คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 34.2 คิดจะปล้นชิง (2)
ในตอนที่หมาป่ายักษ์กำลังจะขย้ำฉีฉี หลัวเจี๋ยก็เห็นร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นขวางหน้ามันเอาไว้
— ฉึก! —
เจ้ายักษ์เขี้ยวคมล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ก่อนที่ลมหายใจของมันจะค่อยๆ แผ่วลงและหยุดไป หมาป่าสายลมขนาดยักษ์ถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
หลัวเจี๋ยที่กำลังมุ่งหน้ามาเห็นเพียงกริชเล่มหนึ่งปักคาอยู่ตรงส่วนหน้าผากของหมาป่ายักษ์…มันเป็นการโจมตีที่เข้าจุดตายอย่างแม่นยำ!
เมื่อหมาป่าตัวอื่นๆ ในฝูง เห็นว่าหมาป่ายักษ์ตัวนั้นตาย พวกมันก็ส่งเสียงหอนดังลั่นป่าก่อนจะพากันวิ่งหนีกระจัดกระจายออกไป ดูแล้วหมาป่ายักษ์ตัวนี้ก็น่าจะเป็นจ่าฝูงของพวกมัน
“เฮ้อออ~ ข้านึกว่าจะต้องตายซะแล้ว”
ฉีฉีมองดูหมาป่าตัวใหญ่ที่สิ้นลมหายใจไปพลางเอามือลูบหน้าอกด้วยความขวัญเสีย
“พี่อวี้โม่ ขอบคุณจริงๆ”
ฉีฉีกอดแขนฉินอวี้โม่และกล่าวขอบคุณนาง
ฉินอวี้โม่ยิ้มส่งให้แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดตอบกลับ
“ฉีเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลังจากได้สติ ฉีอวี้และหลิงเฟิงก็รีบวิ่งมาหา พวกเขามองฉีฉีขึ้นๆ ลง ๆ อยู่หลายครั้ง และเมื่อพบว่านางไม่เป็นอะไร ทั้งคู่จึงค่อยโล่งอกขึ้นได้
ฉีอวี้มองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาซาบซึ้ง “แม่นางอวี้โม่ ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่มีเจ้าก็อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับฉีเอ๋อร์ไปแล้ว”
“อย่างเกรงใจไปเลย ฉีเอ๋อร์เป็นเด็กที่น่ารัก ข้าทนเห็นนางบาดเจ็บไม่ได้หรอก”
ฉินอวี้โม่ส่ายหน้าพลางลูบผมที่ถักเป็นเปียของฉีฉี
“แม่นางอวี้โม่ ทำได้ดีมาก”
หลัวเจี๋ยกล่าวชมเชยฉินอวี้โม่ สาวน้อยผู้นี้มาถึงตัวฉีฉีได้ทันการณ์นั่นแสดงว่านางจับตาดูทุกคนอยู่ตลอดเวลาและยังรับรู้สถานการณ์ทั้งหมดอย่างกระจ่างชัด การฆ่าหมาป่าจำนวนมากไปด้วย อีกทั้งยังคอยจับตามองทุกคนเพื่อประเมินสถานการณ์ทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน นับว่าทำได้ยากยิ่ง หลัวเจี๋ยคิดว่าสตรีงดงามผู้นี้คงไม่ได้เป็นเพียงจอมยุทธ์ขอบเขตทิพย์มายาธรรมดาๆ เสียแล้ว
“เอาล่ะ มาจัดการต่อกันเถอะ ถึงแม้หมาป่าพวกนี้จะเป็นอสูรมายาระดับต่ำ แต่แก่นมายาและแกนชีวิตของมันก็ยังใช้แลกเป็นเงินได้”
ฉินอวี้โม่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาพลางหันไปมองซากหมาป่าสายลมที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นอย่างสดชื่น แววตาของนางเป็นประกายสุกใสราวกับได้เห็นเหรียญทองกองอยู่ก็มิปาน
ฉีฉีพยักหน้าตามอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางสังหารอสูรมายาไปมากมายถึงเพียงนี้ และเมื่อพี่สาวที่นางชอบทำท่าทางดีใจถึงเพียงนี้ ฉีฉีจึงรู้สึกคึกคักเป็นอย่างมาก
“เอ่อ แต่ว่าพวกเราจะเอาแก่นมายาและแกนชีวิตออกมาได้อย่างไร?”
เมื่อมองดูซากหมาป่าที่กองเกลื่อน ฉีฉีก็ทอแววตางุนงง นางไม่เคยเอาแก่นมายาและแกนชีวิตของอสูรมายาออกมาจากร่างของพวกมันมาก่อนเลย
ฉีอวี้และหลิงเฟิงเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขาเองก็ไม่รู้วิธีการเอาแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกมันออกมา
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ นางเอากริชออกมาแล้วเดินตรงเข้าไปหาหมาป่าตัวหนึ่ง มือบางแทงกริชคมลงไปก่อนจะลากเป็นเส้นตรงในจุดที่มีแก่นมายาและแกนชีวิตของหมาป่าสายลมอยู่ หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็มองเห็นผลึกแก้วกลมขนาดไม่ใหญ่ลอยขึ้นมาทันที แก่นมายาและแกนชีวิตของหมาป่าตัวนั้นถูกดึงออกมาแล้ว
“แก่นมายาและแกนชีวิตเต็มไปด้วยพลังมายา ขอเพียงแค่พวกเจ้าหาจุดที่มันอยู่ได้และเปิดช่องให้ พวกมันก็จะลอยออกมาได้เอง”
ฉินอวี้โม่อธิบายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคว้าแก่นมายาและแกนชีวิตที่ลอยอยู่มาไว้ในมือ
“ฉีเอ๋อร์นี่ของเจ้า”
เมื่อมองเห็นสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็นของฉีฉี ฉินอวี้โม่ก็ส่งแก่นมายาและแกนชีวิตพี่เพิ่งขุดออกจากร่างหมาป่าสายลมตัวนั้นให้นางไป
“ขอบคุณพี่สาวมาก”
ฉีฉียิ้มตื่นเต้นและรับเอาแก่นมายาและแกนชีวิตนั้นมาอย่างชอบอกชอบใจ
ส่วนฉีอวี้และหลิงเฟิงนั้นแยกออกไปทำตามวิธีที่ฉินอวี้โม่บอกเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาถือกระบี่เล่มยาวที่คมกริบ ใช้สายตาประเมินจุดที่อยู่ของแก่นมายาและแกนชีวิต กำหนดเป้าหมายก่อนจะใช้กระบี่เปิดช่องว่างขนาดใหญ่ หลังจากนั้นก็รอให้แก่นมายาและแกนชีวิตลอยออกมา
“ว้าว วิเศษจริงๆ!”
ฉีฉีเองก็ได้ลองนำเอาแก่นมายาและแกนชีวิตออกมาด้วยตัวเองเช่นกัน ฉีฉีน้อยมองแก่นมายาและแกนชีวิตในมืออย่างตื่นเต้น การได้ล่าและเอาผลิตผลจากการล่าออกจากตัวอสูรมายามาด้วยตนเองเช่นนี้ทำให้นางอดภาคภูมิใจไม่ได้
เมื่อการล่าสิ้นสุดลงเหล่านักล่าก็เปลี่ยนมาเป็นนักขุดผลึก ในเวลานี้นักล่าหมาป่าทั้งหลายกำลังยุ่งอยู่กับการรวบรวมแก่นมายาและแกนชีวิตกันอย่างขะมักเขม้น
ผ่านไปไม่นานนักพวกเขาแต่ละคนก็มีแก่นมายาอยู่เต็มกำมือ ส่วนแกนชีวิตนั้นพบได้น้อยในอสูรมายาระดับต่ำๆ
“ถ้าเกิดว่านำทั้งหมดนี้ไปแลกที่สมาคมทหารรับจ้าง เราจะได้เงินมาเป็นร้อยๆ เหรียญทอง”
แม้ว่าฉีฉีและพี่ชายทั้งสองจะเกิดในตระกูลมั่งคั่งร่ำรวย แต่พวกเขาก็ยังอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เมื่อจินตนาการถึงเงินที่พวกเขาจะได้รับเป็นครั้งแรกจากการสังหารอสูรมายาด้วยตัวเอง
“ใช่ จากนั้นเราก็จะมีเงินมาซื้อของขวัญให้ท่านแม่”
ฉีฉีหัวเราะอย่างมีความสุขและวิ่งไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนั้นเองที่ฉินอวี้โม่รู้สึกว่ามีคนหลายคนกำลังมุ่งตรงมายังจุดที่พวกเขาอยู่
“มีบางคนกำลังมา โปรดระวังตัวกันด้วย”