คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 286 ผู้อาวุโสหลัวหลิน
“ฮ่าๆๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ต่อให้ท่านปรมาจารย์หวังซั่วจะรู้จักหรือไม่รู้จักพวกเรา พวกเราก็ควรจะแนะนำตัว”
ไห่ป้าหวังยิ้มอย่างเป็นมิตรและกล่าว “ขุมกำลังเมฆาทะยาน ท่านปรมาจารย์หวังซั่วเคยได้ยินไหม?”
ทันทีที่ได้ยินชื่อของขุมกำลังเมฆาทะยาน หวังซั่วก็รู้สึกคุ้นหูขึ้นมาและพยายามใคร่ครวญ
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นผู้นำขุมกำลังเมฆาทะยาน—ไห่ป้าหวังนี่เอง”
หวังซั่วกล่าวพลางพยักศีรษะยืนยันตัวตนของอีกฝ่าย
ไห่ป้าหวังยิ้มเล็กน้อยและในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อหวังซั่วเรียกชื่อตนเอง
ทว่าหากเอ่ยถึงขนาดนี้และหวังซั่วยังไม่รู้จักอีกล่ะก็ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมาก
“เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์เหล่านี้ไม่สนใจแม้กระทั่งผู้นำตระกูลเฟิงของเรา เจ้ารู้จักเด็กเมื่อวานซืนพวกนี้รึ? ข้าอยากรู้นักว่าเด็กพวกนี้เป็นใครมาจากไหนถึงได้อวดดีเช่นนี้ ?”
หวังซั่วชำเลืองมองฉินอวี้โม่และคณะเดินทางก่อนเลื่อนสายตากลับมาที่ไห่ป้าหวัง
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่าย เขาก็รับรู้ได้ว่าไห่ป้าหวังน่าจะรู้จักฉินอวี้โม่มาก่อนและมีเรื่องบาดหมางต่อกัน เขาอยากรู้อย่างที่สุดว่าบุรุษลึกลับและคณะเป็นใครมาจากที่ใด
ในดินแดนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจหาญพอจะหักหน้าคนอย่างเขาได้
“ฮ่าๆๆ คนพวกนี้ที่กล้าอวดดีกับท่านคือบรรดานายน้อยและคุณหนูแห่งขุมกำลังราชาสวรรค์และขุมกำลังไร้คู่เปรียบ ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะไม่เห็นหัวตระกูลเฟิงเช่นนี้”
ไห่ป้าหวังยิ้มอ่อนๆขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนเย้ยหยัน
“สำหรับบุรุษผู้สวมหน้ากากนั้น เขาเป็นผู้ใช้ข่ายอาคม ท่านก็น่าจะทราบดีว่าผู้ใช้ข่ายอาคมเป็นอาชีพที่พบได้ยากและก็เป็นบุคคลที่ลึกลับมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นท่านผู้อาวุโสหวังซั่วหรือตระกูลเฟิงอยู่ในสายตา”
ถึงแม้ไห่ป้าหวังจะแนะนำฉินอวี้โม่และคนอื่นๆอยู่ น้ำเสียงของเขาก็ยังคงยั่วโทสะไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าเขาจงใจกวนน้ำให้ขุ่นยิ่งกว่าเดิมเพื่อที่หวังซั่วจะได้โมโหและโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หวังซั่วเดือดดาลถึงขีดสุดเมื่อได้ยินวาจาของไห่ป้าหวัง
“หึ ข้าก็นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็กลุ่มจอมยุทธ์รุ่นเยาว์จากขุมกำลังต่างๆของดินแดนนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่จะกล้าทะนงตนถึงเพียงนี้”
หวังซั่วแค่นเสียงในลำคอและจับจ้องฉินอวี้โม่อย่างไม่วางตา
“ฮิๆๆ น่าสนใจจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะยังมีผู้ใช้ข่ายอาคมหลงเหลืออยู่ซึ่งเป็นอาชีพที่หายสาบสูญไปนานแล้ว เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเขาสืบทอดวิชามามากเพียงใดและมีพลังอยู่ในระดับไหน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินวาจาของหวังซั่วและกล่าว “ท่านก็คงต้องระวังตัวไว้ หากไม่มีอะไรแล้ว ก็โปรดหลีกทางไปซะเถอะ เรายังมีเรื่องที่ต้องทำและไม่ต้องการมาเสียเวลากับท่าน”
เมื่อกล่าวจบ กลุ่มคนก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปข้างในสมาคมช่างหลอม
บัดนี้หวังซั่วและคนอื่นๆอยู่ข้างหลังพวกเขา ต่อให้คนเหล่านี้อยากจะขัดขวางพวกเขาไว้ก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หากพวกเขาพยายามขัดขวางหรือหยุดฉินอวี้โม่ไว้ ชื่อเสียงของทั้งหวังซั่วและตระกูลเฟิงจะเลวร้ายลงไปอีก
ด้วยเหตุนั้น หวังซั่วทำได้เพียงกัดฟันกรอดและปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไป
“ท่านปรมาจารย์หวังซั่วไม่ต้องโมโหไปหรอก บัดนี้เราอยู่ในเมืองไป๋อวี้และเราต้องระลึกไว้ว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร พวกนั้นก็แค่ตัวตลกที่แวะเวียนผ่านเข้ามา หลังจากงานชุมนุมช่างหลอมสิ้นสุดลง เราก็แค่ต้องหาโอกาสเก็บกวาดพวกเขา”
ไห่ป้าหวังกระซิบข้างหูหวังซั่วเพื่อคลายอารมณ์ที่เดือดดาลของเขา
หวั่งซั่วพยักศีรษะเบาๆเมื่อได้ยินวาจาของไห่ป้าหวัง
ครานี้ที่เขาลดตัวลงมาที่เมืองไป๋อวี้เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมนั้น เป็นเพราะว่าเขาก็เป้าหมายของตนเองอยู่ แม้ว่าเด็กอย่างฉินอวี้โม่จะทำให้เขาโกรธแค้นอย่างมาก จิตใจของเขาก็ยังคงแน่วแน่ รอให้จบงานชุมนุมครั้งนี้ เขาจะต้องจัดการกับพวกเขาทั้งหมด
“อีกอย่าง ข้าคิดว่าคนพวกนี้ก็จะเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมเช่นกัน ในงานช่างหลอมที่ยิ่งใหญ่ประจำปีเช่นนี้ ปรมาจารย์หวังซั่วสามารถทำให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้าได้และขัดขวางพวกเขาไม่ให้ได้อันดับดีๆไป ข้าเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านหวังซั่ว”
ไห่ป้าหวังพิจารณาครู่ใหญ่และกล่าวเสริม
ดูจากลักษณะท่าทางของฉินอวี้โม่และคณะเดินทาง พวกเขาก็น่าจะมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงรางวัลเช่นกัน
ในฐานะช่างหลอมที่ครอบครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หากหวังซั่วไม่มีผลงานอะไรที่โดดเด่นในงานชุมนุมครั้งนี้ เขาก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งปรมาจารย์ช่างหลอม
ตราบใดที่ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆกลับจากงานชุมนุมครั้งนี้ไปมือเปล่า มันจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อความรู้สึกของพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินวาจาของไห่ป้าหวัง หวังซั่วก็กระตุกมุมปากเล็กน้อยราวกับเกิดความคิดบางอย่าง
จอมยุทธ์หน้าละอ่อนเหล่านี้กล้าหยามเกียรติปรมาจารย์อย่างเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของระดับปรมาจารย์จะลงเอยอย่างไร!
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
หวังซั่วโบกมือให้กับลูกน้องก่อนตามฉินอวี้โม่และคนอื่นๆเข้าไปในสมาคมช่างหลอม
ทันทีที่ทุกคนก้าวเข้าสู่เขตของสมาคมช่างหลอม เด็กรับใช้ร่างเล็กคนหนึ่งก็ปรี่ออกมาต้อนรับ “ท่านทั้งหลายมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมใช่รึไม่?”
เด็กหนุ่มมองฉินอวี้โม่และคนอื่นๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกเมื่อครู่และเข้าใจอย่างชัดเจน
เขาเองก็ไม่พอใจทัศนคติทะนงตนของหวังซั่วเช่นกัน สำหรับฉินอวี้โม่และคณะที่กล้าล้อเลียนหวังซั่ว เขารู้สึกชื่นชมและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ทัศนคติของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆทั้งดีและน่าเคารพ
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างสุภาพและกล่าว “เรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมจริงๆ ข้าได้ยินว่าสมาคมช่างหลอมเตรียมที่พักสำหรับคนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันและเพียงต้องผ่านการประเมินเบื้องต้นเท่านั้น เจ้าช่วยนำทางพี่ชายคนนี้ไปที่จุดประเมินทีเถอะ”
คำพูดคำจาใจดีน่าฟังของฉินอวี้โม่ทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
“ผู้ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในงานชุมนุมตามข้ามา ส่วนคนอื่นๆเชิญรอที่ห้องโถงก่อน เราได้เตรียมน้ำชาไว้ที่นั่น เชิญพวกท่านไปจิบน้ำชาและพูดคุยกันเพื่อรอพวกเราก่อนเถิด”
ทุกคนพยักศีรษะรับคำและแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
ในกลุ่มนี้นอกเหนือจากฉินอวี้โม่ก็ยังมีอีกสองคนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในงานชุมนุม คนเหล่านั้นคือเหวินซื่อชู่และอีกคนที่มีนามว่าฉีป่ายเฉาซึ่งเป็นคนของฉีอวิ๋นเหล่ย
คนอื่นๆให้กำลังใจกลุ่มของฉินอวี้โม่ก่อนที่จะแยกออกไปหาที่นั่งรอ
จากนั้นอดีตนักฆ่าสาวและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆตามเด็กหนุ่มตัวน้อยขึ้นไปชั้นที่สอง
ต้องบอกเลยว่าภายในอาคารสมาคมช่างหลอมนี้ทั้งโอ่อ่าและงดงามอย่างมาก
มันเป็นอาคารทรงกลมขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยห้องทั้งเปิดและปิดจำนวนมากรวมถึงห้องในชั้นสองที่ปิดสนิททั้งหมด คาดการณ์ว่าน่าจะมีห้องพักอยู่หลายร้อยห้องเลยทีเดียว
“สมาคมช่างหลอมแห่งนี้งดงามอย่างแท้จริงและโครงสร้างก็ยอดเยี่ยมอย่างมาก โครงสร้างของที่นี่ช่างดูแปลกตาจริงๆ”
ฉินอวี้โม่อดกล่าวชื่นชมออกมาไม่ได้ แม้แต่อดีตนักฆ่าสาวแห่งศตวรรษที่21อย่างนางก็ตื่นตาตื่นใจกับโครงสร้างของสมาคมช่างหลอมแห่งนี้
อาคารทรงกลมเช่นนี้พบเห็นได้ยากแม้ในชีวิตก่อนของนาง นางไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นอาคารที่งดงามและแปลกประหลาดในโลกนี้ แล้วนางจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไร?
“ฮ่าๆๆ สมาคมช่างหลอมของเราถูกออกแบบโดยช่างหลอมมากฝีมือเมื่อหลายร้อยปีก่อนและใช้เวลานานหลายปีในการสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ ตอนที่มันเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ แม้แต่พวกเราเองก็ยังคิดว่าอาคารสมาคมของเราเป็นอาคารมหัศจรรย์อย่างแท้จริง”
เมื่อได้ยินวาจาที่บ่งบอกถึงความตื่นตาอย่างชัดเจน เด็กรับใช้หนุ่มก็ยิ้มกว้างและอธิบาย
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและเขาเองก็รักสมาคมช่างหลอมแห่งนี้มาก
“อีกอย่าง ข้าเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตูทั้งหมด ถึงแม้ข้าจะเป็นเพียงเด็กรับใช้ ข้าก็ซาบซึ้งใจในสิ่งที่พวกท่านทำจริงๆ มันเป็นภาวะจิตใจที่จอมยุทธ์ต้องพึงมี”
เด็กหนุ่มมองฉินอวี้โม่และกล่าวพร้อมรอยยิ้มซาบซึ้งใจ
ฉินอวี้โม่อดยิ้มตอบไม่ได้เมื่อได้ยินวาจาไร้เดียงสาของเด็กหนุ่ม
จากนั้นเด็กหนุ่มก็นำทางฉินอวี้โม่และคนอื่นๆขึ้นมาถึงห้องหนึ่งในมุมด้านซ้ายของชั้นที่สอง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
เขาเคาะประตูเบาๆก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “ผู้อาวุโสหลัวหลิน มีคนมาขอเข้ารับการประเมินระดับความสามารถช่างหลอมขอรับ”
ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไม่ได้เอ่ยอะไร ทว่าลอบมองเข้าไปในห้องอย่างสงสัยใคร่รู้ขณะรอให้ใครบางคนในนั้นตอบกลับมา
“ให้พวกเขาเข้ามา”
น้ำเสียงอ่อนโยนของบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นจนทุกคนได้ยิน
เด็กหนุ่มรับใช้รับคำบุรุษคนดังกล่าวและยิ้มเล็กน้อยพลางเปิดประตูและผายมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเข้าไปข้างใน
“ขอให้พวกท่านทุกคนโชคดี ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ข้าส่งพวกท่านได้เพียงเท่านี้ ขอตัวก่อนขอรับ”
“ขอบคุณมากน้องชาย”
ฉินอวี้โม่ในคราบบุรุษลึกลับเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ
มันเป็นห้องที่รกรุงรังโดยมีโต๊ะตัวใหญ่ข้างหน้าซึ่งวัสดุอุปกรณ์หลอมจำนวนมากก็ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ
อีกฟากหนึ่งของโต๊ะคือเตาหลอมขนาดใหญ่ซึ่งมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในตอนนี้ ทว่าภายในห้องกลับไร้ซึ่งไอความร้อนใดๆ
“ขอโทษด้วย ดูเหมือนห้องจะรกไปหน่อย”
น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลดังขึ้นอีกครั้งและเจ้าของเสียงยืนขึ้นจากข้างหลังเตาหลอม เขายิ้มให้ทุกคนตรงหน้า
“ท่านคือผู้อาวุโสหลัวหลินที่รับผิดชอบการประเมินใช่ไหมขอรับ?”
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรทันทีที่เห็นบุรุษวัยกลางคนตรงหน้า
บุรุษผู้นี้มีผมหยักศกสั้นยุ่งเหยิงและสวมใส่แว่นตา ทว่าอาภรณ์โบราณที่เขาสวมใส่ก็ดูขัดแย้งกันอย่างมาก ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง
“ฮ่าๆๆ เป็นข้าเอง พวกเจ้าทั้งสามมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมสินะ?”
หลัวหลินยิ้มพลางมองคนทั้งสามและอดพยักศีรษะด้วยความพึงพอใจไม่ได้
“พวกเจ้าทั้งสามคนมีคุณสมบัติที่ดีทีเดียว”
หลัวหลินพยักศีรษะกับตัวเองอย่างสุขใจ บอกได้ว่าหลัวหลินพึงพอใจในศักยภาพของฉินอวี้โม่และอีกสองคนอย่างมาก
ฉินอวี้โม่เองก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับผู้อาวุโสตรงหน้าเช่นกัน ถึงอย่างไรแล้วการได้พบกับช่างหลอมมากฝีมือที่ดูเหมือน ‘โอตาคุ’ จากยุคสมัยใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
“เอาล่ะ อย่าเกร็งไปเลย การประเมินของเราไม่ได้ยากเย็นอะไร ก็แค่พิสูจน์ให้เห็นเท่านั้นว่าพวกเจ้าคือช่างหลอมที่แท้จริง”
หลัวหลินกล่าวขณะชี้ไปที่วัสดุต่างๆบนโต๊ะพร้อมรอยยิ้ม “เชิญพวกเจ้าเลือกวัสดุจากโต๊ะนั่นได้ตามสบาย จากนั้นก็นำไปหลอมและเอาผลงานมาให้ข้าดู แค่นั้นผลการประเมินของพวกเจ้าก็จะผ่านฉลุย”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของการประเมินจากผู้อาวุโสหลัวหลิน คุณหนูสี่และอีกสองคนก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนไม่คิดเลยว่าการประเมินระดับความสามารถจะเรียบง่ายเช่นนี้
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก เราเพียงต้องการยืนยันตัวตนของพวกเจ้าในฐานะช่างหลอมเท่านั้น สำหรับระดับความสามารถ เราจะได้รู้กันในการแข่งขันต่อไป”
หลัวหลินดูจะเดาใจทั้งสามออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มเพื่อคลายความกังวลและอธิบายเพิ่มเติม
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ลังเลอีกต่อไป นางเดินตรงไปที่ริมโต๊ะดังกล่าวก่อนลงมือเลือกวัสดุตรงหน้า
.