คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 358 เต่ามังกร
ฉินอวี้โม่และคนทั้งสองรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อได้เห็นอสูรยักษ์ใหญ่ตรงหน้านี้ มันมีหัวและหางคล้ายกับมังกร ทว่าลำตัวสีทองกลับมีลักษณะคล้ายกับเต่า ฉินอวี้โม่และอีกสองคนดูตัวเล็กจิ๋วไปเลยเมื่อเทียบกับขนาดมหึมาของมัน
“สวรรค์ เจ้ายักษ์ใหญ่นี่มันตัวอะไรกัน?!”
ซูเสี่ยวจวิ้นอุทานออกด้วยความตกใจเมื่อเห็นอสูรขนาดยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
แม้ว่าเด็กสาวเคยเห็นอสูรมายามาแล้วหลากหลายชนิด นางก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าตัวใหญ่ยักษ์ตรงหน้านี้
มันดูเหมือนเต่าทว่ามีหัวและหางที่ดูแปลกประหลาด สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่แผ่แรงกดดันรุนแรงจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดนี้ก็คืออสูรมายานั่นเอง
“เต่ามังกรงั้นรึ?”
ฉินอวี้โม่รู้สึกว่าอสูรมายาตรงหน้าดูคุ้นตาเล็กน้อย และหลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ ชื่อของ ‘เต่ามังกร’ ก็ผุดขึ้นในหัว
ในชีวิตก่อน นักฆ่าสาวเคยเล่น ‘เกมส์’ และอ่านตำราเก่าแก่โบราณมามากพอสมควร นางจึงทราบว่าลักษณะรูปลักษณ์ของเต่ามังกรดูเหมือนกับอสูรยักษ์ตรงหน้าในตอนนี้อย่างกับแกะ ทว่านางเคยคิดมาเสมอว่าสิ่งมีชีวิตอย่างเต่ามังกรไม่มีอยู่จริง นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบตัวเป็นๆที่นี่
“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง ดูเหมือนว่าจะยังมีคนที่รู้จักข้าอยู่บ้าง”
เมื่อได้ยินเสียงของฉินอวี้โม่ที่โพล่งออกไป เต่ามังกรก็ยิ้มกริ่มและยืนยันการคาดเดาของนาง
“ข้าคือเต่ามังกรตัวสุดท้ายในยุทธภพนี้ ข้าเป็นอสูรมายาที่มีสายเลือดไม่ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกร บัดนี้ในเมื่อพวกเจ้าบุกเข้ามาในอาณาเขตของข้า จงอยู่ที่นี่และมาเป็นลูกสมุนของข้าเสียเถอะ การมีลูกสมุนเป็นมนุษย์หลายคนก็ดีเหมือนกัน”
เต่ามังกรประกาศกร้าวพลางเชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจและมองมนุษย์ทั้งสามด้วยท่าทีสูงส่ง
ทั้งสามเหงื่อผุดทั่วตัวทันที ไม่คิดเลยว่าเต่ามังกรจะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ การที่ต้องการให้ฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองอยู่ที่นี่และเป็นลูกสมุนของมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เฮ้ เจ้าตัวใหญ่ ดูจากรูปลักษณ์แล้วเจ้าน่าจะมีอายุหลายร้อยปี ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหนังหนาหน้าด้านขนาดนี้”
ซูเสี่ยวจวิ้นอดยิ้มออกมาอย่างขบขันไม่ได้ขณะมองเต่ามังกรตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว
เต่ามังกรตัวนี้ดูไม่เหมือนอสูรมายาที่โหดเหี้ยมชั่วร้าย อีกทั้งมันก็ไม่ได้โจมตีพวกนางโดยตรง ซูเสี่ยวจวิ้นจึงเอ่ยวาจาได้อย่างกล้าหาญ
“เจ้าหนู อย่าพูดพล่ามไร้สาระ ข้าไม่เข้าใจ ข้าหนังหนาหน้าด้านอย่างไร? และข้าก็เพิ่งมีอายุได้แปดสิบปีเท่านั้น รู้ไว้ซะ!”
เต่ามังกรไม่โกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาวและเพียงแต่ก้มมองมนุษย์ตัวน้อยพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น
รูปลักษณ์ภายนอกทำให้มันดูเหมือนมีอายุหลายร้อยปี ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าพันธุ์เต่ามังกรมีพรสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อมีอายุถึงหนึ่งร้อยปี อย่างน้อยพวกมันก็จะพัฒนาไปถึงระดับเซียน และหากเป็นเช่นนั้นจริง มันจะอาศัยอยู่ที่นี่ไปทำไมกัน?
แม้ว่าที่นี่งดงาม มันก็อยู่ที่นี่มานานถึงแปดสิบปีและคงจะชินชาซะแล้ว ดินแดนข้างนอกน่าจะงดงามกว่านี้มากและเต่ามังกรย่อมอยากออกไปชมสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของเต่ามังกร ทั้งสามก็แทบหัวเราะพรวดออกมา เต่ามังกรตัวนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
“เอาล่ะ เลิกคุยเรื่องไร้สาระเถอะ เจ้ามนุษย์ พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่และกลายเป็นลูกสมุนของข้ารึไม่? หากพวกเจ้าปฏิเสธล่ะก็ ก็อย่ากล่าวโทษที่ข้าจะใช้ความรุนแรง!”
เต่ามังกรมองฉินอวี้โม่และคณะพร้อมกล่าวอย่างวางท่า
“เจ้าเต่ามังกรน้อย เราจะอยู่เป็นลูกสมุนของเจ้าก็ได้ เพียงแต่เจ้าต้องเอาชนะพวกเราให้ได้ก่อน”
ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มออกมา จากอายุขัยโดยทั่วของเผ่าพันธุ์เต่ามังกร อสูรอายุแปดสิบปีตรงหน้านางในตอนนี้ยังถือว่าอายุน้อยและยังไม่ได้โตเต็มวัย
มันบังเอิญพอดีที่นางต้องการสยบอสูรมายาเพื่อหาทางไปยังชั้นที่เจ็ด ดูแล้วเต่ามังกรตัวนี้ก็มีลักษณะนิสัยอ่อนโยนและไม่ก้าวร้าวรุนแรงเกินไป หากสามารถสยบมันได้ มันก็จะเป็นเรื่องที่ดี
“ฮ่าๆๆ เจ้ามนุษย์ อย่าพูดตลกหน่อยเลย พวกเจ้าก็แค่มนุษย์ในขอบเขตจ้าวพิภพสองคนและเด็กสาวอีกคนที่เพิ่งทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ การเอาชนะพวกเจ้าไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ เต่ามังกรก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
พลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และสหายทั้งสอง แน่นอนว่าเต่ามังกรสัมผัสได้อย่างชัดเจน
มนุษย์ทั้งสามเป็นเพียงจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวพิภพสองคนและอีกคนที่เพิ่งบรรลุขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ แล้วมนุษย์ตัวกระจ้อยเหล่านี้จะเทียบชั้นกับอสูรมายาที่ใกล้บรรลุระดับอสูรสุริยะขั้นสูงสุดได้อย่างไร?
“เจ้าเต่ามังกรน้อย ในเมื่อมั่นอกมั่นใจนัก เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดมั่นใจของอสูรมายาตรงหน้า ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าวท้าทายมัน
ฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นเข้าใจดีว่าฉินอวี้โม่กำลังวางแผนอะไร ทว่าทั้งสองไม่คิดจะเอ่ยขัดขวางนาง
เพราะไม่ว่าฉินอวี้โม่ต้องการทำสิ่งใด พวกเขาก็จะสนับสนุนนางอย่างเต็มที่
“เจ้ามนุษย์ ว่ามาสิ เจ้าต้องการเดิมพันอะไร?”
เมื่อได้ยินวาจาของมนุษย์ผู้กล้า เต่ามังกรก็ไม่รอช้าและยิ้มกริ่มทันที
“พวกเราทั้งสามจะสู้กับเจ้า หากเจ้าชนะ เรายินดีที่จะอยู่ที่นี่และเป็นเพื่อนเล่นของเจ้า ทว่าหากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมาเป็นอสูรมายาของข้า ว่าอย่างไร? เจ้ากล้ารับคำท้ารึไม่?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเช่นกันและอธิบายเงื่อนไขของนางออกไป ถึงอย่างไรนางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะสยบเต่ามังกรตัวนี้ให้ได้ แน่นอนว่านางจะไม่ลังเล
“ฮ่าๆๆ เจ้ามนุษย์ ทำไมข้าจะไม่กล้าล่ะ? ในเมื่อเจ้ากล้าท้าทายข้าเช่นนี้ เจ้าจะต้องแพ้แน่!”
เต่ามังกรพยักหน้าตอบตกลงโดยไม่ลังเล
“ถ้างั้นก็รอดูเถอะ!”
อดีตนักฆ่าสาวยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนที่ร่างของนางจะพุ่งตรงออกไปปรากฏกายตรงหน้าเต่ามังกรในทันที จากนั้นหมัดที่รวบรวมพลังส่วนใหญ่ของนางก็พุ่งตรงไปที่หัวของเต่ามังกรอย่างรวดเร็ว
“เฮอะ โจมตีทีเผลอรึ!”
เต่ามังกรสัมผัสได้ถึงการโจมตีของฉินอวี้โม่และหมัดของนางเหวี่ยงออกมาถึงตรงหน้าของมันแล้ว
ทว่ามันไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด ทันใดนั้น ผลึกน้ำแข็งหนาก็ปรากฏรอบตัวและห่อหุ้มมันไว้
ตู้ม!
หมัดของฉินอวี้โม่กระแทกลงบนผลึกน้ำแข็งจนเกิดเสียงดังอู้อี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม มือของนางเจ็บปวดและสั่นเบาๆ ทว่าไม่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายใดต่อเจ้าเต่ามังกรได้เลย
“ช่างเป็นการป้องกันที่แกร่งกล้ายิ่งนัก!”
เมื่อเห็นว่ากำแพงผลึกน้ำแข็งเกิดเพียงรอยร้าวเล็กๆทั้งที่นางโจมตีออกไปอย่างเต็มแรง ฉินอวี้โม่ก็อดถอนหายใจไม่ได้
จากข้อมูลที่เคยรับรู้มา สิ่งที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับเต่ามังกรก็คือความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม เมื่อได้ทดสอบด้วยตัวเองเมื่อครู่ นางก็ได้รู้ว่ามันสมคำร่ำลืออย่างแท้จริง
“นภายุทธ์ —— กระบี่พายุสะเทือน!”
อีกฟากหนึ่ง ฉีอวิ๋นเหล่ยก็ตะโกนขึ้นและกระบี่สีทองเล่มใหญ่ปรากฏในมือของเขาก่อนแปรเปลี่ยนเป็นพายุคลั่งที่พุ่งตรงไปที่หางของเต่ามังกร
ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยต่างก็มีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน เนื่องจากรู้ดีว่าเปลือกหนารอบลำตัวเต่ามังกรนั้นยากจะทำลายได้ เพราะเหตุนั้น ทั้งสองจึงมองหาและพบจุดอ่อนบนร่างของเต่ามังกรซึ่งก็คือหัวและหางของมัน
“หึ เจ้าทั้งสองฉลาดทีเดียว”
เต่ามังกรแค่นเสียงอย่างเย็นชาและยังไร้ซึ่งความหวั่นกลัวใดๆ หางของมันสะบัดเล็กน้อยและกระบี่น้ำแข็งหลายเล่มก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนพุ่งตรงไปในทิศทางของฉีอวิ๋นเหล่ย
ตู้ม!
กระบี่น้ำแข็งเหล่านั้นแหลกสลายไปทีละเล่มและกระบี่พายุสะเทือนของฉีอวิ๋นเหล่ยก็ถูกเต่ามังกรทำลายไปโดยตรง
“ไม่เลวเลย!”
ร่างของฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและปรากฏกายในตำแหน่งเดิมอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองจ้องมองไปที่อสูรตัวใหญ่และกล่าวชมออกมา
“พวกเจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า!”
เต่ามังกรมองฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยอย่างกล้าหาญ ทว่าความดูแคลนในแววตาของมันหายไปมากแล้ว มนุษย์ตัวเล็กทั้งสองคนนี้เก่งกาจมาก อย่างน้อยทั้งสองก็สามารถนำภัยมาสู่ตัวมันได้ หากไม่ใช่เพราะพลังความแข็งแกร่งที่ต่างชั้นกันอย่างชัดเจน เกรงว่าเต่ามังกรคงจะบาดเจ็บหนักไปแล้ว
“รับไปซะ!”
เต่ามังกรยิ้มกริ่มและอ้าปากออกมาก่อนสิ่งที่ดูคล้ายน้ำตกโจมตีตรงไปที่ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย ไม่ว่าจะพุ่งผ่านไปที่ใด ก้อนผลึกน้ำแข็งก็จะปรากฏขึ้นทันทีและบรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุมไปทั่วพื้นที่
“สิ่งนี้เรียกว่า ‘วารีน้ำแข็ง’ หากว่ามันสัมผัสถูกร่างกายของพวกเจ้า พวกเจ้าจะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปชั่วขณะ”
เต่ามังกรเอ่ยเตือนฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยเพื่อให้ทั้งสองหยุดการโจมตีและหลบเลี่ยงพวกมันได้ทันเวลา
ทักษะวารีน้ำแข็งนี้ เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าสำหรับเอาชนะศัตรู สิ่งที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับเต่ามังกรคือการป้องกันและมันมีทักษะการโจมตีเพียงไม่มากนัก
นอกเหนือจากวารีน้ำแข็งนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งทักษะที่ปกติแล้วเต่ามังกรจะไม่ใช้มัน เพราะมันเป็นทักษะที่สามารถทำความเสียหายต่อศัตรูได้อย่างรุนแรง ทว่าก็จะสร้างความเสียหายให้ตัวมันเองเช่นกัน
เต่ามังกรเชื่อว่าเพียงแค่ทักษะนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์ทั้งสองยอมจำนนแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังน้ำแข็งที่ทรงพลังในสายน้ำ ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็ขมวดคิ้วมุ่น
เต่ามังกรตัวนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง ในเมื่อตอนนี้ไม่สามารถเรียกอสูรพันธสัญญาของตนเองออกมาได้ การเอาชนะอสูรตรงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม แม้เป็นเช่นนี้ ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็จะไม่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ครานี้
“เพลิงจักรพรรดิ!”
ใบหน้าของฉินอวี้โม่แสดงความระแวดระวังอย่างชัดเจน ทันใดนั้น เพลิงเล็กๆก็จุดประกายขึ้นบนปลายนิ้วมือของนางก่อนกลายเป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำขึ้นอย่างช้าๆและประจันหน้ากับวารีน้ำแข็ง
ฉ่า ! ฉ่า ! ฉ่า !
เพลิงจักรพรรดิปะทะเข้ากับวารีน้ำแข็งจนเกิดเสียงปะทุดังแสดงให้เห็นถึงการปะทะอย่างรุนแรง
“ฮ่าๆๆ น้ำย่อมเอาชนะไฟ เจ้าไม่รู้หรอกรึ?! เจ้าจะต้องจนปัญญาแค่ไหนกันถึงได้พยายามใช้เปลวเพลิงในการป้องกันวารีน้ำแข็งของข้า!”
เมื่อเห็นการรับมือของฉินอวี้โม่ เต่ามังกรก็อดหัวเราะพรวดออกมาไม่ได้
มนุษย์คนนี้ช่างเสียสติไปแล้ว ธาตุทั้งห้าต่างก็มีผลยับยั้งต่อกันและกัน โดยที่น้ำเป็นศัตรูตัวฉกาจของไฟ ตอนนี้นางพยายามใช้ทักษะเพลิงเพื่อต้านทานพลังของวารีน้ำแข็งซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขบขันอย่างยิ่งสำหรับมัน
“ฮิๆๆ ก็ไม่เสมอไปหรอก ไม่เคยมีสิ่งใดที่เพลิงของข้าละลายไม่ได้!”
อดีตนักฆ่าสาวผู้เก่งกาจยิ้มกริ่มด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ
ไม่มีใครรู้ถึงพลังของเพลิงจักรพรรดิของซิวดีไปกว่านาง ไม่มีสิ่งในใดยุทธภพนี้ที่จะต้านทานเพลิงจักรพรรดินี้ได้ ต่อให้เป็นวารีน้ำแข็งตรงหน้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อเต่ามังกรได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ มันก็แทบจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง ทว่าเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สีหน้าของมันก็หม่นหมองลงทันที
วารีน้ำแข็งทรงพลังที่มันปล่อยออกไปกำลังไหลย้อนกลับเพราะเพลิงนี้ราวกับเผชิญหน้าศัตรูที่น่าหวาดกลัวอย่างที่สุดและพลังของมันก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเต่ามังกรเอ๋ย เป็นอย่างไรล่ะ? เพลิงของข้าทรงพลังรึไม่?”
เมื่อเห็นว่าเพลิงอสูรของซิวสามารถผลักดันวารีน้ำแข็งกลับไปได้ รอยยิ้มมั่นใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินอวี้โม่
จากนั้นนางก็พุ่งตรงออกไปและปรากฏตรงหน้าเต่ามังกรอีกครั้ง
“มาเถอะ ลองรับกระบวนท่าต่อไปของข้า”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น เพลิงที่ทรงพลังและร้อนระอุยิ่งกว่าเดิมก็ปรากฏขึ้นในมือของฉินอวี้โม่ เปลวเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่อย่างรวดเร็วและแผ่แรงกดดันที่ทำให้เต่ามังกรหวาดหวั่นขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาที่นี่”
ไม่ทันได้เริ่มลงมือ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ นางรู้สึกได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าตรงมาในทิศทางของนางอย่างรวดเร็ว
นางขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมหยุดเปลวเพลิงที่กำลังจะปล่อยออกไปและไม่ได้ลงมือโจมตีเต่ามังกรอีก
.