คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 38.2 ตัวตนที่น่าเกรงขาม (2)
“เจ้ายูนิคอร์นโสโครก !”
เหยี่ยวปีกทองคำรามออกมา มันปลดปล่อยพลังทั้งหมดและกระพือปีกอย่างแรง ส่งพายุหมุนลูกใหญ่ที่ทรงพลังให้พุ่งเข้าหาเสี่ยวเฮย
“เจ้าเหยี่ยวหน้าโง่ !”
เสี่ยวเฮยไม่เกรงกลัว มันเองก็สะบัดปีกแล้วส่งพายุออกไปต้านทานพายุของเหยี่ยวปีกทองเช่นกัน
— ตูม ! —
เมื่อพายุหมุนสองลูกปะทะกันก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่เกิดจากแรงปะทะอันหนักหน่วงกระจายออกไปรอบทิศ หน้าผาที่อยู่ไม่ไกลถูกแรงปะทะนั้นอัดเข้าใส่จนถึงกับถล่มครืนลงมา ต้นไม้บริเวณนั้นล้มระเนระนาดเป็นวงกว้าง
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่มีเวลาสนใจการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยและเหยี่ยวปีกทอง ตอนนี้สถานการณ์การต่อสู้กับเจ้าเสือโคร่งยังคงตึงมือ และเวลานี้เรี่ยวแรงของนางก็ลดลงไปพอสมควรทำให้นักฆ่าสาวกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อยแล้ว
เสือโคร่งที่มีสีแพรวพราวจู่โจมฉินอวี้โม่อีกครั้ง ครั้งนี้อดีตคุณหนูผู้งดงามไม่หลบหลีกอีกต่อไป นางพุ่งเข้าปะทะกับกรงเล็บที่แหลมคมของเจ้าเสือร้ายตรง ๆ
— ปุบ ! —
อุ้งเท้าของเสือโคร่งตะปบถูกร่างบางอย่างจังจนทำให้นางกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ทันทีที่ได้เห็นเช่นนั้น เจ้าเสือโคร่งสีประหลาดก็เริ่มได้ใจ มันผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปมาก ขณะเดียวกันก็ลดระดับความระมัดระวังและเริ่มช้าลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสภาพที่ดูน่าอนาถของคู่ต่อสู้ มันก็อดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าขึ้นมองอย่างสาแก่ใจ
“ตอนนี้แหละ !”
เมื่อเห็นว่าเจ้าเสือโคร่งจอมยโสเริ่มประมาท รอยยิ้มอันเยือกเย็นก็ปรากฏบนใบหน้างามของนักฆ่าสาว ร่างบอบบางหายวับไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังของเสือใหญ่ผู้เริ่มโง่
“แอ่กกกก !”
เสือโคร่งสีสันแพรวพราวส่งเสียงร้อง *แอ่ก* ได้เพียงครั้งเดียวก็ล้มลงดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด ในตอนนี้ที่หัวของมันมีกริชระยิบระยับงดงามปักคาอยู่
บางครั้งการมีสติปัญญาเหนือกว่าสัตว์อื่น ๆ ของอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นบ่อเกิดแห่งหายนะต่อตัวมันเอง เสือเทวะระดับสามดาราที่แข็งแกร่งจบสิ้นไปเพราะความประมาทของมันที่คิดว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น
“ทุกคนช่วยกันฝ่าวงล้อมออกไป !”
ฉินอวี้โม่ตะโกนบอกกลุ่มทหารรับจ้างชื่อเหยียน ขณะที่ตัวเองก็กำลังพยายามเปิดทางฝ่าออกไป
ลั่วอวิ๋นและคนอื่น ๆ พยักหน้า อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นอสูรมายาของลั่วอวิ๋นพุ่งเข้าไปปะทะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เขารับมืออยู่ ขณะที่คนอื่นๆ ก็พยายามช่วยกันจัดการกับอสูรมายาตรงหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อเปิดทางออกไปให้ได้
“เจ้าพวกมนุษย์โสโครก !”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ใกล้จะฝ่าวงล้อมอสูรออกไปได้แล้ว เหยี่ยวปีกทองที่กำลังต่อสู้กับเสี่ยวเฮยอยู่อย่างดุเดือดก็สบถคำรามเสียงดังลั่น ตอนนี้ความดุร้ายของมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย
ทันใดนั้น เจ้าเหยี่ยวที่กำลังคลั่งก็อ้าปากกว้าง ก้อนแสงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นก่อนจะถูกส่งให้พุ่งตรงเข้าใส่ยูนิคอร์นสีนิลคู่ต่อสู้ที่น่ารำคาญของมันอย่างรุนแรง
และเจ้าเหยี่ยวปีกทองก็ใช้โอกาสในช่วงเวลานั้นเอง ผละตัวออกจากเสี่ยวเฮยและพุ่งเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
“นายหญิงระวัง !”
เสี่ยวเฮยรีบเบี่ยงตัวหลบก้อนแสงและบินโฉบเข้าหาฉินอวี้โม่
ทว่าโชคร้ายที่ความเร็วของเหยี่ยวปีกทองสูงเกินไปทำให้เสี่ยวเฮยที่เสียเวลาหลบก้อนแสงไล่ตามไม่ทัน อาชาสีดำผู้ภักดีจึงทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนเตือนเจ้านายสาว
เมื่อได้ยินเสียงเตือนของเสี่ยวเฮย ฉินอวี้โม่ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวปีกทองรวดเร็วจนเกินไป มันไม่มีทางที่นางจะหลบมันได้พ้น นักฆ่าสาวทำได้เพียงแค่สร้างระยะห่างให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มพื้นที่ตั้งรับและรวบรวมพลังป้องกันการโจมตีของเหยี่ยวปีกทอง
ตอนนี้เหยี่ยวยักษ์อยู่ห่างจากนางไม่กี่ช่วงตัวแล้ว เหล่าทหารรับจ้างในกองทหารชื่อเหยียนถึงกับลืมการต่อสู้ตรงหน้าไปชั่วขณะและหันไปมองสตรีผู้เก่งกล้าด้วยความกังวลและหวาดหวั่น
เสี่ยวโร่วเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องสุดเสียง
“คุณหนู !”
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะสังหารคนตรงหน้าได้ เหยี่ยวปีกทองก็รู้สึกย่ามใจ ขอเพียงแค่มันจัดการกับมนุษย์ผู้นี้ได้ มันก็จะได้ผลหลิวหลีกลับคืนมา และหลังจากนี้มันก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ทว่าในตอนที่การโจมตีอันทรงพลังกำลังจะปะทะร่างบาง จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าเหยี่ยวปีกทองที่พุ่งตรงเข้ามาหยุดเคลื่อนไหวไปอย่างฉับพลัน
ในช่วงเวลาที่เหยี่ยวปีกทองใกล้เข้าไปจนเกือบจะถึงตัวมนุษย์ตรงหน้า จู่ ๆ มันก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันรุนแรงบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะ แรงกดดันนั้นหนักหน่วงและน่าหวาดกลัวเสียจนทำให้มันชะงักค้าง เหยี่ยวระดับเทวะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“เจ้าพวกอสูรมายาต่ำต้อย หมอบลงไปซะ !”
เสียงที่ทรงพลังและฟังดูน่าเกรงขามดังขึ้น พร้อมกันนั้นทะเลเพลิงก็ปรากฏขึ้นในอากาศ เหล่าอสูรมายาที่กำลังไล่ต้อนเหล่ามนุษย์ต่างหยุดชะงักและคุกเข่าลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ฉินอวี้โม่หันไปมองรอบ ๆ ทว่ากลับไม่พบเห็นร่างของผู้ใดเลย นางเห็นเพียงแค่เงาร่างที่พร่าเลือนลอยอยู่กลางอากาศเท่านั้น
“เหยี่ยวปีกทองที่ต่ำต้อย เจ้าคิดจะทำร้ายนายหญิงของข้าอย่างนั้นรึ ?”
เงานั้นจ้องมองเหยี่ยวปีกทองด้วยสายตาดูถูก
เหยี่ยวปีกทองมองดูเงานั้นด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต มันแทบจะหยุดหายใจและไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้
“จะยอมแพ้หรือตาย จงเลือกเอา !”
เงานั้นกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่สามารถสั่นประสาทเหล่าอสูรมายาอย่างถึงที่สุด
เหยี่ยวปีกทองพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มความกลัวที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันกัดฟันและพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว “ทำไมข้าต้องยอมด้วย ?”
“ทำไมอย่างนั้นรึ ?”
ซิวเปล่งเสียงออกมาอย่างโกรธเคือง น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความเหยียดหยามเด่นชัด ทันใดนั้น เปลวเพลิงในอากาศก็พุ่งตรงเข้าเผาผลาญเหยี่ยวปีกทองอย่างรวดเร็ว
“แกว๊กกก !”
อสูรมายาระดับเทวะส่งเสียงร้องออกมาอย่างทุรนทุราย เพียงพริบตาเดียวมันก็เกือบจะกลายเป็นนกย่างไปเสียแล้ว
“จะยอมหรือจะตาย ?”
ซิวมองเหยี่ยวปีกทองที่กำลังถูกเปลวไฟแผดเผาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง
เหยี่ยวปีกทองไม่พูดอะไรอีก มันก้มหัวลงต่ำอย่างยอมศิโรราบ หากไม่ยอมเปลวเพลิงแสนร้อนแรงของซิวจะต้องเผามันจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
แม้ว่ามันจะเป็นอสูรเทวะก็ตาม แต่ถ้าหากแกนชีวิตของมันถูกเผาจนหลอมละลาย ชีวิตนี้ของมันก็คงต้องจบสิ้นเป็นแน่