คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 190 ควบคุม
— ตูม ! ตูม ! ตูม ! —
เสียงแห่งการปะทะกันดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครต่างก็จินตนาการได้ว่าการต่อสู้นี้รุนแรงเพียงใด
ต้องบอกเลยว่าหุ่นมายาตัวนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ไม่เพียงมีพละกำลังมหาศาลแต่ความเร็วของมันยังเหนือชั้นกว่ายอดฝีมือทั่ว ๆ ไปมากด้วย ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือแม้จะถูกการโจมตีของฉินอวี้โม่ปะทะร่างไปหลายครา แต่เจ้าหุ่นมายาตัวนี้กลับไม่มีความเสียหายใด ๆ ปรากฏให้เห็น
ทุกครั้งที่กระบี่ของฉินอวี้โม่ฟาดเข้าใส่ร่างกายของมัน จะมีเพียงเสียงคล้ายโลหะกระทบกันแผ่วเบาเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่เกิดผลใด ๆ ทั้งสิ้น การโจมตีรุนแรงระดับนี้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีพลังมายาไม่สูงส่งก็คงจะกระอักเลือดหรือมีอาการสาหัสไปแล้ว
และในแต่ละครั้งที่กระบี่ของฉินอวี้โม่ปะทะเข้ากับเป้าหมาย แรงกระแทกจะสะท้อนให้ร่างบางถอยหลังไปไกลหลายก้าว ขณะที่ทั้งมือบางและท่อนแขนบางส่วนจะชาหนึบไร้ความรู้สึกไปในทันที
การต่อสู้ล่วงเลยมาได้พักใหญ่ ฝ่ายของฉินอวี้โม่ก็ยังไร้วี่แววแห่งความได้เปรียบ แม้ว่ามารยากับหงส์แดงจะเข้ามาช่วยแล้วก็ตาม ทว่าก็ยังไม่อาจจะต้านทานความแข็งแกร่งของหุ่นมายาได้เลย
มันไม่สะท้านทั้งข่ายอาคมของมารยา ไม่เกรงกลัวเปลวเพลิงของหงส์แดง ทักษะการต่อสู้อันเหนือชั้นของฉินอวี้โม่ก็มิอาจต่อกรได้ ราวกับว่าเจ้าสิ่งประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์นี้ไร้จุดอ่อน
“นายหญิง หุ่นมายาตัวนี้น่ากลัวมาก มันไม่มีจุดอ่อนใด ๆ เลย การโจมตีของพวกเราไม่เป็นผลแม้แต่น้อย”
เมื่อเห็นว่าการโจมตีไร้ผลโดยสิ้นเชิง มารยาก็กล่าวขึ้นมาอย่างด้วยความทดท้อ
“นายหญิง เท่าที่ข้าทราบ หุ่นมายานั้นไร้จุดอ่อน ผู้ที่จะสามารถสร้างหุ่นมายาขึ้นมาได้ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงส่งจนถึงขีดสุดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพละกำลังหรือความเร็ว หุ่นมายาตัวนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่าอสูรสวรรค์ระดับจักรพรรดิ แต่โชคยังดีที่มันมีข้อด้อยอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือไม่สามารถใช้พลังมายาได้ มิฉะนั้นแล้วเราคงสิ้นหวังกว่านี้มาก !”
หงส์แดงบอกข้อมูลที่มันพอจะรู้เกี่ยวกับหุ่นมายา ทว่าข้อมูลที่ได้มานี้ก็นับว่าน้อยนิดและไม่มีประโยชน์มากนัก อสูรตระกูลหงส์ผู้สูงส่งบอกเล่าว่าสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากสร้างหุ่นน่ากลัวตัวนี้ขึ้นโดยใช้วิธีการพิเศษบางประการ และวิธีการเช่นนั้นก็ทำให้มันไร้จุดอ่อน ดังนั้นแล้วโดยมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหุ่นมายาหลายคนจึงเลือกที่จะวิ่งหนี เพราะการต่อกรมันซึ่ง ๆ หน้าไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรในเวลานี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะให้นางหลบหนีได้เลยแม้แต่น้อย คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินต้านทานตัวนี้รวดเร็วเกินไปและทำให้นางไม่สามารถหาช่องว่างให้ถอยออกไปได้เลย
แม้ว่าทักษะวิชาเท้าทะยานคลื่นและอสนีบาตของฉินอวี้โม่จะถูกเปิดใช้งานจนถึงขีดสูงสุดแล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ในด้านของความเร็วนางก็ยังทำได้เพียงสูสีกับหุ่นมายาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อดีตนักฆ่าสาวก็ไม่มีความคิดที่จะหนีไปในสภาวการณ์ตอนนี้ ด้วยโครงสร้างของถ้ำที่ตนกำลังอยู่การจะหลบหนีไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญการได้ประมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างหุ่นมายาถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าและหาได้ยาก
ดังนั้นแล้วนางจึงไม่หยุดมือ กระบี่ปีกจักจั่นยังคงกวัดแกว่งไม่หยุดยั้ง ทุกประสาทสัมผัสถูกเร่งเร้า ทุกทักษะความสามารถถูกรีดเค้นออกมาใช้ นักฆ่าในร่างคุณหนูจู่โจมหุ่นมายาอย่างไม่ลดละ
ความเร็วของทั้งคู่เหนือชั้นเป็นอย่างมาก ด้วยความรวดเร็วนี้ ในสายตาของมนุษย์ธรรมดามองเห็นเพียงเงาเลือนรางเคลื่อนที่ไปมาในอากาศเท่านั้น เงาร่างพร่าเลือนที่เคลื่อนที่เข้าปะทะแล้วแยกตัวออกครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ากลับไม่อาจมองเห็นกระบวนท่าที่ทั้งสองฝ่ายใช้ได้เลย
— ปัง ! —
สิ้นเสียงนั้น ภาพของร่างบางก็หลุดลอยไปในอากาศ ฉินอวี้โม่ถูกพลังอันมหาศาลของหุ่นมายาซัดกระเด็นอีกครั้ง ครั้งนี้นางถูกแรงอันหนักหน่วงผลักให้ห่างไปไกล แม้จะหยัดยืนบนพื้นได้ แต่คุณหนูตระกูลฉินก็ต้องถอยกลับไปหลายก้าวกว่าจะยืนได้อย่างมั่นคง
กว่าคุณหนูโฉมงามจะตั้งตัวได้ก็เป็นตอนที่หุ่นมายาเข้าประชิดตัวแล้ว หุ่นร่างบุรุษสวมเกราะเสือกแทงกระบี่เข้าใส่ฉินอวี้โม่ฉับพลัน
ฟึบ !
ทว่าช่วงลมหายใจที่กระบี่เกือบจะเสียบทะลุร่าง ฉินอวี้โม่กลับหายวับไปจากจุดนั้น หลงเหลือให้เห็นเพียงเงาร่างพร่าเลือนและกระแสลมสายหนึ่งซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ถอยหลังไปด้วยความเร็วสูง
ในเสี้ยวอึดใจแห่งความเป็นความตายนั้นเองที่คุณหนูสี่ตระกูลฉินตระหนักได้ถึงบางสิ่ง บัดนี้วิชาเท้าทะยานคลื่นที่ติดอยู่ในช่วงคอขวดของนางได้ก้าวข้ามขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
หลังจากการพัฒนาข้ามขั้นของทักษะดังกล่าว ความเร็วของฉินอวี้โม่ก็สูงกว่าก่อนหน้านี้มาก ร่างกายของนางเสมือนขนนกไร้น้ำหนัก ไม่ว่าจะเคลื่อนไปที่ใดร่างของผู้ครองกายเทพมายาก็จะทิ้งเพียงภาพติดตาอันเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นเอาไว้
ต้องบอกเลยว่าหลังจากบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว ทักษะวิชาเท้าทะยานคลื่นนี้ทั้งน่าหวั่นเกรงชวนถอยหนี ทว่าก็งดงามชวนหลงในคราวเดียวกัน
ฉินอวี้โม่อดยิ้มออกมาไม่ได้ ร่างกายของนางหายไปก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีหุ่นมายาจากอีกด้านหนึ่ง
อดีตมือสังหารอยากจะลองทดสอบดูว่าความเร็วใหม่ของตนจะช่วยต้านทานกับรุ่นมายาได้สักแค่ไหนและมันจะร้ายกาจจนสามารถเอาชนะศัตรูอันตรายตนนี้ได้หรือไม่
–ปัง!–
การโจมตีนี้ของฉินอวี้โม่ หุ่นมายามองเห็นอย่างชัดเจนและเตรียมการป้องกันในทันที ทว่านี่เป็นเพียงการหลอกล่อ นางเพียงแต่ตั้งท่าจู่โจมก่อนจะหายตัวไปอย่างฉับพลัน ชั่วพริบตาร่างสตรีโฉมงามก็ปรากฏขึ้นอีกด้าน กระบี่ในมือบางที่เตรียมพร้อมโจมตีไว้เมื่อครู่ฟาดฟันเข้าใส่ร่างกายของศัตรูในครานี้—นี้เรียกว่าการโจมตีแบบล่อลวง
คุณหนูตระกูลฉินใช้การหลอกล่อเช่นนี้ต่อไปอีกหลายครั้ง จนกระทั่งในครั้งที่เจ็ด หุ่นมายาก็เริ่มลังเลที่จะป้องกัน ทว่าในครั้งนี้เกิดเสียงดัง *เคร๊ง* ที่ดังมากขึ้นกว่าเดิมให้ได้ยินแล้ว
ต้องยอมรับเลยว่าพลังป้องกันของหุ่นมายานั้นมหาศาลจนเรียกได้ว่าวิปลาส หากการโจมตีนี้ของฉินอวี้โม่ถูกใช้กับมนุษย์หรือแม้แต่อสูรมายาที่แข็งแกร่ง มนุษย์หรืออสูรเหล่านั้นก็คงไม่อาจมีชีวิตที่ยืนยาวเกินครึ่งปีได้แน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้กับหุ่นมายาตัวนี้ นอกจากเสียง *เคร๊ง* แล้วก็แทบไม่มีผลใด ๆ ร่างกายของมันดูไร้ความเสียหายและเสมือนไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
หุ่นมายายังคงพุ่งเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่ต่ออย่างไม่ลังเล
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความเร็วของฉินอวี้โม่ในตอนนี้เหนือชั้นกว่าก่อนหน้านี้ไปอีกขั้นหนึ่ง สถานการณ์ของนางจึงไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกแล้ว
ทุก ๆ การเคลื่อนไหวของหุ่นมายา ฉินอวี้โม่มองออกอย่างชัดเจน ทุก ๆ กระบี่ที่โจมตีเข้ามาสาวนักฆ่าหลบเลี่ยงมันได้อย่างง่ายดาย นางหลบหลีกด้วยชั้นเชิงที่ชาญฉลาดก่อนจะหาโอกาสจู่โจมกลับในจุดที่ได้เปรียบ
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นมายาทุกการโจมตีของนางก็ยังคงได้ผลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
‘ท่านแม่ ท่านนี่โง่เสียจริง !’
ทันใดนั้นเสียงต่อว่าของหานอวี้ก็ดังขึ้นมาในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนเจ้ามังกรน้อยกำลังรู้สึก ‘เหลืออด’ โดยแท้
“เอ่อ…”
เมื่อได้ยินเสียงของหานอวี้ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวสิ่งใดไม่ออก นางเป็นเจ้านายที่เพิ่งจะถูกเด็กชายอสูรมายาผู้ซึ่งเรียกขานนางเป็นมารดามาตลอดดุเอา เช่นนี้แล้วเกียรติแห่งนายหญิงผู้ยิ่งใหญ่ของคณะอสูรอวี้โม่จะไม่เสื่อมเสียอย่างนั้นหรือ ?
‘เจ้าตัวนี้ไม่มีชีวิต มันถูกควบคุมไว้ ท่านก็แค่จัดการเจ้าตัวที่ควบคุมมันซะก็หมดเรื่องแล้ว’
หานอวี้พูดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นมันก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีก เสียงของมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อได้ยินวาจาของหานอวี้ ฉินอวี้โม่ก็ได้ฉุกคิดบางอย่างได้ในทันที ตอนนี้นางเห็นหนทางแล้ว
หานอวี้พูดถูก ในเมื่อหุ่นมายานี้ไม่ใช่มนุษย์ การที่มันเคลื่อนไหวได้ปกติแล้วก็ย่อมต้องมีผู้ควบคุม ในเมื่อที่นี่ไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์คนใดเลย ก็เป็นไปได้ว่าสิ่งที่ควบคุมมันอยู่อาจเป็นสิ่งของที่ถูกลงอาคมบางรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากต่อสู้กับหุ่นมายามาเป็นเวลานาน ฉินอวี้โม่กลับยังไม่เห็นสิ่งที่น่าจะเป็นตัวควบคุมมันเลย อย่าว่าแต่ตัวควบคุม กลไกหรือแรงขับเคลื่อนใดที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ นางก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
คุณหนูสี่ตระกูลฉินขมวดคิ้ว ในขณะนั้นเองกระบี่ของหุ่นมายาก็พุ่งตรงเข้ามาใกล้ ร่างของฉินอวี้โม่หายไปเช่นเคย นางหลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่หลบหลีกการโจมตีของหุ่นมายา ฉินอวี้โม่ก็พยายามมองหาสิ่งที่น่าจะเป็นตัวควบคุมมันไปด้วย ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยเลย
ดูราวกับว่ารุ่นมายาตัวนี้ไม่มีสิ่งใดคอยควบคุม มันเคลื่อนไหวได้เองอีกทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเอง ดูอย่างไรก็เสมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา
อย่างไรก็ตาม เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ หงส์แดงเองก็บอกว่ามันถูกยอดฝีมือที่แข็งแกร่งสร้างขึ้น หากมีความคิดหรือวิญญาณเป็นของตัวเอง เช่นนั้นก็คงไม่เรียกว่าหุ่นที่ถูกมนุษย์สร้าง แต่ถ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองมันก็ไม่น่าจะพูดประโยคยาวหรือควบคุมได้อิสระถึงเพียงนี้
และเมื่อทบทวนอย่างถ้วนถี่แล้ว หากเป็นสิ่งของลงอาคมก็ไม่น่าจะรอดพ้นสายตาอสูรสาวจ้าวแห่งอาคมอย่างมารยาไปได้
‘…สิ่งใดกันจะทำให้สิ่งไร้ชีวิตเสมือนมีวิญญาณ…’
ทันใดนั้นเอง ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่จะเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้น และมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
มีความเป็นไปได้ว่าหุ่นมายาอาจจะถูกควบคุมด้วยพลังวิญญาณอันเข้มข้น ไม่แน่ว่ายอดฝีมือผู้สร้างหุ่นตัวนี้อาจจะถ่ายทอดเศษเสี้ยวของพลังวิญญาณเอาไว้ในตัวอาวุธไร้เทียมทานนี้เพื่อควบคุมมัน
ของเพียงพลังวิญญาณของผู้ที่สร้างหุ่นตนนี้ขึ้นมาถูกทำลายไป ร่างกายของมันก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกและคงจะกลายเป็นรูปแกะสลักไร้ชีวิตดังเดิม เมื่อนึกถึงข้อสันนิษฐานนี้ได้ ฉินอวี้โม่ก็ไม่รีรอ สตรีโฉมงามปลดปล่อยพลังวิญญาณทะลวงเข้าสู่ร่างของหุ่นมายาพร้อมกับการจู่โจมครั้งหลังสุดในทันที
ในตอนนั้นเองที่ทำให้ฉินอวี้โม่มั่นใจมากขึ้น เพราะพลังวิญญาณของนางไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ร่างของหุ่นมายาได้ สตรีผู้มีวิญญาณแข็งแกร่งพบว่ามีแรงต้านบางอย่างช่วยป้องกันมันไว้ แรงต้านนั้นแล่นเข้าปะทะพลังวิญญาณแปลกปลอมที่นางส่งเข้าไปอย่างรุนแรง
ในร่างของหุ่นตัวนี้มีพลังวิญญาณอยู่ไม่ผิดแน่ มิเช่นนั้นพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่คงไม่มีทางที่จะถูกผลักดันให้สะท้อนกลับรุนแรงเช่นนี้
การค้นพบเรื่องนี้ทำให้ฉินอวี้โม่โล่งใจไปได้มาก ใบหน้างดดงามที่เคร่งเครียดมานานเริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“หงส์แดง มารยา พวกเจ้าช่วยข้าต้านมันไว้ที ข้าจะลองหาวิธีกำราบมันให้ได้”
ร่างของฉินอวี้โม่หายวับ พลันปรากฏตัวอีกครั้งในจุดที่ห่างไกลออกไป คุณหนูตระกูลฉินนั่งลงในท่าขัดสมาธิ ขั้นตอนนี้นางต้องการเวลาสักเล็กหน่อย
หงส์แดงและมารยาหันมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า อสูรสาวทั้งสองพุ่งเข้าไปหยุดหุ่นมายาเอาไว้ การต่อสู้ที่ดุเดือดของหนึ่งหุ่นหนึ่งมนุษย์เปลี่ยนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างหุ่นสวมเกราะกับสองอสูรสาวแทน
เวลานี้ ฉินอวี้โม่กำลังปลดปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของรุ่นมายา นางเร่งเร้าสมาธิและเพิ่มพลังให้มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์คือเพื่อพยายามทะลวงการป้องกันทางวิญญาณนั้นเข้าไปให้ได้
พลังวิญญาณที่คอยต่อต้านพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่นั้น เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่ที่กำลังบุกรุกเข้ามาแข็งแกร่งและมีปริมาณมหาศาล มันก็พยายามจะหลบหนีออกไป
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่รีบปิดกั้นทางหนีของมันอย่างไม่ลังเล พลังวิญญาณของฉินอวี้โม่ทะลวงเข้าไปในร่างของหุ่นมายาและเริ่มไล่ล่าพลังวิญญาณเดิมที่คอยควบคุมมันอย่างบ้าคลั่ง
“วี๊ดดดดดดดดด~ !”
ฉินอวี้โม่รู้สึกราวกับได้ยินเสียงร้องโหยหวนอันแสนหวาดหวั่นดังขึ้น ในตอนนี้พลังวิญญาณของนางเข้าโอบล้อมพลังวิญญาณที่คอยควบคุมหุ่นมายาอยู่ก่อนจะพุ่งตรงเข้าพันธนาการมันเอาไว้
แม้ว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินอวี้โม่จะด้อยกว่ายอดฝีมือผู้สร้างรุ่นมายาตัวนี้ ทว่าพลังวิญญาณของนางกลับมีมหาศาลอย่างวิปลาส กอปรกับพลังวิญญาณในร่างหุ่นมีอยู่น้อยนิด ใช้เวลาไปเพียงไม่นาน คุณหนูตระกูลฉินก็สามารถทำลายเศษเสี้ยวของพลังวิญญาณที่ยอดฝีมือผู้นั้นทิ้งไว้ในหุ่นตัวนี้ได้สำเร็จ
ทันทีที่พลังวิญญาณในกายถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์ หุ่นมายาที่กำลังต่อสู้อยู่กับมารยาและหงส์แดงก็หยุดเคลื่อนไหวในทันที
จากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นรูปสลักและนิ่งค้างในท่าทางโจมตีอยู่ตรงนั้น เกราะที่เป็นประกายวาววับหม่นหมองลงช้า ๆ กระบี่สีทองในมือกลายเป็นกระบี่สีดำสนิท ไม่นานนักทั้งตัวหุ่นก็กลายเป็นสีดั่งนิลมณีเหมือนกับที่เห็นในตอนแรก
“สำเร็จแล้ว !”
หงส์แดงและมารยามองหน้ากันก่อนจะร้องดีใจ พลันวิ่งกลับมาหาฉินอวี้โม่ สองอสูรสาวมองดูเจ้านายสาวด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้
ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหารูปปั้นแกะสลักอย่างช้า ๆ พลางพิจารณามันอย่างละเอียด
ดูเหมือนว่าสิ่งที่คอยควบคุมมันอยู่จะเป็นพลังวิญญาณ แต่นางไม่ทราบถึงวิธีการใช้พลังวิญญาณควบคุมหุ่นมายา ไม่ทราบด้วยกลยุทธ์พิเศษใดที่จะทำให้ทิ้งพลังวิญญาณเอาไว้เพื่อให้หุ่นมายาทำตามคำสั่งได้ สตรีช่างหลอมฝีมือโดดเด่น เริ่มมีความคิดว่า ถ้าหากนางสามารถใช้พลังวิญญาณของตนเองควบคุมหุ่นมายาได้ก็อาจจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลหลังจากนี้ ทว่าในเมื่อไร้หนทางหาคำตอบสำหรับเรื่องนี้ในตอนนี้นางก็จนใจ
“นายหญิง ข้าว่าเราเก็บมันออกไว้ก่อนดีหรือไม่ ?! ถ้าเราเก็บมันไว้ก่อน เราอาจจะหาวิธีการควบคุมมันทีหลังได้”
หงส์แดงกล่าวเสนอแนะ นางทราบว่าฉินอวี้โม่มีความต้องการที่จะควบคุมหุ่นมายาตัวนี้
แม้ว่าหงส์แดงจะพอรู้เรื่องหรือเคยได้ยินเรื่องของหุ่นมายามาก่อน แต่มันก็ไม่ทราบถึงวิธีการควบคุมสิ่งสรรค์สร้างของมนุษย์
ฉินอวี้โม่พยักหน้า พลันเก็บหุ่นมายาเข้าไปในกำไลมิติ นางคิดว่าสักวันหนึ่งตนอาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการใช้พลังวิญญาณควบคุมมัน และเมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นผู้ช่วยที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล
“ข้าว่าเรารีบเปิดหีบดูเถิด ในเมื่อมีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกันมันไว้ ของที่อยู่ภายในจะต้องเป็นของล้ำค่ามากแน่ ๆ”
มารยาจ้องมองหีบสมบัติด้วยสายตาอย่างรู้อยากเห็น ลงทุนใช้หุ่นมายาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้คอยพิทักษ์มันเอาไว้ หากในหีบไม่มีสมบัติล้ำค่าของคงจะเป็นเรื่องประหลาดเต็มทีแล้ว
ฉินอวี้โม่ยิ้มพลางพยักหน้า หลังจากมองสำรวจหีบที่มีขนาดเล็กกว่านั้นจนทั่วนางก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดพิเศษ อีกทั้งยังไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายใด ๆ ได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอะไร หากไม่เปิดดูก็คงไม่มีทางรู้แน่ อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูจึงเริ่มเปิดมันออกอย่างช้า ๆ นางเองก็ใคร่รู้ไม่น้อยว่าสมบัติที่บุคคลลึกลับวางไว้ล่อตาแต่กลับวางกับดักอันตรายไว้ทดสอบนี้จะเป็นอย่างไรกันแน่
อย่างไรก็ตามเมื่อหีบถูกเปิดออก ภาพของเห็นสิ่งที่เห็นอยู่ภายในก็ทำให้ฉินอวี้โม่และอสูรสาวทั้งสองก็แข็งค้างไปในทันที…