คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 130 คุณแม่ลูกหนึ่ง
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงความเงียบสงัดและไร้วี่แววการตอบสนองจากใต้บึงน้ำราวกับว่าโอสถล้ำค่าเม็ดนี้ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของมังกรเกล็ดได้เลยแม้แต่น้อย
ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่คิดเช่นนั้น นางเชื่อว่าอย่างไรเจ้ามังกรไม่แท้จะต้องปรากฏตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน
มังกรเกล็ดนั้นยังไม่ถือว่าเป็นมังกรที่แท้จริง หากจะเป็นมังกรที่แท้จริงได้มันจำเป็นต้องรับการชำระล้างจากทัณฑ์อัสนีเสียก่อน ในสภาวะที่ไม่ถูกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงยอมรับและไม่อยากให้ตนเท่าเทียมกับเผ่าพันธุ์อสรพิษเช่นนี้ อย่างไรมังกรเกล็ดก็คงจะต้องการเข้าสู่การวิวัฒนาการเป็นแน่
และก็เป็นดังที่ฉินอวี้โม่คาดการณ์ หลังจากรอคอยถึงสองก้านธูป นางก็รู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นใต้ผิวน้ำ คุณหนูสี่ตระกูลฉินหันไปขยิบตาให้เสี่ยวโร่วและหลินจิ้งหง มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ในที่สุดปลาก็ติดเบ็ดแล้ว
— ตูม ! —
คลื่นน้ำปริมาณมหาศาลถาโถมเข้าใส่ฉินอวี้โม่อย่างรุนแรง ตามมาด้วยร่างใหญ่โตร่างหนึ่งที่พุ่งเข้าจู่โจมนางอย่างรวดเร็ว
หลินจิ้งหงและเสี่ยวโร่วเฝ้าดูอยู่นานแล้ว ทันทีที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเขาก็พุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่อย่างไม่ลังเล
เสี่ยวโร่วไม่สนใจคลื่นน้ำที่กำลังพุ่งเข้าโจมตี นางเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ตัวคุณหนูคนงามด้วยความเร็วสูงและทำท่าทางราวกับกำลังติดตั้งตาข่ายขนาดเล็กที่มองไม่เห็นอยู่อย่างขะมักเขม้น สาวน้อยกำลังวางข่ายอาคมมายา
ขณะที่ทางฝั่งหลินจิ้งหงปราดเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่ไกลจากสหายตระกูลฉินแล้วสร้างม่านพลังป้องกันขึ้นรอบร่างบาง เขากำลังช่วยปกป้องนางจากคลื่นน้ำมากมายที่สาดซัดเข้ามาจู่โจม
อีกด้านหนึ่ง ร่างที่พุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงโฉบเข้ามาหาฉินอวี้โม่โดยตรง มังกรเกล็ดหมายใจจะแย่งชิงขวดใส่โอสถล้ำค่าจากมือของสตรีมนุษย์ผู้รุกราน
ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของนาง อสูรน้ำระดับสูงรูปร่างกึ่งงูกึ่งมังกรก็รู้ตัวทันทีว่าติดกับดักเข้าแล้ว มังกรขี้ระแวงต้องการจะหลบหนีอย่างรวดเร็ว ทว่าในพริบตาต่อมามันก็พบว่าภาพของสถานที่อันคุ้นเคยรวมถึงทุกอย่างที่เคยอยู่รอบตัวมันหายไปจนหมดสิ้น
มังกรผู้แตกตื่นไม่ทราบเลยว่าตอนนี้ตัวมันอยู่ที่ไหน
ร่างของฉินอวี้โม่ทะยานถอยหลังออกมา ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเจ้ามังกรเกล็ดกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศอย่างเลื่อนลอย คาดว่าตอนนี้มันคงจะถูกภาพมายาจากข่ายอาคมของเสี่ยวโร่วทำให้งุนงงไร้สติ
ฉินอวี้โม่หันหน้าไปมองหลินจิ้งหง ทั้งสองเตรียมใช้นภายุทธ์ของตนอย่างไม่ลังเล นี่อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวแล้ว ดังนั้นคนทั้งคู่จะต้องเผด็จศึกเจ้ามังกรเกล็ดในกระบวนท่าเดียว !
— ปัง ! —
— ตูม ! —
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นพร้อมกันสองเสียง นภายุทธ์ของฉินอวี้โม่และหลินจิ้งหงกระแทกเข้าใส่มังกรเกล็ดอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันหยดน้ำปริมาณมหาศาลก็สาดกระเซ็นสูงลิบเพราะคลื่นสะท้อนจากพลังทั้งสองส่งผลกระทบลงไปถึงผืนน้ำที่อยู่เบื้องล่าง
ร่างใหญ่ยาวของมังกรเกล็ดที่อยู่กลางอากาศถูกพลังรุนแรงกระแทกเข้าใส่และกระเด็นไปตกตรงพื้นหญ้าข้างบึง หยดเลือดจำนวนหนึ่งไหลออกมาจากปากยาว ๆ ของเจ้ามังกร สภาพของมันในตอนนี้ดูน่าอนาถยิ่งนัก
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำช้า !”
ในตอนที่เจ้ามังกรมีเกล็ดหลุดจากมนตร์สะกดของข่ายอาคม การโจมตีของฉินอวี้โม่และหลินจิ้งหงก็พุ่งมาถึงร่างของมันพอดี ทว่ามังกรผู้มีไหวพริบก็รีบสร้างม่านพลังป้องกันขึ้นได้ทัน
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และหลินจิ้งหงก็ไม่ใช่อ่อนด้อย แม้ว่ามันอาจจะต้านการโจมตีนั้นได้ทัน แต่การที่ต้องรับมือการโจมตีอันรุนแรงจากสองฝั่งในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้มังกรเกล็ดได้รับบาดเจ็บอย่างหนักอยู่ดี ตอนนี้เจ้ามังกรกึ่งงูนอนแน่นิ่งกองเป็นซากอยู่บนพื้น
ฉินอวี้โม่ หลินจิ้งหง และเสี่ยวโร่วยืนประจันหน้ากันและดักทางหนีของเจ้ามังกรเกล็ดที่อยู่บนพื้น เท่านั้นยังไม่พอคุณหนูตระกูลฉินยังเรียกอสูรในสังกัดของตัวเองทั้งหมดออกมาช่วยล้อมตัวอสูรระดับสูงที่นอนราบคาบเอาไว้ด้วย ยามนี้เจ้ามังกรเกล็ดไม่เหลือช่องทางให้หนีไปไหนได้อีกแล้ว
“มังกรเกล็ด เรามาที่นี่เพื่อสาหร่ายเท่านั้น พวกเราไม่ต้องการทำร้ายเจ้า ขอเพียงเจ้ายอมส่งสาหร่ายมา พวกเราก็จะไม่ทำอะไรเจ้า”
ฉินอวี้โม่มองมังกรเกล็ดแล้วกล่าว พวกนางไม่ได้มีเจตนาจะสังหารมังกรตัวนี้ ตรงกันข้ามนางอยากให้อสูรทรงพลังและภูมิปัญญาอย่างมันมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า สิ่งที่นางต้องการคือสาหร่ายใต้น้ำที่มันเฝ้าอยู่เพื่อจบภารกิจ
กล่าวด้วยความสัตย์จริงนางอาจจะลงมือกับมันไปบ้างแต่อย่างมากนางก็แค่ต้องการจะสยบมันก็เท่านั้น
“ฝันไปเถอะ !”
ทันใดนั้น ไม่ทราบเช่นกันว่าเจ้ามังกรเกล็ดหยิบมันออกมาจากที่ใด ทว่าตอนนี้ที่ว่างข้างปากของมันกลับมีสมุนไพรรูปร่างคล้ายสาหร่ายวางอยู่ มังกรเกล็ดผู้รู้ทันมนุษย์กำลังจะกลืนสาหร่ายนั่นลงท้องไป
ที่แท้ก็เป็นเพราะมังกรเกล็ดรับรู้ได้ถึงอันตรายและความเสี่ยงอยู่แต่แรก ดังนั้นมันจึงดึงเอาสาหร่ายทั้งหมดมาจากถ้ำก้นบึง ถ้าหากว่ามีอันตรายเกิดขึ้น มันก็ตั้งใจจะกินสาหร่ายนั่นเข้าไปแล้วระเบิดตัวเองตาย มังกรผู้ทะนงในศักดิ์ศรีจะไม่มีวันยอมให้พวกมนุษย์น่าทุเรศเหล่านี้ได้สมหวังเป็นอันขาด
“ช้าก่อน !”
แม้ว่าฉินอวี้โม่จะไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เจ้ามังกรเกล็ดนำออกมาคืออะไร แต่นางก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยาก พืชสีเขียว ๆ นี้ก็คงจะเป็นสาหร่ายเจ้าปัญหาซึ่งเป็นสิ่งของในภารกิจที่พวกนางต้องนำกลับไปให้ได้ ถ้าหากว่ามังกรเกล็ดกินมันเข้าไป ภารกิจนี้ก็จะต้องล้มเหลว
“มนุษย์ หากว่าข้ากินสาหร่ายนี่แล้วยอมระเบิดตัวเองตายไปซะ พวกเราก็จะไม่ได้อะไร !”
มังกรเกล็ดจ้องมองฉินอวี้โม่และอ้าปากจะกินมันอีกครั้ง
“มังกรเกล็ด ข้าว่าพวกเรามาเจรจากันดี ๆ จะดีกว่า เจ้าคิดเห็นอย่างไรหากข้าจะขอแลกโอสถของข้ากับสาหร่ายของเจ้า หากเจ้ายอมตกลง เมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าอยู่อย่างสงบไม่มารบกวนอีก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและพยายามต่อรองกับมังกรผู้คิดจะพลีชีพ
เนื้อหาในภารกิจนั้นมีจุดที่ผิดเพี้ยนอยู่บ้าง แท้จริงแล้วเจ้ามังกรตัวนี้ไม่ได้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เพียงแต่มันฉลาดเป็นกรด รู้เท่าทันศัตรู อีกทั้งยังมีไหวพริบดีมาก ถ้าหากไม่หาวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมเจ้ามังกรมีปัญญา เห็นทีว่าครั้งนี้พวกนางคงไม่มีทางได้สาหร่ายเจ้าปัญหานั่นมาแน่
เมื่อได้ฟังข้อเสนอดังกล่าว มังกรเกล็ดก็ดูจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองสตรีมนุษย์ที่กำลังเจรจาต่อรองกับมันแล้วส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น
“บรรพชนของข้ากล่าวว่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไว้ใจไม่ได้ อย่าได้คิดเอาสิ่งใดมาต่อรอง เพราะข้าไม่มีวันไม่เชื่อน้ำคำเจ้าหรอก !”
กล่าวจบอสูรกึ่งงูกึ่งมังกรก็เตรียมที่จะกินสาหร่ายอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทีไม่ยินยอมของมังกรเกล็ด ทั้งฉินอวี้โม่และหลินจิ้งหงก็ขมวดคิ้ว ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาจะคิดทำสิ่งใดก็ถือว่าเปล่าประโยชน์ มันสายเกินไปแล้ว แม้ว่ามังกรเกล็ดจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่มันก็ยังมีแรงเหลือเฟือ ถ้ามันไม่ยินยอมจะมอบสาหร่ายมาให้พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ผู้ร่วมภารกิจทั้งสามจึงได้แต่ทำใจว่า อย่างไรภารกิจในวันนี้ของพวกเขาก็จะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
“อ้าาา~ หลับสบายจริง ๆ เล้ย”
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังยืนสิ้นหวังมองดูมังกรเกล็ดกลืนสาหร่ายลงท้องไปอยู่นั้น จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงป้อแป้เล็ก ๆ ดังขึ้น
ทันใดนั้นเด็กผู้ชายตัวเล็กอายุราว ๆ สองถึงสามขวบก็ปรากฏตัวในอ้อมแขนของฉินอวี้โม่ ไม่น่าเชื่อว่าในเวลานี้เจ้ามังกรเกล็ดผู้ยึดคติยอมพลีชีพดีกว่ายอมให้ศัตรูได้ผลประโยชน์กลับแข็งค้างและหยุดชะงักไปในฉับพลัน ใบหน้าของมันราวกับกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างจนไม่สามารถขยับตัวได้
“แม่จ๋า !”
ยังไม่ทันที่ฉินอวี้โม่จะได้ตอบสนอง เด็กชายในอ้อมกอดก็หอมแก้มของนางฟอดใหญ่ ก่อนจะกอดซบไหล่บางอย่างออดอ้อน เด็กชายผู้นี้เรียกขานฉินอวี้โม่ว่าแม่อย่างเต็มปากเต็มคำ
“ไม่จริง ! ฉินอวี้โม่ เจ้ามีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?!”
หลินจิ้งหงผงะไป เขามองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาตกตะลึง
“จะ เจ้า เจ้ากับโม่ฉือ…มันจะไวเกินไปแล้ว !”
ฉินอวี้โม่ได้สติกลับมาเมื่อได้ยินวาจาของหลินจิ้งหง นางส่งสายตาเขียวปั้ดไปให้สหายคุณชายช่างจินตนาการแทนคำดุด่าทันที
“เจ้าคือมังกรทองห้าเล็บอย่างนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่มองเด็กชายตัวน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำที่ดูน่ารักน่าชังในอ้อมแขนแล้วเอ่ยถาม นางอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มยุ้ย ๆ ของเขาไปหนึ่งทีอย่างมันเขี้ยว
“ฮ่า ๆ ท่านแม่จำข้าได้ด้วย”
มังกรทองห้าเล็บในร่างเด็กชายหัวเราะเสียงใส ดวงตาสุกใสไร้เดียงสาที่กลมโตอย่างน่ารักทั้งสองข้างฉายแววแห่งความสุขอันเปี่ยมล้น
“เหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงออกมาได้ล่ะ ?”
ก่อนหน้านี้มังกรทองห้าเล็บมักจะนอนคลอเคลียอยู่บนไหล่นายหญิงที่มันทึกทักว่าเป็นมารดาเพราะมันไม่สามารถจำแลงร่างมนุษย์ได้และต้องการจะอยู่ใกล้ตัวนาง ทว่าในคราก่อนที่ฉินอวี้โม่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมายาบรรพชน เจ้ามังกรทองห้าเล็บก็เข้าสู่วิวัฒนาการเปลี่ยนกลับไปเป็นไข่ นางจึงส่งมันเข้าไปอยู่ในมิติเชื่อมอสูร
หลังจากนั้นเจ้าตัวเล็กที่กลายเป็นไข่ไปแล้วก็นิ่งเงียบอยู่นาน ซึ่งในระหว่างนั้นคุณหนูตระกูลฉินก็ไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใดได้เลย ไม่คิดเลยว่าวันนี้มันจะปรากฏกายออกมาเองและยังมีรูปลักษณ์ที่น่ารักเช่นนี้
“การวิวัฒนาการครั้งแรกของข้าสำเร็จแล้ว การอยู่ในที่มืด ๆ นั่นก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ พี่ซิวบอกว่าท่านแม่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ข้าเลยออกมาช่วย”
มังกรทองห้าเล็บกล่าวก่อนจะฉีกยิ้มแป้น มังกรน้อยในร่างเด็กสองขวบยื่นมือไปจับผมของฉินอวี้โม่เล่นเพราะเห็นว่ามันนุ่ม ๆ ลื่น ๆ น่าสนุกดี
“สำเร็จการวิวัฒนาการครั้งแรก ?”
ฉินอวี้โม่มองมังกรทองห้าเล็บอย่างพิจารณา นางสัมผัสได้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก จากการสำรวจคร่าว ๆ ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าตัวน้อยไม่ได้ด้อยไปกว่าอสูรสวรรค์เลย …นี่นับว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ใช่ ข้าดูดซับพลังมากมายตอนที่ท่านแม่ทะลวงพลัง พอมีพลังมากพอจะวิวัฒนาการได้ ข้าก็เลยเข้าไปนอนหลับอยู่ในไข่ แล้วก็เพิ่งจะตื่นเมื่อครู่ ตอนตื่นมาก็อยู่ในที่มืด ๆ นั่นแล้ว ตอนข้ากำลังเบื่อ ๆ อยู่พี่ซิวก็บอกให้ข้าออกมาช่วยท่านจัดการกับเจ้านั่น”
มังกรทองห้าเล็บอธิบายก่อนจะพยักพเยิดไปทางมังกรเกล็ดที่นอนราบอยู่
ฉินอวี้โม่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะกลับไปขมวดคิ้วแน่น “ว่าแต่ เจ้าเลิกเรียกข้าว่าแม่ได้หรือไม่ ? ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า”
ทว่าอดีตนักฆ่าสาวก็ต้องตกใจอย่างทำสิ่งใดไม่ถูกเพราะเมื่อสิ้นเสียงของนาง เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนก็หน้าซีดสลดในทันที ปากเล็ก ๆ เริ่มเบะลึก ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้าราวกับมันกำลังจะเริ่มร้องไห้ อย่างไรก็ตาม มังกรน้อยเป็นลูกผู้ชายเลือดนักสู้มันจึงอดกลั้นเอาไว้ก่อนจะเอ่ยวาจา
“ท่านแม่ไม่ต้องการข้าแล้วเหรอ ? ข้าสัญญาว่าข้าจะเชื่อฟังท่าน ไม่ดื้อไม่ซน ไม่ก่อปัญหา ยิ่งกว่านั้นข้าจะช่วยจัดการเจ้าตัวร้ายนี่เอง ท่านแม่อย่างทิ้งข้าเลยนะ”
เมื่อได้ยินวาจาบวกกับเห็นสีหน้าของมังกรเกล็ดทองที่กำลังจะร้องไห้ ฉินอวี้โม่ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา นางไม่ใช่แม่ของมันตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางไม่รู้จะอธิบายให้เจ้าตัวเล็กนี่เข้าใจอย่างไรดี
“ในตอนที่ข้าเกิด ข้าก็เห็นท่านแม่อยู่ข้าง ๆ ถ้าท่านไม่ใช่แม่ข้าแล้วแม่ข้าจะเป็นใครได้ล่ะ ?”
มังกรน้อยในร่างเด็กชายตัดพ้อ มันพยายามฝืนทน แต่ความโศกเศร้าไม่เป็นใจสักนิด ยามนี้น้ำตาที่คลออยู่ก็ใกล้จะหยดแหมะลงมาเต็มที
หลังจากผ่านการวิวัฒนาการครั้งที่หนึ่งแล้ว สติปัญญาของเจ้ามังกรทองห้าเล็บก็สูงขึ้น มันพูดได้ จำแลงร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสติปัญญาจะสูงขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์ที่มีอายุเพียงสามสี่ขวบ ดังนั้นการจะอธิบายให้มังกรตัวน้อยเข้าใจถึงหลักความเป็นจริงได้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉินอวี้โม่ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวสิ่งใดดี เมื่อได้เห็นสีหน้าของเด็กชายตัวจ้อยในอ้อมแขน ประกอบกับที่ทั้งเสี่ยวโร่ว ทั้งบุรุษตระกูลหลินขยิบตาให้นาง อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูก็หมดทางเลือก
“แน่นอนว่าข้าต้องการเจ้า เจ้าคือลูกของข้าไม่ใช่หรือ แล้วข้าจะทิ้งเจ้าได้อย่างไร ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างจนใจ นางทำได้เพียงปลอบใจเจ้าตัวน้อยนี่เท่านั้น
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าแม่ของข้าไม่ทิ้งข้าหรอก”
เจ้าตัวน้อยยิ้มแป้นจนตาหยี ลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างนั้นดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
เหงื่อกาฬบนใบหน้านวลของฉินอวี้โม่ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางเกือบทำให้เด็กชายตัวน้อยร้องไห้ออกมาแล้ว เมื่อเหลือบไปเห็นหลินจิ้งหงและเสี่ยวโร่วที่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ คุณหนูตระกูลฉินก็ส่งสายตาคาดโทษให้คนทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม เวลานี้นางได้กลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งไปแล้ว แถมลูกของนางยังเป็นลูกชายที่ไม่ใช่มนุษย์อีกด้วย
“ท่านแม่ เจ้าตัวใหญ่นี่รังแกท่านอย่างนั้นหรือ ?”
มังกรทองห้าเล็บมีความสุขเป็นอย่างมาก มันมองไปรอบกายผู้ที่มันคิดว่าเป็นมารดาก่อนดวงตากลมโตจะหยุดลงที่ร่างของมังกรเกล็ดซึ่งกองอยู่บนพื้น
“ไม่ มันไม่ได้รังแกข้าหรอก ข้าแค่อยากได้สาหร่ายของมันเท่านั้น แต่มันไม่ยอมให้ข้า”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะ วาจาเช่นนั้นน่าขำอยู่ไม่น้อย เพราะจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายของนางต่างหากที่กำลังรังแกเจ้ามังกรตัวยักษ์ สภาพของมังกรเกล็ดในตอนนี้จะไปรังแกผู้ใดได้
“อย่างนั้นรึ ?”
เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของฉินอวี้โม่ ร่างเล็ก ๆ ลอยเข้าไปอยู่ในระดับสายตาของมังกรเกล็ดผู้กำลังแข็งค้าง
“สวัสดี เจ้าตัวโต แม่ของข้าอยากจะได้สาหร่ายของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่มอบมันให้แม่ข้าล่ะ ?”
ตั้งแต่ตอนที่มังกรทองห้าเล็บปรากฏตัว มังกรเกล็ดก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง มันเป็นแรงกดดันเฉพาะของเผ่าพันธุ์มังกรที่ซึ่งมังกรแท้จริงเท่านั้นจะมีได้ ที่สำคัญแรงกดดันนี้ทำให้มังกรเกล็ดรู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง
เด็กน้อยตรงหน้ามันมองอย่างไรก็อายุไม่เกินสามปี ทว่ากลับมีแรงกดดันที่รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว แสดงว่ามันจะต้องเป็นมังกรในระดับสูงมากอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นอายุเท่านี้ก็จำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ นั่นก็หมายความว่าไม่เพียงแต่เป็นมังกรระดับสูงแต่ยังมีพรสวรรค์สูงส่งอีกด้วย
เรื่องเช่นนี้ทำให้มังกรเกล็ดงุนงงเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าสตรีมนุษย์ตรงหน้าจะครอบครองอสูรระดับสูงที่แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้อยู่ด้วย
“ข้าไม่กล้าหรอก ข้าก็แค่ล้อแม่ของเจ้าเล่นเท่านั้น ถ้านางต้องการมัน ข้าจะไม่มอบให้ได้อย่างไร”
เมื่อมันได้ยินคำถามของหนูน้อยมังกรจำแลงตรงหน้า เจ้ามังกรมีเกล็ดก็พยายามแย้มรอยยิ้มใจดี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันแสนรุนแรงเช่นนี้ แม้แต่จะกล่าววาจาก็ยังลำบากเหลือล้น ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะต่อสู้เลย ตอนนี้มังกรไม่แท้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างแท้จริง
“เข้าใจแล้ว”
มังกรทองห้าเล็บนั้นนับว่ายังเยาว์วัยมากนัก อย่างไรเด็กก็คือเด็กอยู่วันยันค่ำ เมื่อมังกรเกล็ดพูดเช่นนั้นมันก็เชื่อในทันที
“ท่านแม่ เจ้าตัวโตนี่บอกว่ามันแค่ล้อท่านเล่น ท่านมาเอาสาหร่ายไปได้เลย”
มังกรทองห้าเล็บโบกมือให้ฉินอวี้โม่และเรียกให้นางเข้ามาเอาสาหร่ายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ฉินอวี้โม่เกิดอาการหมดคำพูดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มังกรเกล็ดยังหัวแข็งยอมตายเสียดีกว่ายอมแพ้อยู่เลย เหตุใดท่าทีของมันถึงได้ดูอ่อนยวบลงมาได้ในพริบตาเช่นนี้
ฉินอวี้โม่เดินเข้ามาหามังกรเกล็ดและหยิบเอาสมุนไพรตรงหน้ามันไป
คราแรกมังกรเกล็ดก็มีท่าทีลังเลอยู่บ้าง ทว่าเมื่อมองดูเจ้าหนูมังกรตัวจ้ำม่ำตาใสแจ๋วแล้ว มันก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเอาสาหร่ายไปอย่างว่าง่าย
ต้องบอกเลยว่าแรงกดดันของมังกรทองห้าเล็บช่างหนักหน่วงยิ่งนัก แม้จะเป็นเพียงมังกรเด็กน้อย แต่มังกรเกล็ดตัวเต็มวัยอย่างมันก็ยังไร้กำลังและหนทางที่จะต่อต้านได้
.