน และจะต้องผ่านการทดสอบอันเข้มข้นมากมายตามที่สมาคมจัดไว้ด้วย ดังนั้นการที่กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนสามารถผ่านข้อกำหนดเหล่านั้นของทางสมาคมและถูกจัดเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับหนึ่ง ก็ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความแกร่งแข็งที่ยอดเยี่ยมมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม หลินจิ้งหงก็ยังไม่เห็นว่ามีจะเหตุผลใดที่ทำให้เขาและสหายต้องยอมเสียเวลาสนทนากับคนกลุ่มนี้
“สหายทั้งสาม ท่านมาที่นี่เพื่อค้นหายูนิคอร์นสีนิลอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
เนื่องจากต้องก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของผู้นำกลุ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ชื่อเซียวจึงมีประสบการณ์ผ่านโลกมามากพอสมควร ถึงแม้ว่าคำพูดของหลินจิ้งหงจะทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้เขาเสียความตั้งใจ
“ถ้าใช่แล้วมีอะไร แล้วถ้าไม่ใช่แล้วมีอะไร?”
หลินจิ้งหงหันมองชื่อเซียวเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะยิ้มให้กว้างขึ้นแล้วเอ่ยตอบกลับไปด้วยคำถาม
“ฮา ถ้าคำตอบคือใช่ เช่นนั้น ข้าก็มีข่าวจะมาบอกท่านทั้งสาม และข้าก็อยากจะหารืออะไรบางอย่างกับพวกท่านด้วย”
ชื่อเซียวยิ้มเป็นมิตร เขาไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับคำพูดของหลินจิ้งหงเลยแม้แต่น้อย
แค่เห็นหลินจิ้งหงและหานโม่ฉือ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าบุรุษสองคนนี้ไม่ธรรมดา
กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนของพวกเขาไม่ได้ประจำอยู่ที่เมืองหลิงซี สำหรับภารกิจที่ต้องมายังบึงสายหมอกในครั้งนี้ก็เป็นงานที่ถูกผู้อื่นจ้างวานมา
และเป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้ก็มิใช่สิ่งใดอื่น มันคือ ยูนิคอร์นสีนิล อสูรมายาผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งบึงหมอกหนาและป้าพรุน่ากลัวแห่งนี้ ทว่าหลังจากค้นหาที่อยู่ของเจ้ายูนิคอร์นสีนิลตัวนั้นจนพบแล้ว พวกเขาก็ประสบเข้ากับปัญหาใหญ่ จนต้องมานั่งจดจ่อ จับเจ่า จับเข่าคุยประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ตรงนี้
ในตอนที่พวกเขากำลังถกกันอย่างเข้มข้นอยู่นั้น หลินจิ้งหง หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็บังเอิญผ่านมาพอดี เขาเลยเกิดความคิดที่จะขอความร่วมมือจากทั้งสามคน
“เชิญพูดมา ถ้าเราเห็นว่านั่นเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พวกเราทั้งสองกลุ่มก็สามารถหารือกันต่อได้”
หลินจิ้งหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าในคำพูดนั้นก็สื่อเจตนาที่ชัดเจนว่า ‘จะไม่ยอมร่วมมือกับอีกฝ่ายง่ายๆ อย่างแน่นอน’
“พวกข้าพบถ้ำที่ยูนิคอร์นสีนิลอาศัยอยู่แล้ว แต่ติดปัญหาอยู่ที่ยูนิคอร์นสีนิลค่อนข้างฉลาด มันรวบรวมอสูรมายาระดับต่ำจนถึงระดับภูตมาช่วยคุ้มกันอยู่หน้าถ้ำ ถ้าหากว่าบุกเข้าไปปะทะตรงๆ ก็คงจะเจอปัญหาที่ยากอยู่ไม่น้อย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชื่อเซียวกล่าว หลินจิ้งหงก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เขาหันไปมองสหายผู้ร่วมภารกิจทั้งสองชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปเอ่ยถามชายหนุ่มผู้นำกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนอีกครั้ง
“แล้วที่ท่านกล่าวว่าต้องการหารือกับพวกเรา นั่นหมายถึง ท่านอยากจะให้พวกเราร่วมมือด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ฮา คุณชายช่างฉลาดจริงๆ ท่านเดาได้ถูกต้องแล้วล่ะ”
ชื่อเซียวยิ้มกว้างแล้วกล่าว “ที่พวกเรามาตามหาถ้ำที่อยู่ของยูนิคอร์นสีนิลในครั้งนี้ เป้าหมายไม่ใช่ยูนิคอร์นสีนิล แต่มาเพื่อค้นหาสิ่งของบางอย่าง ถ้าหากว่านั่นไม่ขัดกับงานของพวกท่านทั้งสาม ข้าขอเสนอแนะให้พวกเราสองกลุ่มร่วมมือกัน”
ชื่อเซียวเผยจุดประสงค์ของตนออกมาตรงๆ และตั้งหน้ารอคอยคำตอบของหลินจิ้งหงอย่างใจจดใจจ่อ
หลินจิ้งหงหันไปมอง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออีกครั้งคล้ายต้องการความคิดเห็น และเมื่อได้เห็นคนทั้งสองพยักหน้าเขาก็ตัดสินใจได้
ถ้าหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ชื่อเซียวกล่าวไว้จริง การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นผลดีสำหรับพวกเขา
ทว่าในตอนที่คุณชายหลินกำลังจะพยักหน้าตกลงยอมรับความร่วมมือและเข้าร่วมเป็นภาคีล่ายูนิคอร์นสีนิลกับกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน พวกเขาก็ได้ยินเสียงคัดค้านดังมาจากด้านหลังชื่อเซียว
เสียงนั้นแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก และก็ทำให้ใบหน้าของหลินจิ้งหงเย็นชาขึ้นมาทันที
.
.
.
(ตอนนี้ไรท์อยากจะตั้งชื่อว่า คนซื่อชื่อชื่อเซียว รีดลองอ่านซ้ำๆ เร็วๆ ดูนะคะ….รับรอง ลิ้นพันกันแน่นอนค่าาาา หยอกค่า หยอกๆ ….แหะๆ อ่านให้สนุกค่า)