คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 39.1 มายารัตนะ (1)
ภายใต้แรงกดดันที่แข็งแกร่งของซิว เหยี่ยวปีกทองทำได้เพียงยอมสยบอยู่แทบเท้ามันเท่านั้น
“นายหญิง ท่านรีบทำพันธสัญญากับเจ้านี่เถอะ พลังจากการทำพันธสัญญาอาจจะทำให้ท่านสามารถพัฒนาไปสู่ขอบเขตถัดไปได้”
เงาร่างของซิวส่งเสียงเรียกฉินอวี้โม่ให้เข้าไปหาเหยี่ยวปีกทอง
ฉินอวี้โม่พยักหน้าและเดินเข้าไปใกล้จุดที่ซิวและเหยี่ยวปีกทองลอยอยู่
นางเอามือวางลงบนหัวของเหยี่ยวปีกทองอสูรมายาระดับเทวะสามดาราและเริ่มการทำพันธสัญญา
ผ่านไปชั่วครู่ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาวูบหนึ่ง พันธสัญญาสำเร็จลุล่วงแล้ว และแสงที่บ่งบอกถึงระดับพลังก็ปรากฏขึ้นตรงฝ่าเท้าของฉินอวี้โม่
ตอนนี้ดวงดาราทั้งเก้าดวงที่อยู่บนฝ่าเท้าเล็กของนางหมุนวนและรวมตัวกันเป็นดาราดวงใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นดาราดวงที่สองและสามก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น จนกระทั่งดาราที่สามเติบโตจนสมบูรณ์แล้วแสงสว่างก็หายไป
เพียงแค่พลังจากการทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองก็ทำให้ฉินอวี้โม่พัฒนาขึ้นไปอยู่ในขอบเขตมายารัตนะสามดาราแล้ว
ขณะเดียวกัน แสงแห่งการวิวัฒนาการก็ปรากฏขึ้นมาบนร่างของเหยี่ยวปีกทอง มันก้าวหน้าจากอสูรเทวะสามดาราเป็นไปหกดารา
ขนของเจ้าเหยี่ยวยักษ์ที่แต่เดิมถูกเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นสีถ่านก็ฟื้นฟูกลับมาทองอร่ามและเป็นประกายเงางามเช่นเดิม จากเดิมที่อยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตาย เหยี่ยวระดับเทวะก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เมื่อระดับพลังของนายหญิงพัฒนา เสี่ยวเฮยก็เกิดการเลื่อนขั้นดาราตามนายของมันด้วยเช่นกัน เวลานี้ยูนิคอร์นสีนิลเปลี่ยนจากอสูรเทวะหนึ่งดาราไปเป็นสี่ดาราเรียบร้อยแล้ว
“นายหญิง นายหญิง ข้าเลื่อนขั้นแล้ว! ”
เสี่ยวเฮยรีบวิ่งมาอยู่ข้างฉินอวี้โม่ด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดี อาชาเขาแหลมวิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวเจ้านายสาวอย่างร่าเริงก่อนจะหยุดวิ่งและก้มลงไปใช้ปลายจมูกดุนมือนางเบา ๆ
“ยินดีกับเจ้าด้วย”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าชอบใจ นางหัวเราะกับท่าทางน่าเอ็นดูของเจ้าดำน้อยในร่างขนาดไม่น้อย แล้วใช้มือลูบหัวมันเพื่อแสดงความชื่นชม
“นายหญิง ข้าก็เลื่อนขั้นแล้ว”
เป็นเพราะได้ทำพันธสัญญาแล้วทำให้แรงกดดันที่ได้รับจางหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้เหยี่ยวปีกทองลุกขึ้นมายืนได้แล้ว และสายสัมพันธ์แห่งผู้เป็นนายกับอสูรมายาก็ก่อตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
“นายหญิง ข้าต้องกลับก่อน การวิวัฒนาการของข้ายังไม่สมบูรณ์ ครั้งนี้เป็นเพราะข้าสัมผัสได้ว่าอันตรายร้ายแรงกำลังคุกคามตัวท่านจึงจำเป็นต้องฝืนออกมาช่วย ข้าอ่อนล้ามากแล้วต้องขอตัวก่อน แต่หลังจากนี้กว่าข้าจะวิวัฒนาการสำเร็จคงจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ทีเดียว”
เงาร่างราง ๆ ของซิวทำท่าทางประหลาดคล้ายกำลังโค้งคำนับให้กับฉินอวี้โม่ และไม่กี่อึดใจต่อจากนั้นเงาเลือนรางก็เริ่มจางหายไปอย่างช้า ๆ
“ท่านไม่ต้องกังวล ระหว่างที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้ากางเขตอาคมไว้แล้ว ทุกคนที่อยู่ภายนอกจะเห็นเพียงแค่ท่านทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองเท่านั้น แต่พวกเขาจะไม่รู้ถึงการเลื่อนระดับพลังอสูรมายา ท่านอย่าได้กังวลว่าจะถูกผู้ใดสงสัย”
หลังจากคำพูดนั้นสิ้นสุดลง ร่างของซิวก็หายไปโดยสมบูรณ์
ดูเหมือนเรื่องเลวร้ายจะผ่านพ้นไปแล้ว ฉินอวี้โม่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างบางหยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่ ใบหน้างดงามฉายแววสงสัย เวลานี้นางกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ร่างของคุณหนูสี่นี้มีความรู้อยู่ไม่น้อย แต่เพราะไม่เคยฝึกฝนวิชาและไม่ได้คลุกคลีใกล้ชิดกับเหล่าอสูรมายา นางจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการทำพันธสัญญากับอสูรมายาจะทำให้เหล่าจอมยุทธ์สามารถเลื่อนระดับพลังได้
ทว่าเรื่องนั้นกลับไม่นับว่าประหลาดเลยสักนิด เมื่อเทียบกับเรื่องที่ว่าอสูรมายาเกิดการเลื่อนระดับพลังขึ้นหลังจากผูกพันธสัญญากับมนุษย์! เหมือนเช่นในตอนที่นางทำพันธสัญญากับเหยี่ยวปีกทองเมื่อครู่นี้ อันที่จริงเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันเมื่อครั้งที่นางได้เสี่ยวเฮยมา นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มากเสียจนเรียกว่ามหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่สมควรให้คนภายนอกได้รับรู้ เพราะถ้าหากมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ก็เกรงว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีเกิดความสงสัยในตัวฉินอวี้โม่และนำภัยมาให้ก็เป็นได้
“นายหญิง เงาที่ออกมาเมื่อครู่คืออะไร? ”
เหยี่ยวปีกทองเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แรงกดดันจากซิวทำให้มันหวาดกลัวและทุกข์ทรมานอย่างไม่สามารถต้านทานได้เลย ผู้ที่มีแรงกดดันอย่างมหาศาลที่ทำให้แม้แต่อสูรเทวะยังต่อต้านไม่ได้เช่นนี้จะทรงพลังและแข็งแกร่งมากเพียงใด ?!
“เงานั้นอาจจะเป็นอสูรมายาแห่งโชคชะตาของนายหญิงก็ได้ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ระดับไหน รู้แค่ว่าต่อให้มียูนิคอร์นสีนิลที่เหมือนข้าอีกสิบตัวร่วมกันรับมือก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควร”
เสี่ยวเฮยนั้นเคยเป็นอสูรมายาที่ทำหน้าที่พิทักษ์ถ้ำที่อยู่ของซิวมาก่อน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายนั้นเป็นอย่างดี
แรงกดดันจากพลังของซิวทำให้มันขัดขืนและทำสิ่งอื่นใดที่เป็นการต่อต้านไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าซิวหากขัดขืนจะมีเพียงผลลัพธ์เดียวที่รออยู่ นั่นก็คือความตาย