คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 1303 จุดประสงค์ของตระกูลฉิน
เมื่อทราบว่าเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ปลอดภัยดี อีกทั้งยังพัฒนาเติบโตขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อวี้โม่ ไม่ต้องกังวลล่ะ ท่านป้าและท่านลุงของเรารักเด็กน้อยทั้งสองมาก และถึงขั้นอยากจะรับเลี้ยงเป็นหลานบุญธรรมเชียวล่ะ”
ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด เพียงมองใบหน้าของฉินอวี้โม่ หลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่ก็รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคิดไปว่าคงเป็นเพราะเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ที่ทำให้พวกตนรู้สึกเช่นนี้และไม่คิดสิ่งใดมากนัก
“ข้าเองก็ซาบซึ้งที่เด็ก ๆ มีผู้อาวุโสทั้งสองท่านที่คอยช่วยปกป้องเจ้าค่ะ หากท่านป้าและท่านลุงต้องการเช่นนั้น แน่นอนว่าข้าก็ไม่ขัดข้อง”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร แม้ไม่เคยพบหน้า ‘ท่านลุงและท่านป้า’ ที่กล่าวถึง เพียงได้ฟังจากมุมมองของหลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่ นางก็พอจะทราบได้ว่าฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่าคงจะเป็นคนดีและเข้าถึงได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งรักและเอ็นดูสองพี่น้องฝาแฝดยิ่งนัก ต่อให้ผู้อาวุโสทั้งสองมิใช่จอมยุทธ์ที่แกร่งกล้าและมีความสามารถเพียงในระดับธรรมดา ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธความปรารถนาของพวกเขา
“ก่อนหน้านี้ ท่านป้ากังวลว่าอวี้โม่อาจจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เห็นทีนางจะคิดมากเกินไปเอง”
หลินหว่านหว่านเผยรอยยิ้มกว้างและจับมือฉินอวี้โม่อย่างอ่อนโยนพลางคิดในใจ คิดไว้ไม่มีผิด ผู้ที่เป็นมารดาของอ้ายฉือและอ้ายโม่ไม่มีทางเป็นสตรีธรรมดา ๆ ไปได้
“จะว่าไปแล้ว…สามีของเจ้าอยู่ที่ใดเล่า ?”
เนื่องจากไม่เห็นแม้แต่เงาของหานโม่ฉือ หลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่จึงอดเอ่ยถามด้วยความกังวลไม่ได้
“สามีของข้ายังติดธุระที่สำคัญบางอย่างจึงไม่ได้มากับข้าในครานี้ ทว่าเขาจะตามมาสมทบกับพวกเราในไม่ช้าอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบโดยไม่อธิบายสิ่งใดมากจนเกินไป ถึงอย่างไร สำหรับเรื่องที่หานโม่ฉือสืบเชื้อสายของจ้าวแห่งโลกปีศาจ มันก็เป็นความลับที่นางไม่ควรจะเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ แม้สัมผัสได้ว่าทั้งหลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่เป็นคนดีและสามารถไว้วางใจได้ นางก็เลือกที่จะปิดบังไว้ก่อนชั่วคราว
จากนั้นพวกนางก็พูดคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนหลินหว่านหว่านและเฟิงหว่านหลี่จะขอตัวกลับเนื่องจากยังมีธุระอื่นที่ต้องจัดการ
ทันทีที่พวกเขากลับไป เถาเซี่ยวเซี่ยวที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่างก็ปรี่มาที่ห้องโถงอย่างรวดเร็ว
“พี่อวี้โม่…”
นางเอ่ยเรียกทันที ทว่าฉินอวี้โม่กล่าวแทรกขึ้นเสียก่อน
“ข้าได้ข่าวเกี่ยวกับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่มาแล้ว”
ฉินอวี้โม่ก็อธิบายข้อมูลที่ได้ทราบจากหลินหว่านหว่านให้เถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ ได้รับรู้ร่วมกัน
“จริงรึ ?! นั่นเป็นเรื่องที่เยี่ยมไปเลย !”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอย่างออกนอกหน้าและโผเข้ากอดฉินอวี้โม่ทันที
นางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของฉินอวี้โม่มานาน เมื่อทราบว่าได้ข่าวความคืบหน้าของเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ นางก็รู้สึกโล่งอกและดีใจกับฉินอวี้โม่เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน นางก็หวังว่าจะได้พบกับเด็กน้อยทั้งสองเสียที
ว่านเฉินซี ว่านหรูชูและคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีโล่งใจเช่นกัน พวกนางรู้สึกยินดีกับฉินอวี้โม่ที่จะได้พบกับบุตรน้อยทั้งสองในไม่ช้า
“เยี่ยมไปเลย เราจะได้พบกับนายน้อยแล้ว”
เฉินคุนกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างและยอมรับบุตรของฉินอวี้โม่เป็นนายน้อยของนิกายพันปีศาจแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้ใดจะได้สืบทอดอำนาจการปกครองของนิกายในอนาคต มันก็มิใช่เรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะสนับสนุนและติดตามคนผู้นั้นอย่างไร้เงื่อนไข
ทุกคนพูดคุยกับฉินอวี้โม่เป็นพักใหญ่ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนในห้องส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ หลินหว่านหว่านบ่งบอกว่าเด็กน้อยทั้งสองจะมาถึงที่นี่ในอีกประมาณสามวัน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จึงไม่คิดที่จะออกไปที่ใดในช่วงนี้เพื่อรอให้เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่มาถึงที่นี่ก่อนที่จะออกไปพบกับพวกเขา
ในขณะเดียวกัน ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองจูเฟิง ฉินอิงนำคนของตระกูลฉินกลับมาถึงที่คฤหาสน์ของตระกูลฉินภายในเมือง
“ท่านลุงหก เราจะลืมเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นและปล่อยให้คนพวกนั้นรอดตัวไปหรือเจ้าคะ ?”
สีหน้าของฉินอวี๋แสดงความมุ่งร้ายอย่างชัดเจน นางไม่เคยอับอายขายหน้าเช่นวันนี้มาก่อน ในการต่อสู้กับเถาเซี่ยวเซี่ยวก่อนหน้านี้ นางก็ถูกอีกฝ่ายตบใบหน้าหลายคราจนใบหน้าและจมูกบวมปูด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางเดือดดาลอย่างที่สุด
“เหอะ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ หรอก !”
ฉินอิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและรู้สึกคับแค้นใจไม่ต่างกัน ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือเมืองจูเฟิงและเห็นได้ชัดว่าคนของตระกูลเฟิงหนุนหลังนิกายหมื่นกระบี่อยู่ พวกเขาจึงทำสิ่งใดบุ่มบ่ามไม่ได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น วาจาของเฟิงหว่านหลี่ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ฉินอิงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ตอนนี้การจัดการกับคนของนิกายหมื่นกระบี่มิใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาอีกต่อไป หากแต่เป็นการสะสางความบาดหมางที่เคยมีกับตระกูลเฟิงตั้งแต่ครั้งอดีต
“เจ้าไปพักก่อนเถอะ ข้าจะคิดหาทางจัดการกับเรื่องนี้เอง”
เขามองฉินอวี๋ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ในความจริง ฉินอิงรู้สึกเหนื่อยใจกับสตรีผู้นี้อย่างที่สุด หากมิใช่เพราะนาง เรื่องวุ่นวายทั้งหมดในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางก็อาศัยสถานะคุณหนูใหญ่ในการวางท่าอวดดีและก่อเรื่องสร้างปัญหามากมายจนทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียชื่อเสียง หากมิใช่เพราะอิทธิพลของผู้อาวุโสใหญ่ เขาและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็คงจะหมดความอดทนไปนานแล้ว
“เจ้าค่ะ ท่านลุงหก”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความฉุนเฉียวของฉินอิง ฉินอวี๋ก็ไม่เซ้าซี้เขาอีก นางพยักศีรษะอย่างว่าง่าย ทว่าหันหลังกลับไปด้วยแววตาที่เผยให้เห็นถึงความชิงชังอย่างที่สุดขณะกำหมัดแน่น เพียงนึกถึงฉินอวี้โม่และสหาย แววตาของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหารอีกครา
หลังจากมั่นใจว่าฉินอวี๋ออกไปแล้ว ฉินอิงก็โบกมือและวางม่านป้องกันไว้รอบบริเวณ จากนั้นเขาก็หยิบไข่มุกวิญญาณออกมาและถ่ายทอดพลังมายาเข้าไปก่อนร่างอวตารที่เลือนรางจะปรากฏขึ้นภายในห้อง
“เกิดอะไรขึ้น ?”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา คนผู้นี้ก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉินหลาง—ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลฉินนั่นเอง
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่าไม่ดีแล้ว ดูเหมือนว่าครานี้ตระกูลเฟิงวางแผนที่จะโจมตีตระกูลฉินของเรา !”
ฉินอิงไม่รอช้าและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฉินหลางทราบ ทว่าเลือกที่จะปิดบังเรื่องที่ฉินอวี๋ถูกทำร้ายไว้
“ตระกูลเฟิงช่างกล้ายิ่งนัก !”
ฉินหลางกล่าวอย่างเย็นชาและสีหน้าแสดงความเย้ยหยันเล็ก ๆ
เขาทราบถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเฟิงดีกว่าใคร สิ่งที่เกิดขึ้นในครานั้น แม้ตระกูลฉินจะทำเกินกว่าเหตุ ทว่าด้วยพลังความสามารถของตระกูลเฟิงในอดีต พวกเขาก็มิใช่คู่มือของตระกูลฉินแม้แต่น้อย ในตอนนี้ ต่อให้อดีตผู้นำตระกูลเฟิงจะเก็บตัวบ่มเพาะพลังมานานหลายปี ฉินหลางก็เชื่อว่าระดับพรสวรรค์ของเขาไม่มากพอที่จะพลิกผันสถานการณ์ได้ หากตระกูลเฟิงกล้าเปิดศึกกับตระกูลฉินจริง ผู้นำของพวกเขาย่อมกำราบตระกูลเฟิงได้
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่านจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านผู้นำและถามหาคำแนะนำจากเขาหรือไม่ ? เราควรทำอย่างไรกันดี ?”
ฉินอิงกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางที่นอบน้อม ในตระกูลฉิน นอกเหนือจากผู้นำตระกูล ผู้ที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงมากที่สุดก็คือผู้อาวุโสใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น โดยปกติแล้วผู้นำตระกูลก็มิใช่ผู้ที่จัดการดูแลเรื่องราวต่าง ๆ หากแต่เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสใหญ่ กล่าวได้ว่า ผู้อาวุโสใหญ่ทำให้ฉินอิงรู้สึกยำเกรงมากยิ่งกว่าผู้นำตระกูลเสียอีก
“ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการ ข้าก็อยากเห็นนักว่าตระกูลเฟิงจะก่อคลื่นลมพายุได้มากเพียงใด !”
ฉินหลางโบกมืออย่างไม่ทุกข์ร้อน เขาไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ “แล้วเรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง ? ฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่าจะกลับมาหรือไม่ ?”
พวกเขาไม่สนใจนักว่าตระกูลเฟิงจะเคลื่อนไหวอย่างไรหลังจากนี้ สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่าจะกลับมาที่จวนตระกูลเฟิงในครานี้หรือไม่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉินหลิงเซียวและภรรยาเก็บตัวอยู่บนภูเขาม่านหมอกมาโดยตลอดและแทบจะไม่กลับลงมา คนของตระกูลฉินจึงรู้สึกอับจนปัญญายิ่งนัก ทว่าครานี้หากทั้งสองปรากฏตัว พวกเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อทวงคืนสิ่งนั้นกลับมา !
“ยังไม่มีข่าวที่แน่ชัดขอรับ ทว่าก่อนหน้านี้เฟิงหว่านหลี่และหลินหว่านหว่านได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่า ดูจากกิริยาท่าทางของพวกเขา คาดว่าครานี้คนทั้งสองจะต้องปรากฏตัว”
ฉินอิงส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนกล่าวออกไป