คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 381 ออกเดินทางไปสู่โลกมายา
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวังวนทมิฬให้ฉินเทียนได้ทราบ
เมื่อได้รู้สิ่งที่หานโม่ฉือกล่าวทิ้งท้ายกับฉินอวี้โม่ ทุกคนก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย
ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดมีความหวังในหัวใจ ผู้ที่เก่งกล้าสามารถอย่างหานโม่ฉือไม่มีทางตายง่ายๆอย่างแน่นอน พวกเขาเชื่อมั่นว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะไปที่ดินแดนเทพมายาแล้ว
“พี่อวี้โม่ อย่ากังวลไปเลย พี่โม่ฉือทรงพลังอย่างยิ่ง เขาจะต้องไม่เป็นอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถแยกห้วงอวกาศเปิดมิติได้ บางทีในวินาทีสุดท้าย เขาอาจจะเปิดมิติและออกไปจากที่นั่นแล้ว”
เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาจับมือฉินอวี้โม่และกล่าวปลอมประโลมนาง
“เสี่ยวเหยียนพูดถูก จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับยอดฝีมืออย่างพี่โม่ฉือกัน? คาดว่าเขาน่าจะไปที่ดินแดนเทพมายาแล้ว ตราบใดที่เราไปที่นั่น เราจะได้พบเขาอย่างแน่นอน”
ซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วยและปลอบให้ฉินอวี้โม่สบายใจขึ้น
“ใช่แล้ว สาวน้อยทั้งสองพูดถูก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดว่าพลังการระเบิดตัวเองเมื่อครู่ทรงพลังอย่างยิ่ง บางทีมันอาจเกิดช่องว่างเชิงมิติบางอย่างขึ้นมา พ่อหนุ่มหานโม่ฉืออาจจะเข้าไปในนั้นและไปยังมิติอื่นแล้ว”
ฉินจ้านกล่าวและเขาเองก็แสดงท่าทีปลอบประโลมฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบางๆ ครานี้อารมณ์ความรู้สึกของนางดีขึ้นเล็กน้อยและนางก็ต้องการทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ
นางยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าหานโม่ฉือจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นางก็จะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อไป
ในเมื่อหานโม่ฉือกล่าวไว้ว่าจะได้พบกันอีกครั้งในดินแดนเทพมายา นางก็จะหมั่นฝึกฝนเพิ่มพูนพลังให้แข็งแกร่งและเดินทางไปที่ดินแดนเทพมายาโดยเร็วที่สุด นางเชื่อมั่นใจตัวหานโม่ฉือและเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะได้ครองคู่กันไปตลอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินจ้านพูดถูก ด้วยพลังมหาศาลเช่นนั้นที่ระเบิดออกมา มีความเป็นไปได้มากว่าจะเกิดช่องว่างเชิงมิติขึ้น หากว่าหานโม่ฉือเข้าไปในช่องว่างเชิงมิตินั้นได้ เขาก็จะมีโอกาสหลบหนีออกไป
บางทีตอนนี้หานโม่ฉืออาจกำลังท่องอยู่ในมิติใดสักแห่งและฟื้นฟูรักษาตัวอยู่ข้างในนั้น ซึ่งหลังจากนั้นเขาจะหาทางออกมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นและจิตวิญญาณการต่อสู้ของนางก็กลับมาลุกโชนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่านางฟื้นตัวจนดูปกติเหมือนก่อน ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าพวกเขาก็รู้ว่าฉินอวี้โม่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การที่ตอนนี้ยังไม่รู้ถึงความเป็นความตายของหานโม่ฉืออย่างแน่ชัด นางจะไม่มีทางผ่อนคลายเหมือนก่อนเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่นางฟื้นจิตวิญญาณการต่อสู้อันแรงกล้ากลับคืนมาและไม่จมปลักอยู่กับเหตุการณ์นั้น แค่นั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้น ทุกคนก็แอบภาวนาอยู่ในใจด้วยความหวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นกับหานโม่ฉือ มิฉะนั้น จากสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดสังเกตเห็นเกี่ยวกับความรู้สึกระหว่างฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ หากหานโม่ฉือเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่านางจะต้องตกอยู่ในสภาพอย่างไร
“ท่านพ่อ ท่านลุงหยินหึน ข้าจะต้องเดินทางไปที่โลกมายาโดยเร็วที่สุด”
ฉินอวี้โม่ยิ้มให้บิดาและผู้นำขุมกำลังเอกพิภพขณะบอกการตัดสินใจของตนเอง
บัดนี้พลังของนางอยู่ในขอบเขตจ้าวสุริยะและนางมีคุณสมบัติพอที่จะไปยังโลกมายาแล้ว
แม้ว่าแท้ที่จริงแล้วนางต้องการไปที่ดินแดนเทพมายาโดยตรง ทว่าผนึกที่สองของกายเทพมายาก็อยู่ในโลกมายา ฉินอวี้โม่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปที่นั่นก่อน
หยินหึนและฉินเทียนพยักศีรษะตอบรับ ทั้งสองเข้าใจความคิดของนางและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“เอาล่ะ กลับไปเตรียมความพร้อมก่อนเถอะ ข้าจะเล่าสถานการณ์ของที่นั่นให้ท่านได้ทราบ โลกมายามิใช่สถานที่ธรรมดาเลย ผนึกที่สองของกายเทพมายาอยู่ใต้หอคอยที่สูงที่สุดในศูนย์กลางของโลกมายา การเข้าไปที่นั่นไม่ง่ายเลย”
หยินหึนพยักศีรษะและกล่าวกับฉินอวี้โม่
“ข้าเข้าใจ”
ฉินอวี้โม่พยักตอบกลับอย่างจริงจัง นางต้องการรู้และทำความเข้าใจสถานการณ์ของที่นั่นเพื่อเตรียมความพร้อม
ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆก็มองฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้าประหลาดและไม่เข้าใจ
“ข้าจะอธิบายให้ฟังเอง”
ฉุ่ยเยว่ยิ้มพร้อมชำเลืองมองไปที่ฉินอวี้โม่และหยินหึน เมื่อสบตากับคนทั้งสองและพยักศีรษะ นางก็หันกลับมาอธิบายเรื่องราวให้ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆได้ทราบ
เมื่อได้ฟังเรื่องราว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไปกับฉินอวี้โม่และคอยช่วยเหลือนางเช่นกัน
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธน้ำใจนี้ พวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับนาง
หลังจากการเดินทางนานสามวัน ฉินอวี้โม่และคณะเดินทางก็กลับมาถึงเมืองเฟิงอวิ๋น
หยินหึนหยิบสำเนาข้อมูลฉบับหนึ่งยื่นให้ฉินอวี้โม่เพื่อให้นางอ่านและศึกษามัน
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับโลกมายาซึ่งเป็นบันทึกอย่างคร่าวๆที่ระบุถึงขุมกำลังใหญ่บางส่วนของที่นั่น
ฉินอวี้โม่พลิกอ่านมันอย่างคร่าวๆเพื่อทำความเข้าใจโดยรวมก่อนเก็บมันไว้
หยินหึนไม่ได้ไปที่นั่นมานานมากแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของที่นั่น ข้อมูลทั้งหมดในเอกสารฉบับนี้เป็นเพียงเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้วและไม่อาจรู้ได้ว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างไร
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ข้าวางแผนจะพาคนสักกลุ่มไปที่ดินแดนเทพมายา อย่างแรกข้าจะเข้าไปขยายอิทธิพลที่นั่น และอีกอย่างข้าจะสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหานโม่ฉือ”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่อ่านข้อมูลจนเสร็จสิ้น ฉินเทียนก็กล่าวถึงแผนการที่เขาวางไว้
เดิมทีเขาต้องการเดินทางไปที่โลกมายากับฉินอวี้โม่ ทว่าหลังจากสนทนากับหยินหึน เขาก็ได้ล้มเลิกความคิดนั้นไป
การไปที่โลกมายาเพื่อปลดผนึกที่สองของกายเทพมายามิใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ภายในเวลาสั้นๆ ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆยังถือว่าอ่อนแอพอสมควรและจะต้องสำรวจสืบค้นหาไปพร้อมกับการฝึกยุทธ์
สำหรับฉินเทียน เขาควรมุ่งหน้าตรงไปที่ดินแดนเทพมายาเพื่อขยายกองกำลังและอิทธิพลของตนเองในดินแดนเทพมายา รวมถึงสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหานโม่ฉือ
แม้ว่าเขากังวลและเป็นห่วงบุตรสาว นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและสนับสนุนการตัดสินใจของฉินเทียน
“ท่านพ่อ ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ หวังว่าหลังจากที่ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยและเดินทางไปที่ดินแดนเทพมายา ข้าจะมีผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่”
นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวติดตลกเพื่อไม่ให้ฉินเทียนเป็นกังวล
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ฉินเทียนก็ยิ้มอย่างมั่นใจและกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อเจ้าไปที่ดินแดนเทพมายา เจ้าจะได้ถือครองอำนาจและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะรังแกผู้ใดก็ได้ที่เจ้าต้องการ หากเจ้าต้องการสิ่งใด พ่อก็จะไปหามันมาให้เจ้าทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำพูดตามใจของบิดา ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มและกล่าวต่อ “มันจะดีมากหากท่านพ่อตามหาท่านพี่และท่านแม่ให้พบ พวกเราจะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา”
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
ฉินเทียนพยักศีรษะ เขาไม่กังวลเกี่ยวกับฉินอี้เฟยและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นมากนัก อย่างน้อยที่สุดเขาก็รู้ว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใด
สำหรับฉินอี้เฟยนั้น ฉินเทียนไม่เป็นกังวลและเชื่อว่าเขาได้สร้างจุดยืนที่ดีในดินแดนเทพมายาแล้ว
ผู้ที่ฉินเทียนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือหานโม่ฉือ ทว่าเขาไม่ได้เอ่ยมันออกไป
“ท่านลุงฉิน พี่อวี้โม่ ท่านลุงหยินหึนเรียกพบท่านทั้งสองเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาและเรียกสองพ่อลูก
ฉินเทียนและฉินอวี้โม่พยักศีรษะก่อนมุ่งหน้าไปยังขุมกำลังเอกพิภพด้วยกัน
ภายในขุมกำลังเอกพิภพ ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นั่นเพื่อหารือแผนการในลำดับต่อไป
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปสู่โลกมายาตั้งอยู่ในเมืองเฟิงอวิ๋น และค่ายกลเคลื่อนย้ายไปสู่ดินแดนเทพมายาตั้งอยู่ในทางเหนือสุดของดินแดนอ้างว้าง วันนี้ที่เราเรียกทุกคนมาพร้อมหน้าก็เพื่อที่จะหารือว่าใครจะเดินทางไปที่ใด”
หยินหึนกวาดสายตามองทุกคนและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ ให้คนหนุ่มสาวไปที่โลกมายาเถอะ คนแก่อย่างพวกเราควรไปที่ดินแดนเทพมายาเพื่อพัฒนาอำนาจขึ้นที่นั่น”
ฉีเจิ้นยิ้มและกล่าวอย่างสบายๆเพื่อบอกการตัดสินใจของตนเองต่อทุกคน
“ใช่แล้ว ให้คนรุ่นเยาว์ไปที่โลกมายาเถอะ พวกเราควรไปที่ดินแดนเทพมายาโดยตรง”
ซูเทียนหยาเห็นด้วย พวกเขาหารือถึงการตัดสินใจนี้มาก่อนแล้วและแน่นอนว่าครานี้จะไม่มีการคัดค้านใดๆ
“ตอนนี้พี่หยินหึนยังออกจากดินแดนอ้างว้างไม่ได้ เขาจึงจะอยู่ที่นี่ต่อไป ที่นี่จะถือว่าเป็นฐานทัพที่มั่นของพวกเราซึ่งจะไม่เกิดภยันตรายใดๆ หากในอนาคตการพัฒนาของเราในดินแดนเทพมายาไม่ราบรื่น เราก็สามารถกลับมาที่นี่ได้”
ฉินเทียนกล่าวกับทุกคนและแน่นอนว่าหยินหึนต้องการอยู่ดูแลความเรียบร้อยของดินแดนอ้างว้าง
แม้ว่าอิทธิพลของฝ่ายมารในดินแดนอ้างว้างจะถูกกวาดล้างไปโดยสมบูรณ์แล้ว ดินแดนอ้างว้างก็ยังคงไม่ได้สงบสุข
ถึงแม้ขุมกำลังเอกพิภพมีอำนาจทรงพลังมากที่สุด ทว่าหลายขุมกำลังก็กำลังเตรียมตัวจะเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว เพราะเหตุนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอย่างหยินหึนอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
เมื่อได้ฟังความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์ของทุกคน หยินหึนก็พยักศีรษะและไม่ปฏิเสธใดๆ ด้วยสภาวะทางร่างกายของเขาในปัจจุบัน ไม่มีทางเลยที่เขาจะไปจากดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีดินแดนอ้างว้างเป็นฐานที่มั่นที่พวกเขาสามารถกลับมาได้เสมอ พวกเขาที่ออกไปแสวงหาอำนาจและอิทธิพลในดินแดนเทพมายาก็จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
“ในความคิดของข้า อวิ๋นเหล่ย ซื่อชู่ อู๋ชาง จ้านเอ๋อร์ ฉู่รุ่ยและฉุ่ยเยว่ควรไปโลกมายากับฉินอวี้โม่ ส่วนคนที่เหลือก็ไปที่ดินแดนเทพมายา”
ฉินเทียนกวาดสายตามองฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆก่อนเอ่ยรายชื่อออกมาจำนวนหนึ่ง
ทุกคนที่เขาเอ่ยถึงล้วนมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง หากเดินทางไปด้วยกัน พวกเขาจะต้องช่วยฉินอวี้โม่ได้อย่างแน่นอน
ทุกคนพยักศีรษะโดยไม่คัดค้าน
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ได้ตัดสินใจเรื่องกำหนดเวลาทันทีและเตรียมตัวเดินทางมุ่งหน้าไปยังโลกมายาในอีกสามวันข้างหน้า
ตลอดช่วงสามวันนี้ แน่นอนว่าทุกคนกลับไปยังบ้านเมืองของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมก่อนจากออกไป
ฉินเทียนก็พาฉินอวี้โม่ไปยังอาณาเขตของเขาในดินแดนอ้างว้างซึ่งก็คืออาณาเขตของขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬนั่นเอง
การใช้เวลาตลอดสามวันในขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกสบายกายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
สามวันต่อมา ทุกคนก็มารวมตัวกันในเมืองเฟิงอวิ๋นอีกครา
หยินหึนนำทางฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายสำหรับมุ่งหน้าไปที่โลกมายาซึ่งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินใต้ลานจัตุรัส
ฉินเทียนและคนอื่นๆก็มารวมตัวกันเพื่อส่งคนรุ่นเยาว์ทั้งหลายด้วยความรู้สึกฝืนใจ
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เมื่อไปถึงที่นั่น เจ้าจะต้องระวังตัวให้มาก อย่าทำสิ่งใดที่เจ้าไม่มั่นใจ เข้าใจรึไม่?”
ฉินเทียนเอ่ยกับบุตรสาวเพื่อให้นางระมัดระวังในทุกๆการกระทำ
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบตกลงและนางบอกให้บิดาระวังตัวเมื่อไปถึงที่ดินแดนเทพมายาเช่นกัน
เมื่อสวมกอดบุตรสาว ฉินเทียนก็รู้สึกฝืนใจที่จะต้องแยกจากนางเป็นอย่างยิ่ง
บิดาและบุตรสาวได้พบกันและใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงไม่ถึงครึ่งปี ไม่คิดเลยว่าจะต้องจากกันอีกครา และเมื่อจากกันครานี้ ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าอีกนานเพียงใดทั้งสองจึงจะได้พบหน้ากัน
ทั้งฉินเทียนและฉินอวี้โม่ต่างก็ไม่ต้องการแยกจากกัน
“ท่านพ่อบุญธรรม ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะดูแลอวี้โม่และไม่ให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นกับนางได้”
ฉินจ้านมองเห็นความไม่เต็มใจของฉินเทียน เขาจึงเดินเข้ามาใกล้และยิ้มบางๆ
“เหอะ จำคำของเจ้าไว้ล่ะ หากเจ้าดูแลเสี่ยวโม่เอ๋อร์ไม่ได้ รอดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง”
ฉินเทียนแค่นเสียงในลำคอพร้อมกล่าวเสียงแข็งและแสร้งทำท่าทางข่มขู่
จากนั้น ทุกคนก็เดินตรงเข้าไปในห้องลับก่อนที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะปรากฏให้เห็นตรงหน้า
หลังจากพยักศีรษะให้ทุกคน ฉินอวี้โม่ก็ไม่รอช้าและเดินนำเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อนหายวับไปต่อหน้าทุกคน
แน่นอนว่าฉินจ้านและคนอื่นๆก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว ทว่าก่อนที่จะก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงหน้า จู่ๆก็เกิดความผิดปกติบางอย่างก่อนที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงหน้าจะอันตรธานหายไปต่อหน้าทุกคนจนเหลือเพียงกำแพงหนา…
. .