คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 418 การหยั่งเชิงของฉินเฟิง
จวนเจ้าเมืองของเมืองวารีมายาเป็นที่พักที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่น หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิงเป็นคนนำทางมาด้วยตัวเอง เกรงว่าฉินอวี้โม่คงจะไม่เชื่อว่าที่พักที่ไม่ต่างจากลานกว้างเล็กๆธรรมดานี้แท้จริงแล้วคือจวนของเจ้าเมืองวารีมายา
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือยและชื่นชอบความเงียบสงบมากกว่า เพราะฉะนั้นจวนของข้าจึงดูเก่าทรุดโทรมไปเสียหน่อย หวังว่าสหายน้อยอวี้โม่จะไม่รังเกียจ”
ฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอธิบายสั้นๆ
“ไม่เลย ข้าเพียงแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม นางรู้สึกว่าฉินเฟิงผู้นี้น่าสนใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับทัศนคติวางท่าสูงส่งและจวนหรูหราของฉินส่าวชิงแห่งเมืองเพลิงมายา ฉินเฟิงผู้นี้ก็ให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองและเข้าถึงได้ง่ายซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้คน
“สหายน้อยอวี้โม่ นี่คือห้องพักแขกของจวน เชิญท่านพักอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย ข้าจะส่งคนไปจัดเตรียมอาหาร และหลังจากท่านพักฟื้นเรียบร้อย เด็กรับใช้จะพาท่านไปที่ห้องโถง”
ฉินเฟิงพาฉินอวี้โม่ไปที่ห้องหนึ่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นักและดูเรียบง่าย ทว่าให้บรรยากาศที่อบอุ่น
“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉินเฟิงเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ปฏิเสธ แม้ว่าด้วยกายเทพมายาของนาง อาการบาดเจ็บและพลังทั้งหมดที่สูญเสียไปของนางจะฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่แล้ว อย่างไรก็ตาม นางก็ยังรู้สึกอ่อนแรงและต้องการพักผ่อนเป็นระยะสั้นๆ
“ด้วยความยินดี”
ฉินเฟิงพยักศีรษะก่อนปิดประตูห้องพักให้กับนางและเดินจากไป
“นายหญิง ท่านพักก่อนเถอะ ข้าจะคุ้มกันให้ท่านเอง”
ฉินอวี้โม่นอนลงบนเตียงในขณะที่จินเย่าจำแลงร่างมนุษย์และเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งข้างประตู
“เข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและหลับตาลงเพื่อพักผ่อนทันที
เนื่องจากความเหนื่อยล้าและการใช้พลังงานมากเกินไป กอปรกับได้ทราบข่าวว่าหานโม่ฉือยังมีชีวิตอยู่ ฉินอวี้โม่จึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง ไม่นานนักนางก็หลับใหลไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังประดับบนใบหน้า
นางนอนหลับสนิทและพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้ง มันก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
“นายหญิง ท่านตื่นแล้ว”
หงส์แดงปรากฏตัวภายในห้องของฉินอวี้โม่และรินน้ำดื่มยื่นให้กับนาง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆขณะรับแก้วน้ำจากหงส์แดงและดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
“ข้าหลับไปนานแค่ไหนรึ?”
หลังจากมองออกไปยังบรรยากาศที่มืดหม่น ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามโดยสัญชาตญาณ
“ประมาณสองชั่วยาม”
หงส์แดงยิ้มและกล่าว “ฉินเฟิงส่งคนมาหาท่านหลายครา ทว่าเมื่อเห็นว่าท่านยังคงหลับอยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องการรบกวนใดๆ ตอนนี้ก็มีคนหนึ่งที่กำลังรออยู่หน้าประตู”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและเหยียดกายลุกขึ้น
“อีกอย่าง..มีข่าวจากมารยาบ้างรึไม่?”
เมื่อไม่เห็นมารยาอยู่ใกล้ตัว ฉินอวี้โม่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากวาจาที่ซิวกล่าวไว้ มันน่าจะใช้เวลาเพียงไม่นาน
“ไม่ต้องห่วง นายหญิง หานอวี้คุ้มกันอยู่ที่นั่นและจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่”
หงส์แดงกล่าวให้ผู้เป็นนายวางใจ ในเมื่อมีหานอวี้คุ้มกันสถานการณ์อยู่ที่นั่นก็ไม่มีสิ่งใดที่น่าเป็นห่วง
“นายหญิง ล้างหน้าให้สดชื่นก่อนเถอะ”
จินเย่าในร่างมนุษย์เดินเข้ามาพร้อมอ่างน้ำและวางลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง
ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและเดินเข้าไปล้างหน้าที่อ่างน้ำดังกล่าว
เมื่อสำรวจสภาพร่างกายของตนเอง ฉินอวี้โม่ก็พบว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้หายสนิทแล้ว ร่างกายที่เหนื่อยล้าและพลังมายาที่สูญเสียไปก็ฟื้นตัวเกือบทั้งหมดแล้ว ภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน ทุกอย่างน่าจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
หลังจากชำระล้างใบหน้า ฉินอวี้โม่ก็ผลักประตูเปิดออกและก้าวออกไปก่อนกล่าวให้เด็กรับใช้ที่คุ้มกันอยู่หน้าประตูพานางไปที่ห้องโถง
ภายในห้องโถง ฉินเฟิงกำลังนั่งรอฉินอวี้โม่อยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ เจ้าเมืองวารีมายาก็ยิ้มกว้างพร้อมยืนขึ้นและกล่าวทักทาย
“สหายน้อยอวี้โม่ ได้พักผ่อนเต็มที่รึไม่?”
หลังจากสำรวจอาการของฉินอวี้โม่ เขาก็พบว่านางหายดีแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ได้เห็นสภาพของฉินอวี้โม่ที่ดูอ่อนแอมาก ทว่าตอนนี้ภายในเวลาเพียงสั้นๆนางกลับฟื้นตัวขึ้นมาจนดูแข็งแรงดี ฉินอวี้โม่ผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ก็ไม่เลวเลย จวนเจ้าเมืองของท่านเงียบสงบมาก ท่านเจ้าเมืองฉินเฟิงคงจะเพลิดเพลินกับมันมาก”
ฉินอวี้โม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มขณะเดินตรงไปนั่งลงในที่ที่ไม่ไกลจากฉินเฟิง
“แล้วแม่นางซูน่าล่ะ?”
เมื่อไม่เห็นคุณหนูใหญ่แห่งชนเผ่าเมฆาครามปรากฏตัว ฉินเฟิงจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นางพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์ของข้า นางเหนื่อยมากตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้นางก็ช่วยคุ้มกันให้ข้าโดยที่ไม่ได้พักผ่อน บัดนี้นางจึงเหนื่อยและผล็อยหลับไป”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะหลับไป ซูน่าก็ช่วยคุ้มกันอยู่ข้างเตียงเช่นกันและไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย
แม้ว่าเจ้าเมืองวารีมายาดูไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ พวกนางก็ไม่สามารถวางใจได้อย่างเต็มร้อย หากฉินเฟิงคิดทำสิ่งใดไม่ดีหรือค้นพบตัวตนของฉินอวี้โม่ สถานการณ์อาจจะดำเนินไปในทางที่ไม่ดีได้
ตอนที่ฉินอวี้โม่ตื่นขึ้นมา ซูน่าก็กล่าวบางอย่างเพียงเล็กน้อยและเข้าไปพักผ่อน คาดว่านางจะไม่ออกมาจนกระทั่งเช้าวันพรุ่งนี้
“โอ้? คฤหาสน์ล่องหนก่อนหน้านี้น่ะรึ?”
ฉินเฟิงมองสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาสังเกตเห็นคฤหาสน์ล่องหนก่อนหน้านี้ทว่าไม่เคยมีโอกาสเอ่ยถาม บัดนี้เมื่อฉินอวี้โม่เอ่ยถึงมันก่อน เขาจึงถามออกไป
“ฮ่าๆๆ มันเป็นคฤหาสน์ที่ข้าหลอมด้วยตัวเองและระดับของมันยังไม่สูงนัก แม้ว่ามันจะล่องหนได้ มันก็หลบซ่อนไปจากสายตาของท่านเจ้าเมืองฉินเฟิงไม่ได้จริงๆ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะโดยไม่ปิดบัง
ต่อหน้ายอดฝีมืออย่างฉินเฟิง คฤหาสน์เฟิงหัวของนางไม่อาจซ่อนเร้นปิดบังได้เลย แทนที่จะปิดบังความจริง การยอมรับอย่างเปิดเผยย่อมดีกว่า มิฉะนั้นฉินเฟิงอาจสงสัยเกี่ยวกับมันมากขึ้น
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าสหายน้อยอวี้โม่จะเป็นถึงช่างหลอมระดับสูงอีกด้วย”
ฉินเฟิงยิ้มบางๆและเพียงถอนหายใจโดยไม่ถามสิ่งใดต่อ
“ท่านเจ้าเมือง ในเมื่อกล่าวเรื่องนี้แล้ว ข้าก็มีบางอย่างที่ต้องการจะขอจากท่าน”
บัดนี้เมื่อสนทนาถึงเรื่องคฤหาสน์เฟิงหัวแล้ว นักฆ่าสาวในร่างคุณหนูจึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและตัดสินใจที่จะลองเชิงอีกฝ่าย หากสามารถยืมผลึกหัวใจมายามาได้ มันก็จะช่วยลดปัญหาไปได้มาก
“โอ้? สหายน้อยอวี้โม่ว่ามาเถอะ”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ฉินเฟิงก็ประหลาดใจเล็กน้อยทว่าเขาก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“เป็นเพราะคฤหาสน์เฟิงหัวของข้ามีระดับต่ำเกินไป ข้าจึงอยากจะพัฒนามันสักหน่อย อย่างไรก็ตาม วัสดุที่จำเป็นสำหรับการพัฒนามันก็ล้ำค่าและหายากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสิ่งที่เรียกว่าผลึกหัวใจมายาซึ่งหายากอย่างยิ่งแม้ในช่วงเวลานับพันปี มีข่าวลือมาว่าท่านเจ้าเมืองเคยได้ผลึกหัวใจมายามาโดยบังเอิญ ไม่ทราบว่าข้าจะขอยืมมันได้หรือไม่? หลังจากปรับปรุงพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวเสร็จสมบูรณ์ ข้าจะคืนมันให้ท่านทันที”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวสิ่งที่ต้องการอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อได้ยินวาจาตรงไปตรงมาของสตรีตรงหน้า ฉินเฟิงก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “จริงอยู่ที่ข้าได้มีโอกาสครอบครองผลึกหัวใจมายามา หากสหายน้อยอวี้โม่อยากจะยืมมันก็ย่อมไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ว่า…”
เมื่ออีกฝ่ายหยุดไปชั่วคราว ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดและรอให้เขากล่าวต่อ
“เพียงแต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนท่านผู้นำฉินเหยียนได้นำผลึกหัวใจมายานั่นไปเก็บไว้ในหอคอยสูงในเมืองมายาแล้ว แต่หากสหายน้อยอวี้โม่ต้องการที่จะยืมมันไป ข้าก็อาจจะพาท่านไปที่หอคอยนั่นได้”
ฉินเฟิงไม่คิดจะปิดบังสิ่งใด เขากล่าวออกไปโดยตรงและเล่าให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบ
ฉินอวี้โม่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าผลึกหัวใจมายาอยู่ที่หอคอยดังกล่าว และเมื่อฉินเฟิงกล่าวว่าเขาจะพานางไปที่นั่น ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลย
หอคอยนั่นคือจุดประสงค์ของการมาที่โลกมายาในครานี้ หากฉินเฟิงพานางไปที่นั่นได้ มันก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่มิได้โง่เขลา สีหน้าของนางยังเรียบเฉยไม่แสดงความตื่นเต้นใดๆขณะยิ้มมุมปากและกล่าว “ข้าได้ยินว่าหอคอยในเมืองมายาเป็นพื้นที่ต้องห้ามในโลกมายา นอกเหนือจากท่านผู้นำฉินเหยียนก็ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปที่นั่นได้ตามอำเภอใจ มันจะไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากหรอกรึหากท่านเจ้าเมืองฉินเฟิงพาข้าไปที่นั่น?”
ฉินเฟิงก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มาพร้อมกับผู้ทรยศ แม้ว่าเขาจะดูอ่อนโยน ไร้พิษสงและมีความคุ้นเคยอย่างประหลาด นักฆ่าสาวก็ไม่วางใจและยังระแวดระวังอยู่มาก หากว่าฉินเฟิงผู้นี้เพียงหยั่งเชิงและนางพลาดท่าเปิดเผยตัวตนออกไป มันอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าต้องการไปที่หอคอยดังกล่าว มันก็ยังไม่ถึงเวลาอันควร
ตอนนี้พลังของนางเพิ่งอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ปลดผนึกที่สองของกายเทพมายาได้และถูกฉินเหยียนค้นพบ นางก็อาจจะหลบหนีออกมาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าผู้ทรยศนั่นรู้เข้าและเคลื่อนไหวออกมาด้วยตนเอง นางก็จะต้องตกที่นั่งลำบากจริงๆ เพราะเหตุนั้นแผนของนางคือการรอจนกว่าพลังของนางจะทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนขั้นเจ็ดก่อน นางจึงจะเดินทางไปที่หอคอยแห่งเมืองมายา
“ฮ่าๆๆ สำหรับคนอื่นๆก็เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ทว่าสำหรับข้ามันเป็นเพียงแค่เรื่องง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก การพาคนเข้าไปที่หอคอยนั่นไม่ได้ยุ่งยากเลย”
ฉินเฟิงยิ้มกว้างพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
เมื่อเห็นความมั่นใจของอีกฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนกล่าวกันว่าเจ้าเมืองฉินเฟิงมิได้ถูกควบคุมโดยผู้นำฉินเหยียนและไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของนาง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง!”
วาจาของนางแอบแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงเล็กน้อยเช่นกัน ฉินเฟิงผู้นี้ล้ำลึกและยากเกินที่จะหยั่งถึง กล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับและรับมือได้ยากที่สุดตั้งแต่ที่นางเคยพานพบมา เพราะเหตุนั้นนางจึงต้องระมัดระวังอยู่มาก
“ฮ่าๆๆ ผู้นำฉินเหยียนคือผู้ปกครองของโลกมายา ข้าจะไม่ฟังคำสั่งของนางได้อย่างไรกัน? อย่างไรก็ตาม ข้าคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย นางบังคับให้ข้าทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการทำไม่ได้หรอก ทว่าผู้นำฉินเหยียนก็มีบุคลิกนิสัยที่ดีและไม่ลดตัวมาทะเลาะกับบุคคลที่ต่ำต้อยอย่างข้า เพราะเหตุนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ผู้คนจึงลือกันว่าข้าไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของผู้นำฉินเหยียน”
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าวโดยไม่อาจทราบได้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่
เนื่องจากคาดเดาถึงคำตอบของฉินเฟิงได้อยู่แล้ว ฉินอวี้โม่จึงทำเพียงยิ้มและไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
“เจ้าเมืองฉินเฟิงช่างเมตตายิ่งนักจนข้ารู้สึกเกรงใจ ทว่าข้ายังขาดวัสดุอีกอย่างหนึ่งซึ่งยังตามหาไม่พบ หลังจากพบวัสดุชิ้นนี้ ข้าจะไปที่หอคอยเมืองมายากับท่านเพื่อยืมผลึกหัวใจมายา เมื่อถึงตอนนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านเจ้าเมืองสักหน่อย”
วาจาของฉินอวี้โม่ทำให้ฉินเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม “ยังมีวัสดุอื่นที่หายากยิ่งกว่าผลึกหัวใจมายาอีกรึ? สหายน้อยอวี้โม่ลองว่ามาเถอะ บางทีข้าอาจจะช่วยได้”
ในเมื่ออีกฝ่ายอยากทราบ ฉินอวี้โม่ก็ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย นางยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าวออกไป “หยกขาวพันปี ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองฉินเฟิงเคยได้ยินเกี่ยวกับมันรึไม่?”
เมื่อได้ยินชื่อ ‘หยกขาวพันปี’ สีหน้าของฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและความตกใจปรากฏในแววตา ทว่าเขาก็ปรับสีหน้ากลับสู่ปกติได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนฉินอวี้โม่ก็ให้ความสนใจเขาอยู่ตลอดเวลาและสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ความสงสัยใคร่รู้จึงก่อตัวขึ้นในหัวใจของนางทันที ดูเหมือนว่าฉินเฟิงผู้นี้จะรับรู้เบาะแสบางอย่าง!
.