คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 431 ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เมื่อเห็นสายตาใคร่รู้ของทุกคนที่กำลังรอคำตอบในขณะที่ฉินหวยก็ไม่ได้เผยความรู้สึกทางสีหน้าใดๆ ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากเบาๆ
นางจะไม่รับรู้ถึงการหยั่งเชิงในวาจาของฉินหวยได้อย่างไร? อีกทั้งยังเจือไปด้วยการข่มขู่อย่างเลือนราง หากนางปฏิเสธ ฉินหวยและพวกอาจไม่ยอมปล่อยนางไปโดยง่าย
ถึงอย่างไรแล้วผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับเทวะก็ถือว่าทรงพลังมาก ไม่ว่าไปที่ขุมกำลังใด นางก็จะช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งโดยรวมของทั้งขุมกำลังนั้นได้อย่างแน่นอน หากนางเลือกเข้าร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อฉินเหยียน มันจะส่งผลเสียต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ ยอมรับเลยว่าเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้รับคำเชิญเช่นนี้จากผู้อาวุโสฉินหวย อย่างไรก็ตาม ท่านน่าจะเห็นแล้วว่าตอนนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่และไร้ซึ่งพลัง แม้ว่าตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรจะล่อตาล่อใจเป็นอย่างมาก ทว่าข้าคงต้องปฏิเสธข้อเสนอของท่าน”
นางไม่มีทางคล้อยตามและยอมไปอยู่ที่เมืองมายาอย่างแน่นอน เวลานี้นางยังอ่อนแอพอสมควร การไปที่นั่นจะเป็นการพาตัวเองไปอยู่ในสายตาของฉินเหยียน และหากฉินเหยียนค้นพบตัวตนของนางเข้า สถานการณ์คงไม่ดีแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางก็กำลังตั้งครรภ์และต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวเพื่อความปลอดภัยของบุตรตัวน้อยในครรภ์ เพราะฉะนั้น ต่อให้ผู้อาวุโสฉินหวยไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ นางก็ต้องปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
สีหน้าของฉินหวยเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ทว่าเขาก็ปรับสีหน้ากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆ จอมยุทธ์อวี้โม่เป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่บีบบังคับ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าโอกาสเป็นใจในภายภาคหน้า เชิญท่านไปที่เมืองมายาและพบข้าได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่ท่านตัดสินใจไป ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็จะยังเป็นของท่าน”
ฉินหวยไม่คาดคิดว่าฉินอวี้โม่จะตอบปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ และเดิมทีเขาคิดว่าต่อให้นางจะปฏิเสธ เขาก็จะไม่ยอมล้มเลิกความคิดอย่างง่ายๆ
ทว่าวาจาที่จริงใจและตรงไปตรงมาของฉินอวี้โม่ได้ปัดเป่าความเคลือบแคลงใจทั้งหมดที่เขามีต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินส่าวชิงก็ดูจะปรองดองกันดี แม้ไม่ได้ตกปากรับคำที่จะไปที่เมืองมายา ‘อวี้โม่’ ก็สามารถช่วยเมืองเพลิงมายาพัฒนาความแข็งแกร่งให้เพิ่มขึ้นได้ ในเมื่อมีฉินส่าวชิงคอยจับตาดูอยู่ หากว่านางมีเจตนาไม่ดีหรือมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเขาก็จะได้รับข่าวอย่างทันท่วงที มันจะไม่มีปัญหาใดๆเป็นแน่
“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสฉินหวย จอมยุทธ์อวี้โม่ให้คำมั่นว่านางจะช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของเมืองเพลิงมายา ด้วยความจังรักภักดีของข้าต่อผู้นำฉินเหยียน ข้าเชื่อว่าท่านจะไว้ใจข้าได้ เพราะฉะนั้นข้าคิดว่าท่านไม่ควรบังคับหรือกดดันจอมยุทธ์อวี้โม่ ถึงอย่างไรมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะรับใช้ผู้นำฉินเหยียนจากที่ใด”
เลี่ยหยางกล่าวตอบเพื่อแสดงทัศนคติทั้งของตนเองและฉินอวี้โม่
“ส่าวชิงพูดถูก ตอนนี้จอมยุทธ์อวี้โม่ไม่สะดวกนัก การอยู่ที่เมืองเพลิงมายาคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อมีส่าวชิงเป็นเจ้าเมืองคอยดูความเรียบร้อยของที่นี่ เราก็สามารถวางใจได้”
ฉินหวยกล่าวพร้อมพยักศีรษะเห็นด้วยกับวาจาของเลี่ยหยางในรูปลักษณ์ฉินส่าวชิง เขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อยว่าเจ้าเมืองฉินมิใช่คนเดิมอีกต่อไป หากแต่เป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมา
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ห่วงรึว่าอวี้โม่ผู้นี้จะมีเจตนาบางอย่างหลบซ่อนอยู่หรือนางอาจมีความเกี่ยวข้องกับกองทหารหงเฟิง? หากเป็นเช่นนั้น มันจะไม่นำพาปัญหามาสู่ผู้นำฉินเหยียนและพวกเราทุกคนในภายภาคหน้ารึ?”
จู่ๆเซวียเม่ยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ไว้วางใจและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์ สิ่งที่นางชิงชังมากที่สุดก็คือสตรีโฉมงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือโฉมนารีงามที่ไร้ที่ติอย่างฉินอวี้โม่ เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
“ฮ่าๆๆ ข้าเชื่อว่าส่าวชิงจะไม่ทำให้ผู้นำฉินเหยียนผิดหวัง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเองก็เห็นสภาวะร่างกายของจอมยุทธ์อวี้โม่ในตอนนี้แล้ว มันคงจะไม่มีปัญหาใดๆ”
ฉินหวยกล่าวแสดงความคิดเห็นของตนเองพร้อมรอยยิ้ม อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อตัวตนของฉินอวี้โม่ถูกเปิดเผยและเกิดสงครามกับฉินเหยียน เป็นเพราะทัศนคติในวันนี้ เขาและครอบครัวจึงมีชีวิตรอดไปได้
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เรากลับกันก่อนเถอะ”
ฉินหวยยืนขึ้นและกล่าวอำลา พวกเขามาเพื่อจัดการกับฉินอวี้โม่ตั้งแต่ต้น ทว่าตอนนี้เมื่อทราบว่าฉินอวี้โม่ ฉินส่าวชิงและคนอื่นๆปรองดองกันดีแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดอีกและไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ถึงอย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องจัดการในโลกมายา ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นานซากปรักหักพังของผู้ใช้ข่ายอาคมมือฉกาจจะปรากฏขึ้นมาแล้ว พวกเขาจึงต้องกลับไปเตรียมความพร้อม
ฉินส่าวชิง ซูวั่งชวนและคนอื่นๆถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินวาจาของฉินหวย ทว่าสีหน้าของฉินอวี้โม่ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
“ส่าวชิง เมื่อมีจอมยุทธ์อวี้โม่อยู่ที่นี่ ข้าเชื่อว่าความแข็งแกร่งของเมืองเพลิงมายาจะพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นแน่ ข้าจะตั้งตารอดูว่าเมื่อซากปรักหักพังปรากฏขึ้นมา เมืองเพลิงมายาของเจ้าจะสร้างความประหลาดใจอะไรให้ข้าได้บ้าง”
ฉินหวยกล่าวกับเลี่ยหยางก่อนหันหลังและเตรียมเดินจากไปพร้อมกับคณะเดินทาง
เลี่ยหยางยิ้มตอบบางๆทว่าก็แอบกล่าวในใจ ‘ข้าจะสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้ได้เห็นแน่ ทว่าสำหรับพวกเจ้า มันอาจเป็นเรื่องที่จะทำให้พวกเจ้าต้องตกใจกลัว’
“ข้าขออำลาผู้อาวุโสทั้งหลาย”
เลี่ยหยางโค้งคำนับและกล่าวอำลาทว่าไม่มีความคิดที่จะตามออกไปส่งพวกเขาข้างนอก
เขาเป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองเพลิงมายา แม้ว่าฉินหวยและคนอื่นๆเป็นผู้อาวุโสของเมืองมายา ด้วยทัศนคติและสภาวะอารมณ์ของฉินส่าวชิงก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้แสดงความเคารพต่อพวกเขามากนัก
ฉินหวยและคนอื่นๆไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก จากนั้นร่างของพวกเขาก็หายไปตรงหน้าฉินส่าวชิงและทุกคนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเซวียเม่ยเดินผ่านฉินอวี้โม่ นางชำเลืองมองฉินอวี้โม่ด้วยหางตาอย่างเกรี้ยวโกรธ ความริษยาในแววตาของนางมากล้นจนมิอาจปิดบังได้เลย
ทว่าฉินอวี้โม่ก็เพียงยิ้มอย่างราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ นางไม่ได้เห็นศัตรูผู้นี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด กล่าวตามตรงแล้วฉินหวยคู่ควรกับความสนใจของนางมากกว่า
เลี่ยหยางขยิบตาให้กับคนที่อยู่ข้างกายของเขาผู้ซึ่งพยักศีรษะและเดินออกไป
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องโถงและสนทนาพาทีกันอย่างราบรื่นโดยไม่มีจังหวะติดขัดเพราะการจากไปของฉินหวยและคณะ
“ท่านเจ้าเมือง ผู้อาวุโสฉินหวยและพวกออกจากเมืองไปแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมุ่งหน้าไปในทิศทางของเมืองวารีมายาขอรับ”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง บุรุษผู้ที่ปลีกตัวออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมารายงานผล
“โอ้ งั้นรึ? เข้าใจแล้ว”
เลี่ยหยางพยักศีรษะและโบกมือเบาๆก่อนที่ม่านป้องกันปรากฏขึ้นและปกคลุมทั่วบริเวณห้องโถงแห่งนี้
“คารวะท่านเทพมายา”
ทุกคนลุกขึ้นและยกกำปั้นขึ้นแนบอกเพื่อแสดงความเคารพต่อฉินอวี้โม่พร้อมกล่าวขึ้นเบาๆ
“ฮ่าๆๆ ต่อไปทุกคนไม่ต้องพิธีรีตองมากเช่นนี้แล้ว แม้ว่าข้าเป็นเทพมายาคนใหม่ ข้าก็เป็นสหายและพันธมิตรของทุกคนเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องมีพิธีรีตองมากเกินไปหรอก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวพร้อมผายมือส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง
“ท่านเทพมายา เชิญนั่งก่อนเถิด”
เลี่ยหยางชี้ไปที่บัลลังก์หลักเพื่อเชิญให้ฉินอวี้โม่นั่งลงในตำแหน่งนั้น
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้ผู้นำเลี่ยหยางเป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองเพลิงมายาแล้วและก็เป็นผู้ปกครองของที่นี่อย่างเป็นทางการ เชิญท่านนั่งที่บัลลังก์เถอะ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบทว่ากล่าวปฏิเสธโดยตรง นางตอบรับความรู้สึกเคารพของเลี่ยหยางทว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น สำหรับบัลลังก์และตำแหน่งเหล่านั้น ฉินอวี้โม่ไม่สนใจเลยสักนิด
“เจ้าเมืองเลี่ยหยาง ครานี้ท่านทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม ฉินหวยนั่นก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ เขามีความคิดที่ยากเกินหยั่งถึงและรับมือได้ยากอย่างยิ่ง ในอนาคตพวกเราจะต้องจับตาดูเขาไว้”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวชมผลงานของเลี่ยหยาง
หากต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจงรักภักดีต่อตน คำชมเชยตามความเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งและผู้เป็นผู้นำจะใจแคบไม่ได้เป็นอันขาด
“ขอบคุณสำหรับคำชม ท่านเทพมายา”
เมื่อได้ยินคำชมจากฉินอวี้โม่ เลี่ยหยางก็ยิ้มออกมา อารมณ์ของเขาดีขึ้นมากและความภักดีที่มีต่ออีกฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
“ฉินหวยเป็นผู้อาวุโสสี่ของจวนเจ้าเมืองแห่งเมืองมายา แม้ว่าเขามิใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เขาก็เป็นบุคคลที่ยากเกินหยั่งถึงที่สุด อีกทั้งเขาก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและเป็นจอมวางแผนซึ่งยากที่ผู้คนจะเข้าใจและทำให้ผู้คนต้องระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา”
เลี่ยหยางได้รับข้อมูลเหล่านี้มา หลังจากปลอมตัวเป็นเจ้าเมืองเพลิงมายา แน่นอนว่าเขาก็เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ในจวนเจ้าเมืองมีข้อมูลเกี่ยวกับคนจากเมืองมายามากพอสมควร ทันทีที่เขามาในจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ เขาก็ได้เริ่มสืบข่าวคราวและทราบข้อมูลเกี่ยวกับเมืองมายาไม่มากก็น้อย
“เพียงแต่..ท่านเทพมายา เซวียเม่ยดูจะเป็นปฏิปักษ์ต่อท่านไม่น้อยเลย ในอนาคตข้างหน้า ท่านต้องระวังตัวให้มาก นางอาจหมายหัวท่านและคิดร้ายได้ทุกเมื่อ”
เลี่ยหยางกล่าวเตือนเพื่อให้ฉินอวี้โม่ระวังตัว แม้ว่าเขาก็ทราบดีว่าฉินอวี้โม่ย่อมสัมผัสเองได้ เขาก็อดกล่าวเตือนไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง สตรีที่มีแต่เรือนร่างงดงามทว่าไร้สมองไม่ใช่คนที่ต้องกลัวหรอก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าว “เพียงแต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดเซวียเม่ยนั่นจึงได้ชิงชังข้ามากถึงเพียงนี้? ข้ามิได้ทำสิ่งใดที่ยั่วยุนางสักหน่อย”
ความเป็นปฏิปักษ์ของเซวียเม่ยต่อฉินอวี้โม่นั้นยากจะเข้าใจจนฉินอวี้โม่งุนงงไม่น้อย นางมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำสิ่งใดที่ยั่วโทสะของอีกฝ่ายหรือสร้างความขุ่นเคืองใจให้ แล้วเหตุใดเซวียเม่ยจึงแสดงท่าทีไม่พอใจกับนางมากเช่นนั้น?
“ฮ่าๆๆ ท่านเทพมายาคงไม่ทราบว่าเซวียเม่ยริษยาและไม่ชอบหน้าสตรีทุกคนที่ดูดีกว่านาง ซึ่งท่านเทพมายาก็งดงามยิ่งกว่าฉินเหยียนถึงหลายเท่าเสียอีก ไม่แปลกเลยที่นางจะรู้สึกริษยาจนปิดไม่มิดเช่นนี้”
เลี่ยหยางยิ้มเล็กน้อยขณะกล่าวออกไป เขาเคยพบฉินเหยียนมาก่อน และหากเทียบฉินเหยียนกับฉินอวี้โม่ผู้นี้ ความงามของทั้งสองก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ทั้งรูปลักษณ์และทัศนคติของฉินอวี้โม่นั้น ฉินเหยียนเทียบไม่ได้เลยสักนิด นับประสาอะไรกับเซวียเม่ยที่ด้อยกว่าฉินเหยียนหลายเท่า
เมื่อได้ยินวาจาของเลี่ยหยาง ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะเบาๆและพอจะเข้าใจความรู้สึกชิงชังของสตรีจากเมืองมายา ในบางครา ความริษยาก็น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด
“ท่านเทพมายา ระหว่างช่วงที่ข้าอยู่ในจวนเจ้าเมือง ข้าได้สืบข่าวเรื่องเมืองมายาและฉินเหยียน รวมถึงคณะผู้ติดตามมาพอสมควร หากไม่ขัดข้อง เชิญท่านอยู่ต่อที่จวนเจ้าเมืองสักสองถึงสามวัน ข้าจะรายงานข้อมูลทั้งหมดให้ท่านได้ทราบ”
เลี่ยหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
“ดีเลย ข้าเองก็อยากรู้เรื่องเหล่านั้นเช่นกัน”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบตกลง บัดนี้เมืองเพลิงมายาถือว่าอยู่ในการควบคุมของนางแล้วและนางสามารถอยู่ที่นี่ได้ตามต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น เลี่ยหยางได้บอกกับฉินหวยไว้แล้วว่าเขาและนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งนางก็จะช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของเมืองเพลิงมายาเช่นกัน หากอยู่ต่อที่จวนเจ้าเมืองแห่งนี้ นางก็จะสามารถดำเนินการสิ่งต่างๆได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ในช่วงที่ผ่านมานี้ ข้าได้คิดไตร่ตรองถึงวิธีการผนึกกำลังของขุมกำลังต่างๆในเมืองเพลิงมายาแล้ว ในเมื่อวันนี้เรามารวมตัวกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ข้าก็จะแจ้งให้ทุกท่านทราบถึงความคิดของข้าและเราจะได้หารือปรึกษาซึ่งกันและกัน”
หลังจากส่งสัญญาณให้เลี่ยหยางในคราบฉินส่าวชิงนั่งลง ฉินอวี้โม่ก็ยืนขึ้นและกล่าวพร้อมกวาดสายตามองทุกคนในห้องโถง
เมื่อได้ยินวาจาของเทพมายาคนใหม่ พวกเขาก็เงียบลงทันทีและรอฟังแผนการของนาง
.