คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 155 พลังแห่งมิตรภาพ
หลายวันต่อมา กลุ่มของฉินอวี้โม่ยังคงเดินทางรอนแรมกันอยู่ท่ามกลางแผ่นดินที่เต็มไปด้วยหิมะหนา
แม้จุดประสงค์หลักของพวกเขาจะเป็นการมุ่งไปยังจุดศูนย์กลางของป่า แต่ระหว่างทางคนทั้งห้าก็ได้สนุกสนานกับการแวะเก็บสมุนไพรหายากรวมทั้งล่าอสูรระดับสูงภายใต้คำแนะนำของมารยาไปด้วย และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ลืมที่จะค้นหาเบาะแสแห่งผลไม้วิเศษที่เป็นจุดหมายหลักของภารกิจนี้ไปพร้อมกัน
…วันเวลาผ่านไปว่องไวราวชั่วพริบตา…
บัดนี้ เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่เหล่านักเรียนผู้เข้าร่วมศึกประชันยุทธ์แห่งโรงเรียนราชสำนักได้เข้ามาอยู่ภายในป่าเหมันต์อันกว้างใหญ่นี้เพื่อตามหาผลเยือกมณี
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา กลุ่มของฉินอวี้โม่ถือว่าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มามิใช่น้อย เวลานี้พวกเขามีทั้งสมุนไพรหายากและอสูรมายาระดับสูงอยู่ในครอบครองเป็นจำนวนมาก
“อีกประมาณสามวัน พวกเราก็จะเข้าไปถึงบริเวณใจกลางป่าเหมันต์แล้ว ส่วนนี้เป็นจุดที่อยู่ใกล้อาณาเขตของมังกรเหมันต์ เจ้ามังกรตัวนี้ทรงพลังมาก ข้าเชื่อว่ามันจะรู้สึกตัวได้ในทันทีเมื่อเราเหยียบย่างลงไปบนแผ่นดินที่เป็นเขตแดนมังกร นายหญิง ข้าอยากจะแนะนำว่าหากเลี่ยงได้ก็อย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้จะดีกว่า ถ้าท่านยังมีสหายคนอื่นอีกก็รอให้พวกเขามาถึงก่อน มิฉะนั้นข้าก็รับประกันไม่ได้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตหรือไม่ การที่มนุษย์บุกเข้าไปในรังมังกรเพียงห้าคนไม่ต่างจากเข้าไปเป็นของหวานให้มันเท่านั้น”
มารยาเอ่ยเตือนฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ถ้าเป็นตัวมันเพียงตัวเดียวเข้าไปในนั้น ต่อให้ถูกมังกรเหมันต์พบมันก็สามารถหนีเอาตัวรอดได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้นายหญิงคนงามและสหายของนางยังไม่แข็งแกร่งพอ หากพวกเขาเข้าไปก็ไม่พ้นจะต้องเผชิญความเสี่ยงที่สูงมาก
เมื่อได้ฟังคำแนะนำของมารยา สมาชิกกลุ่มฉินอวี้โม่ทั้งห้าก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง มารยาอยู่ในป่าแห่งนี้มานาน แน่นอนว่ามันย่อมรู้ถึงความแข็งแกร่งของมังกรเหมันต์ดีที่สุด ถ้าอสูรสาวงามแนะนำเช่นนั้น ทุกคนก็ควรทำตาม
“เช่นนั้นเราหาที่เหมาะ ๆ เพื่อรอเหล่าสหายกันก่อน ดูเหมือนว่าในตอนนี้ยังไม่มีใครมาแถวนี้”
ฉินอวี้โม่กล่าวแนะนำ
อย่างไรก็ตามในผืนป่ากว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาเช่นที่นี่ การจะหาสถานที่เหมาะสมสำหรับพักอาศัยเป็นเวลาหลายวันนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากใช้เวลาค้นหาอยู่หลายชั่วยาม ในที่สุดกลุ่มของฉินอวี้โม่ก็พบถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้สะดวกสบายมากนัก แต่ก็นับว่าเหมาะสมที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ด้านในเป็นการชั่วคราว
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มหนี้ป่าชี่ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มหนี้ป่าชี่ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มหนี้ป่าชี่ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มหนี้ป่าชี่ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
เสียงประกาศจากทางโรงเรียนดังขึ้นสองครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าด้วยวิธีการใดแต่ในทุกครั้งที่มีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดถูกชิงแผ่นป้ายประจำกลุ่มไปก็จะมีเสียงประกาศเตือนจากทางโรงเรียน เช่นเดียวกับในตอนที่มีกลุ่มที่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน เสียงประกาศชื่อกลุ่มที่ถูกคัดออกก็จะดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวของพวกเขาเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ในตอนที่รับแผ่นป้ายมาจากกลุ่มของกู่ต้าไห่ ฉินอวี้โม่และสหายรุ่นพี่ทั้งสี่ก็ได้ยินเสียงประกาศเช่นนี้ดังขึ้น ในตอนนั้นพวกเขาต่างก็สะดุ้งตกใจกันอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประกาศจากทางโรงเรียนในป่าหิมะขาวโพลนแห่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามนี่ก็คงจะเป็นพลังมายาในรูปแบบหนึ่งเป็นแน่
“กำลังจะถูกคัดออกไปอีกกลุ่มแล้วสินะ ตอนนี้ที่เหลือทั้งหมดก็น่าจะมีแค่ยี่สิบสองกลุ่ม”
เจียงหลิวเยว่กล่าวหลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศเตือน
เมื่อรวมกลุ่มของกู่ต้าไห่เข้าไปด้วย กลุ่มที่ถูกคัดออกไปแล้วมียี่สิบเอ็ดกลุ่ม และตอนนี้กลุ่มที่ยี่สิบสองก็ถูกกลุ่มอื่นชิงแผ่นป้ายไปแล้ว หากกลุ่มของหนี้ป่าชี่ไม่สามารถแย่งป้ายประจำกลุ่มกลับคืนภายในพรุ่งนี้ พวกเขาก็จะถูกนับเป็นกลุ่มที่ยี่สิบสองที่ถูกคัดออกโดยสมบูรณ์
“ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นฝีมือของกลุ่มไหน แต่นี่ก็ครึ่งเดือนมาแล้วที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับผลเยือกมณีเลย ข้าคาดว่าเพราะแบบนี้ คนกลุ่มนี้คงจะท้อใจแล้วเปลี่ยนมาไล่ล่ากลุ่มอื่น ๆ เพื่อสะสมคะแนนแทนที่จะตามหาผลไม้เป้าหมาย ดูเหมือนว่าผู้ชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้อาจจะไม่ใช่กลุ่มที่ได้ผลเยือกมณีมาก็ได้”
เนี่ยหรูเฟิงตั้งข้อสังเกต หากเป็นไปตามนั้นจริง ในตอนนี้ก็ดูเหมือนสถานการณ์ของกลุ่มพวกเขาจะไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะพวกเขายังไม่ได้เริ่มสะสมคะแนนจากแผ่นป้าย ในระหว่างการเดินทางพวกเขาพบเจอกับผู้เข้าแข่งขันกลุ่มอื่น ๆ หลายกลุ่ม ทว่าเมื่อเห็นท่าทีที่เป็นมิตรของทุกกลุ่ม คนทั้งห้าจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะไม่ชิงแผ่นป้ายพวกนั้นมา ที่สำคัญพวกเขาเองก็ยังไม่เจอกลุ่มใดเลยที่คิดจะชิงป้ายจากพวกเขา นั่นทำให้การตัดสินใจจะโจมตีผู้อื่นยากเย็นขึ้น
หากการแข่งขันจบลงโดยที่ไม่มีกลุ่มใดหาผลเยือกมณีได้ กลุ่มของพวกเขาก็จะหมดโอกาสที่จะได้รางวัลชนะเลิศเพราะไม่สามารถเก็บคะแนนไล่ตามได้ทัน ยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะไม่ติดอันดับดี ๆ เลยด้วยซ้ำ
“ข้าก็คิดเช่นกัน มีบางกลุ่มเริ่มคิดแล้วว่าจะไม่มีโอกาสหาผลเยือกมณีได้จึงเน้นเก็บแผ่นป้ายเพื่อคว้ารางวัลที่หนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว”
ฉินอวี้โม่กล่าวสนับสนุนเนี่ยหรูเฟิง อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็ล้วนเกิดจากการคาดเดาของพวกนางเท่านั้น เพราะไม่มีใครทราบเลยว่าแผ่นป้ายทั้งหมดนั้นถูกชิงไปโดยคนเพียงกลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม อีกทั้งไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของการชิงแผ่นป้ายที่แน่ชัด
“อย่าไปสนใจเลยดีกว่า พวกเราแค่ระวังอย่าให้แผ่นป้ายเราถูกชิงไปก็พอ ความหวังในการหาผลเยือกมณียังไม่หมดไปเสียทีเดียว”
หลี่จิ้งยังคงมองโลกในแง่ดี ในตอนนี้กลุ่มของพวกนางยังมีความหวังจะคว้ารางวัลชนะเลิศได้อยู่ การแข่งขันเพิ่งผ่านพ้นมาเพียงครึ่งทางเท่านั้น เวลาในการตามหาผลเยือกมณียังมีอยู่อีกมาก ที่สำคัญไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจชิงแผ่นป้ายจากพวกเขาไปได้แน่ ๆ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่บุรุษผู้ชื่นชอบการผจญภัยมั่นใจมากที่สุดแล้ว
ต่อให้เป็นปิงเสวียนกับลั่วเฉินที่อยู่ในอันดับหนึ่งและสองของทำเนียบนภาก็ยังไม่มีพลังเพียงพอจะชิงแผ่นป้ายจากกลุ่มของเขาที่มีนักเรียนระดับหัวกะทิถึงห้าคนได้
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยและเลิกขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่ทั้งห้าจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ทว่าพวกเขายังพักผ่อนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียงประกาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มฉีอวี้ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มฉีอวี้ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มฉีอวี้ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มฉีอวี้ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
เสียงประกาศเช่นเดิมดังมา ทว่าครานี้เนื้อความของประกาศกลับทำให้ฉินอวี้โม่ชะงักไป สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
“องค์ชายสามคือสหายของเจ้าไม่ใช่หรือ ?”
เจียงหลิวเยว่กล่าว เมื่อได้ยินเสียงประกาศเตือนทุกคนก็ลืมตาขึ้น รุ่นพี่ทั้งสี่จ้องมองรุ่นน้องคนเล็กในกลุ่มเป็นตาเดียว
ฉินอวี้โม่พยักหน้า “กลุ่มของฉีอวี้ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก การที่ถูกชิงแผ่นป้ายไปไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ชิงป้ายของเขาไป”
นางไม่รู้เลยว่ากลุ่มของฉีอวี้อยู่ที่ใด ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะช่วยเหลือพวกเขาได้ สิ่งเดียวที่ทำได้มีเพียงนั่งถอนหายใจอย่างเจ็บปวดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสียงนั้นสิ้นสุดลงไม่นานนัก เสียงประกาศอีกเสียงหนึ่งก็ดังตามมา
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้กลุ่มฉีอวี้ชิงแผ่นป้ายกลับคืนมาได้แล้ว”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้กลุ่มฉีอวี้ชิงแผ่นป้ายกลับคืนมาได้แล้ว”
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้ยินเสียงประกาศแจ้งว่ามีกลุ่มที่ชิงแผ่นป้ายกลับคืนมาได้
“ดูเหมือนว่าสหายของเจ้าจะมีดีเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงชิงป้ายกลับมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ไม่ได้แน่”
หลิวซิวหยาพยักหน้าชอบใจหลังจากได้ยินเสียงประกาศ ดูเหมือนว่ากลุ่มของรุ่นน้องผู้สูงศักดิ์นามว่าฉีอวี้ผู้นี้จะมีฝีมืออยู่บ้าง พวกเขาจึงชิงแผ่นป้ายกลับมาได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปเช่นนี้
ฉินอวี้โม่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง กระนั้นในใจของนางก็ยังอดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้เพราะในบรรดากลุ่มนักเรียนที่ถูกคัดออกไปก่อนหน้านี้มีหลายกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มขององค์ชายฉีอวี้ ทว่าคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถชิงแผ่นป้ายกลับมาได้ แล้วเหตุใดพวกฉีอวี้ถึงทำเช่นนั้นได้ ?
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่สมาชิกในถ้ำเล็ก ๆ ทั้งห้าจะหุบยิ้มลงก็มีรูปแบบคำพูดและน้ำเสียงเช่นเดิมดังขึ้นมาอีกแล้ว
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มฉีอวี้ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มฉีอวี้ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มฉีอวี้ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มฉีอวี้ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้กลุ่มฉีอวี้ชิงแผ่นป้ายกลับคืนมาได้แล้ว”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้กลุ่มฉีอวี้ชิงแผ่นป้ายกลับคืนมาได้แล้ว”
.
.
.
เสียงประกาศที่มีเนื้อความขัดแย้งกันดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนชวนมึนงง และมันยังคงดังสลับกันไปมาอยู่พักหนึ่ง
“ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด พวกเขาน่าจะต่อสู้กันอยู่ ระหว่างที่กำลังชุลมุนแผ่นป้ายก็ถูกชิงไป จากนั้นพวกเขาก็ชิงกลับมาได้ทันที ดูแล้วคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก ที่สำคัญความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มคงไม่ห่างชั้นกันนัก”
หลินซิวหยาเอ่ยข้อสันนิษฐานที่พอจะเป็นไปได้มากที่สุดออกมา เขาเป็นผู้คลั่งไคล้การต่อสู้ แน่นอนว่าเขาย่อมคาดเดาเรื่องราวออก การที่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งแสดงว่ากลุ่มขององค์ชายฉีอวี้ก็สู้ไม่ถอยและการต่อสู้ก็คงจะดุเดือดไม่น้อยด้วย
“นายหญิง ข้าสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ตรงจุดที่ห่างจากเราทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณห้าสิบลี้”
ในตอนนั้นเองมารยาก็เอ่ยปากขึ้น เนื่องด้วยอสูรสาวถือกำเนิดและเติบโตขึ้นในป่าเหมันต์แห่งนี้ มันจึงมีสัมผัสที่ว่องไวมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติขึ้นในป่า แม้แต่การต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปถึงห้าสิบลี้มันก็ยังสัมผัสได้
“พวกเขาจะใช่พวกฉีอวี้รึเปล่า ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มารยาบอก ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็หยุดชะงักในฉับพลัน เนี่ยหรูเฟิงเป็นผู้แรกที่เอ่ยถาม ภายในน้ำเสียงแฝงด้วยความกังวลอยู่หลายส่วน
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ข้าก็อยากจะไปดูให้เห็นกับตา รุ่นพี่ทั้งสี่รออยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ หลังจากได้เห็นสถานการณ์ตรงนั้นแล้วข้าจะรีบกลับมา”
ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นแล้วกล่าว นางไม่สนใจว่าจะเป็นกลุ่มของฉีอวี้หรือไม่ ขอเพียงเป็นจุดที่เกิดการต่อสู้นางก็อยากจะไปดูเพราะมีโอกาสสูงมากว่าจะใช่กลุ่มสหายของนาง ถ้าหากเป็นพวกเขาจริงนางก็จะช่วยเหลือสหายได้ทันเวลา แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ ตัวนางก็ไม่ได้มีสิ่งใดเสียหาย
“รุ่นน้องอวี้โม่ พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว ถือเป็นพี่น้องเป็นพวกพ้อง ไม่ว่ามีใครคิดจะทำอะไร คนอื่น ๆ ก็ควรจะยอมรับและสนับสนุน เราจะตัดสินใจร่วมกัน ถ้าเจ้าอยากจะไปดู แน่นอนว่าพวกเราจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปคนเดียว”
หลี่จิ้งที่นิ่งเงียบอยู่นาน จู่ ๆ ลุกพรวดขึ้น เขากล่าวกับรุ่นน้องหน้าใหม่คนเดียวในกลุ่ม ก่อนจะพุ่งออกไปเป็นคนแรก
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลินซิวหยาและคนอื่น ๆ ก็หันหน้ามองกันก่อนจะรีบลุกตาม พวกเขายิ้มให้ฉินอวี้โม่ก่อนจะไล่ตามหลี่จิ้งออกไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกผิด ‘นี่นางทำอะไรลงไป ?’ ลืมไปแล้วหรือว่าทุกคนล้วนเป็นกลุ่มเดียวกัน
“รุ่นพี่ทั้งสี่ ข้าต้องขอโทษด้วย เป็นเพราะข้ากังวลมากเกินไป”
ในตอนนั้นเอง นักฆ่าสาวก็ตระหนักความจริงขึ้นมาได้ข้อหนึ่ง ‘ความผิดพลาดเช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นจากการกระทำของนางเลย’ บัดนี้ ในแดนมายาแห่งนี้ คำว่าสหายร่วมกลุ่มมีความสำคัญกับฉินอวี้โม่ผู้นี้มากมายมหาศาล เหตุการณ์เมื่อครู่ดูเหมือนนางจะกังวลเรื่องขององค์ชายสามฉีอวี้มากกว่าที่ตนคิด จนถึงกับกล่าวเรื่องที่จะออกไปคนเดียวออกมาโดยไม่ยั้งคิดเช่นนั้น
“รุ่นน้องอวี้โม่ ตอนนี้พวกเราคือกลุ่มเดียวกัน ต่อให้เป็นตอนนี้หรือตอนออกไปจากป่าแห่งนี้มิตรภาพที่เกิดขึ้นก็ไม่มีวันจางหาย การที่เจ้าคิดจะทิ้งสหายร่วมกลุ่มอย่างพวกเราไว้เบื้องหลังเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก”
หลี่จิ้งเปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้เขาพูดเยอะเป็นพิเศษ
“ข้าเข้าใจ ขออภัยทุกท่าน ข้ายอมรับว่าข้ากังวลมากเกินไปจนลืมคิดถึงเรื่องนี้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย รุ่นพี่หลี่จิ้ง รุ่นพี่หลิวซิวหยา รุ่นพี่เนี่ยหรูเฟิง หลิวเยว่ก็ด้วย”
เมื่อฟังคำขอโทษจากใจของรุ่นน้องคนสุดท้องในกลุ่ม หลี่จิ้ง หลินซิวหยา เนี่ยหรูเฟิงและเจียงหลิวเยว่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“อวี้โม่ พวกเราไม่โทษเจ้าหรอก ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นคนที่ห่วงพวกพ้องมาก ก่อนหน้านี้เจ้าก็คิดถึงพวกพ้องจนมีเรื่องบาดหมางกับอาราม การที่เจ้ากล่าวเช่นนั้นย่อมแสดงว่าเจ้าเป็นกังวลมากจริง ๆ”
เจียงหลิวเยว่กล่าวปลอบใจสหายรุ่นน้องด้วยเสียงนุ่มนวล แม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นางก็พอจะทราบว่าฉินอวี้โม่เป็นคนอย่างไร ก่อนหน้านี้เรื่องที่ฉินอวี้โม่มีเรื่องบาดหมางกับอารามเพราะไปช่วยสหายนางก็เคยได้ยินมา ดังนั้นนางจึงเข้าใจว่าสหายโฉมงามผู้นี้รักพวกพ้องมาก
การที่สาวน้อยกล่าวเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่านางกำลังร้อนรนจนอยู่ไม่เป็นสุข
“เอาล่ะ ข้าว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ต่อไปถ้ารุ่นน้องอวี้โม่ทำผิดอีก พวกเราก็จะช่วยกันเตือนนาง”
เนี่ยหรูเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาช่วยฉินอวี้โม่ออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
ฉินอวี้โม่พยักหน้าอย่างว่าง่าย นางจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เด็ดขาด
ระยะทางห้าสิบลี้ไม่ถือว่าไกลเลยสำหรับจอมยุทธ์ระดับนี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปพวกเขาที่สนทนาไปพร้อมกับเร่งรุดเดินทางก็ได้ยินเสียงของการต่อสู้ดังอยู่เบื้องหน้า ทั้งห้าคนและหนึ่งตนเงียบลงทันควันพร้อมกันนั้นก็ปิดบังเสียงและกลบเกลื่อนร่องรอยของตนเองไปด้วย
พื้นที่เบื้องหน้านั้น ฉินอวี้โม่ยังได้กลิ่นเลือดจาง ๆ ดูเหมือนว่าจะมีคนบาดเจ็บ
“ฉีอวี้ ทำไมเจ้าถึงต้องทุ่มเทขนาดนี้ด้วย ? แค่ยอมปล่อยวางเรื่องแผ่นป้ายไปก็หมดเรื่องแล้ว เหตุใดต้องสู้ตายกับพวกข้าเช่นนี้ ?!”
เสียงแสนหยิ่งยโสเสียงและฟังคล้ายกำลังจะหมดความอดทนเสียงหนึ่งดังมา และนั่นก็ทำให้ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้ว
…กลุ่มที่กำลังต่อสู้กันอยู่เป็นกลุ่มของฉีอวี้จริง ๆ …
“เหอะ หนี้ป่าชี่ ถ้าเจ้าแค่ชิงแผ่นป้ายเราไปมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้าเองก็รู้ดีว่ากลุ่มของพวกเราไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไร แต่การที่เจ้ามาลงมือทำร้ายสหายของข้าและยังชิงอสูรที่พวกเราพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาไปด้วย เรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ข้ายอมรับไม่ได้ !”
เสี่ยงตอบกลับอันเกรี้ยวกราดนั้นคือเสียงของฉีอวี้ น่าตกใจที่เสียงของบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ฟังดูอ่อนล้าเล็กน้อย
สิ้นวาจาของฉีอวี้ ฉินอวี้โม่ก็ทราบในตอนนั้นว่ามีสหายคนหนึ่งของนางได้รับบาดเจ็บ คุณหนูตระกูลฉินเกิดความกังวลขึ้นมาทันที กลุ่มของฉีอวี้นอกจากตัวองค์ชายสามเองแล้วก็ยังมี ลั่วอวิ๋น สือซานและพี่น้องของเขาอีกสองคน ทุกคนฉินอวี้โม่ล้วนรู้จักคุ้นเคย พวกเขาและนางเป็นสหายร่วมชั้นเรียนและถือเป็นสหายที่ดีต่อกัน
“เหอะ ! ก็ในเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีฝีมือพอ แล้วจะยังดันทุรังสู้กับพวกข้าอยู่อีกทำไม ?”
หนี้ป่าชี่เหมือนจะหมดความอดทนแล้ว เขากล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ก็บอกไปแล้วไงเล่า เพราะพวกเจ้าลงมือทำร้ายสหายข้าของข้า ต่อให้วันนี้ต้องจ่ายด้วยเลือดข้าก็จะไม่ให้พวกเจ้าไปได้ง่าย ๆ”
วาจาขององค์ชายฉีอวี้เด็ดเดี่ยวและองอาจ มันทำให้จิตใจของฉินอวี้โม่ที่กำลังลอบเข้าไปใกล้พวกเขาสั่นไหวไม่น้อย
“อวี้โม่ สหายของเจ้าหนักแน่นในมิตรภาพจริง ๆ!”
หลินซิวหยาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ในชั่วพริบตาร่างกายใหญ่โตของเขาก็หายวับและไปปรากฏตัวตรงจุดที่มีการต่อสู้