คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 443 ความจริงหรือภาพลวงตา
ภายในป่าดอกท้อท่ามกลางบรรยากาศสดใส บุรุษหนุ่มโอบร่างบางของฉินอวี้โม่ด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่ง ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของเขาแสดงถึงความโอนอ่อนตามใจโฉมนารีในอ้อมกอด
เส้นผมยาวบางส่วนที่กระจัดกระจายไล่ลงบนอาภรณ์สีขาวดูราวกับเส้นน้ำหมึกและมีเพียงยางสีขาวเส้นเล็กมัดผมที่ปรกหน้าไว้ด้านหลังศีรษะ ใบหน้าคมที่ได้สัดส่วนดุจรูปสลักของเขาประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ มือข้างซ้ายของเขาโอบรอบไหล่บางของฉินอวี้โม่และมือข้างขวาแตะลงบนศีรษะของนางอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการหลอมทั้งสองเข้าเป็นร่างเดียว
“โม่เอ๋อร์ ข้าก็คิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน”
ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบาและเพียงไม่กี่คำเหล่านั้นก็บรรยายความรู้สึกทั้งหมดที่เอ่อล้นในใจออกมา
เมื่อได้ยินวาจาของหานโม่ฉือ ร่างของฉินอวี้โม่ก็สั่นระริกเล็กน้อยและนางก็สวมกอดเขาแน่นขึ้นอีก แม้ตระหนักดีว่าตนเองติดอยู่ในข่ายอาคม นางก็หวังอย่างสุดหัวใจว่านี่เป็นเรื่องจริงและไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ห่างหายไป
“โม่ฉือ… เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าเป็นพ่อคนแล้วนะ ข้าให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงและกำลังรอให้เจ้ามาตั้งชื่อให้”
หลังจากกอดกันแน่นพักใหญ่ ฉินอวี้โม่ก็ค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมแขนอันอบอุ่นและจับมือของบุรุษคนรักขณะสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“โม่เอ๋อร์ เจ้าคงจะเหนื่อยมาก การที่ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าแม้ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนั้น หากเราพบกันคราต่อไป เจ้าต้องลงโทษข้าให้สาสมเชียวล่ะ”
หานโม่ฉือยิ้มและประคองฉินอวี้โม่ไปนั่งลง เขาโอบร่างนางไว้อีกคราและทั้งสองกอดกันด้วยความรักอย่างมีความสุข
“ถ้างั้นข้าจะลงโทษด้วยการสั่งให้เจ้าอยู่กับข้าและลูก ๆ ไปตลอดกาล และไม่พรากจากพวกเราไปอีกเลย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้างออกมา มุมหวาน ๆ และบอบบางดั่งสตรีทั่วไปของอดีตนักฆ่าสาวผู้เย็นชาได้สงวนไว้เฉพาะเวลาอยู่กับ ‘เขา’ ผู้นี้เท่านั้น
“ไม่มีปัญหา ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นชีวิตนี้หรือว่าชีวิตหลังจากนี้ ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าไปตลอดกาลและไม่มีทางแยกจากไปที่ใดอีก”
หานโม่ฉือพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่ลังเล
“โม่ฉือ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด แล้วเหตุใดจึงปรากฏกายขึ้นที่นี่ได้?”
หลังจากอ้อมกอดอบอุ่น ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามต่อไป นางจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาจากข่ายอาคม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ดูสมจริงเป็นที่สุด นางสัมผัสได้แม้กระทั่งความอบอุ่นจากร่างกายของหานโม่ฉือและความปลอดภัยมั่นคงที่มักจะรู้สึกเมื่ออยู่ข้างกายเขา
“ยัยโง่เอ๋ย นั่นเป็นเพราะเจ้าคิดถึงและเรียกให้ข้ามา สำหรับที่ที่ข้าอยู่ในตอนนี้ ข้าบอกได้เพียงว่าข้ากำลังฝึกยุทธ์อยู่ในที่ที่ปลอดภัย เมื่อเรื่องทุกอย่างในส่วนของเจ้าได้รับการสะสาง พวกเราจะพบกันอีกครั้งที่ดินแดนเทพมายา”
หานโม่ฉือปัดเส้นผมปรกหน้าผากของฉินอวี้โม่อย่างอ่อนโยนและหยิบดอกท้อออกจากเส้นผมของนางด้วยความประคบประหงมอย่างดี
“อวี้โม่ ข้าอยากอยู่กับเจ้าแบบนี้ตลอดไปเลย เพียงแต่ตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นแค่ภาพลวงตาและเราอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่นานเท่านั้น ข้างนอกนั่นยังมีเรื่องอีกมากที่รอให้เจ้าจัดการ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่ก็ถึงกับอารมณ์หงุดหงิดและเศร้าใจเล็กน้อย
นางคาดเดาได้ว่าข่ายอาคมนี้มีผลในการทำให้ผู้คนติดอยู่ในภาพเหตุการณ์ที่พวกเขาโหยหาและปรารถนาเป็นที่สุด
และผู้ที่นางโหยหามากที่สุดในเวลานี้ก็คือหานโม่ฉือ เมื่อเข้าสู่ขอบเขตอิทธิพลของข่ายอาคม หานโม่ฉือจึงปรากฏกายขึ้นมาเช่นนี้
เพียงแต่หานโม่ฉือในข่ายอาคมนี้เหมือนกับร่างที่แท้จริงในโลกภายนอกไม่มีผิดเพี้ยน เขายังโหยหาและประคบประหงมเอาใจนางเช่นเดิม นางจึงโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างไม่อาจควบคุม
ทั้งสองกอดกันเช่นนั้นพักใหญ่ ฉินอวี้โม่ลืมเลือนเวลาที่ล่วงเลยไปเสียสนิท นางเพียงต้องการให้เวลาแห่งความสุขดำเนินต่อไปเช่นนี้…
“เอาล่ะ เจ้าควรกลับไปได้แล้ว มีคนรอเจ้าอยู่ข้างนอกอีกมาก อีกอย่าง… ลูก ๆ ของเราก็กำลังรอให้เจ้าไปดูแลเช่นกัน”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็กล่าวแทรกขึ้นท่ามกลางความสงบสุขในป่าดอกท้อแห่งนี้
ทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ฉินอวี้โม่สบตาบุรุษคนรักและดึงคอของเขาโน้มลงมาเพื่อจุมพิตอย่างดูดดื่ม
เมื่อริมฝีปากของนางประกบกับหานโม่ฉือ นางเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากริมฝีปากของเขาและสัมผัสได้ถึงความรักอย่างแท้จริง
“อวี้โม่… ลูกของเรา ชื่อของผู้ชายคือฉินอ้ายฉือ และชื่อของผู้หญิงคือหานอ้ายโม่”
หลังจากจุมพิตที่เปี่ยมด้วยความรักและความคะนึงหา หานโม่ฉือก็กล่าวออกไป
“เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะมองดูเจ้าอยู่ตรงนี้”
เขายิ้มและผายมือส่งสัญญาณให้ฉินอวี้โม่กลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ ขณะมองบุรุษตรงหน้าอีกครั้งเพื่อจดจำช่วงเวลานี้ให้ได้นานที่สุด จากนั้นนางก็หันหลังและค่อย ๆ เดินออกไป หยดน้ำตาใสรื้นดวงตาของนางอย่างรวดเร็วทว่ารอยยิ้มแห่งความสุขก็ประดับใบหน้าเช่นกัน
ริมฝีปากของหานโม่ฉือยังคงคลี่ยิ้มกว้างและเขาถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองสตรีคนรักค่อย ๆ หายไปจากเบื้องหน้า
ในขณะเดียวกันนั้น หานโม่ฉือผู้ซึ่งฝึกยุทธ์อยู่ไกลออกไปในมิติโกลาหลก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
“ฉินอ้ายฉือ… หานอ้ายโม่… ลูกของเรา”
หลังจากเสียงพึมพำเบา ๆ เขาก็หลับตาลงอีกคราเพื่อใช้เวลาฝึกยุทธ์ต่อไป เขารู้สึกได้ว่าการฝึกยุทธ์ของตนเองใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์เต็มที
ทิวทัศน์รอบตัวเปลี่ยนแปลงไปและฉินอวี้โม่กลับมาอยู่ในถ้ำเดิมก่อนหน้านี้อีกครั้ง นางกวาดสายตามองรอบตัวและพบว่าข้างหน้าอีกไม่ไกลมีแสงสว่างส่องทาง นั่นน่าจะเป็นทางออกของที่นี่
“นายหญิง เมื่อครู่ท่านหายไปไหนรึ ?”
จู่ ๆ มารยาก็ปรากฏตัวข้างฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยความสับสนงุนงง ในช่วงเวลาพักใหญ่ก่อนหน้านี้ เหล่าอสูรมายาไม่สามารถสื่อสารกับผู้เป็นนายได้เลย ราวกับว่าการเชื่อมต่อระหว่างนางและอสูรมายาถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์
หลังจากปรับอารมณ์ของตนเองให้เข้าที่ ฉินอวี้โมก็รู้สึกสับสนขึ้นมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพลวงตาหรือเป็นความเป็นจริงกันแน่ นางแตะริมฝีปากบางของตนเองและยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของจุมพิตเมื่อครู่
“ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงมีดอกท้ออยู่บนตัวล่ะ ?”
หานอวี้ปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่เช่นกัน มันหยิบดอกท้อดอกหนึ่งจากไหล่ของนางและเอ่ยด้วยความสงสัย
เมื่อมองดูดอกท้อในมือของมังกรน้อย ฉินอวี้โม่ก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
เมื่อเห็นอากัปกิริยาท่าทางของผู้เป็นนาย ทั้งมารยาและหานอวี้มิอาจเข้าใจได้เลย
“เจ้าหนูน้อยทั้งสองมีชื่อแล้ว ผู้ชายมีชื่อว่าฉินอ้ายฉือ ส่วนผู้หญิงมีชื่อว่าหานอ้ายโม่”
ฉินอวี้โม่มิได้อธิบายกับพวกมันมากนัก นางเพียงคลี่ยิ้มและกล่าวชื่อของบุตรทั้งสอง ‘อ้ายฉือ’ และ ‘อ้ายโม่’ นั่นคือชื่อของพยานรักทั้งสองของนางและหานโม่ฉือ แม้เพียงชื่อที่หานโม่ฉือตั้งให้ มันก็แสดงให้เห็นถึงความรักที่ลึกซึ้งระหว่างเขาและนาง
“โอ้…”
มารยาและหานอวี้พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความฉงนสงสัย พวกมันไม่เข้าใจนักว่าควรตอบสนองอย่างไร
“นายหญิง เมื่อครู่ท่านเข้าไปในขอบเขตของข่ายอาคมระดับสูงมารึ ?”
หลังจากชะงักค้างไปชั่วขณะ มารยาก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันมองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ข้าเองก็ไม่รู้… ภาพลวงตาเหล่านั้นเหมือนจริงอย่างยิ่งจนข้าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของโม่ฉือ”
เมื่อได้ยินวาจาของมารยา ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะก่อนส่ายหน้าเบา ๆ
ต้องกล่าวเลยว่าหากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงเพราะข่ายอาคม มันก็น่าสะพรึงกลัวมากเกินไป
“ถ้างั้นข้าก็เข้าใจแล้ว”
มารยายิ้มเบา ๆ และกล่าวต่อ “สุดยอดผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลังบางคนสามารถวางข่ายอาคมเช่นนั้นได้ คนและสิ่งของที่ปรากฏขึ้นในข่ายอาคมจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เข้าสู่ข่ายอาคมนั้นโดยตรง สิ่งที่อยู่ในหัวใจของคนผู้นั้นจะถูกแสดงออกมาให้เห็น ซึ่งในหัวใจของนายหญิง หานโม่ฉือคือคนที่ท่านคิดถึงโหยหาอยู่ตลอดเวลา เพราะเหตุนั้นภาพลวงตาจึงเป็นไปในทิศทางที่ดี ท่านจึงไม่ได้รับผลกระทบจากข่ายอาคมและออกมาได้อย่างสบาย ๆ”
ในฐานะอสูรมายาที่ชำนาญด้านการวางข่ายอาคม มารยาเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เป็นอย่างดี ฉินอวี้โม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวอธิบายใด ๆ มันก็คาดเดาได้อย่างง่ายดาย
“เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายหญิงพบในข่ายอาคมเมื่อครู่อาจกล่าวได้ว่าเป็นภาพลวงตาที่ไม่จริง แต่มันก็อาจเป็นจริงได้เช่นกัน ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความคิดของนายหญิง”
มารยาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดการสื่อสารระหว่างมันและฉินอวี้โม่จึงขาดหายไป เมื่อเข้าสู่อิทธิพลของข่ายอาคมที่ทรงพลังเช่นนั้นย่อมไม่แปลกที่จะเกิดสถานการณ์นี้ได้
“มารยา โม่ฉือจะสัมผัสถึงสิ่งเดียวกันกับที่ข้าเผชิญในข่ายอาคมเมื่อครู่รึไม่ ?”
ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่ก็นึกถึงบางอย่างที่ทำให้นางฉงนสงสัยเป็นที่สุด นางสัมผัสได้เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นจริง ทว่าไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าบุรุษคนรักจะสัมผัสถึงมันได้เช่นกันรึไม่
“หากข้าคิดไม่ผิด เขาก็น่าจะสัมผัสได้เช่นกัน บางทีสิ่งที่ท่านเห็นอาจจะเป็นห้วงจิตของหานโม่ฉือเอง และชื่อทั้งสองก็มาจากเขาจริง ๆ ตอนนี้มีความเป็นไปได้มากว่าเขาทราบเรื่องบุตรทั้งสองแล้ว”
มารยายิ้มและอธิบายกับนาง
เมื่อได้ยินคำอธิบายของอสูรสาว ใบหน้าของฉินอวี้โม่ก็ประดับรอยยิ้มกว้าง ตอนนี้หานโม่ฉือน่าจะสบายดี เพียงแต่เขามิได้กล่าวว่ากำลังฝึกยุทธ์อยู่ที่ใดเพราะเกรงว่านางจะเป็นกังวล แม้รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ของหานโม่ฉือมิได้เรียบง่ายและราบรื่นอย่างที่เขากล่าว ทว่าการได้ทราบว่าเขาปลอดภัยดีก็ทำให้ฉินอวี้โม่มีความสุขมากแล้ว
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ เราต้องสะสางทุกอย่างที่นี่ก่อน ข้าอยากไปที่ดินแดนเทพมายาโดยเร็วที่สุด ข้าเชื่อว่าหานโม่ฉือจะไปรอข้าอยู่ที่นั่นแน่ ๆ เมื่อได้พบกัน เราจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไปและไม่แยกจากกันอีกเลย”
พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างที่ยังประดับบนใบหน้า ฉินอวี้โม่ก็เดินออกไปข้างนอกอย่างสบาย ๆ บัดนี้เมื่อยืนยันได้แล้วว่าช่องทางที่สามคือทางแห่งชีวิตที่นางตามหา นางก็สามารถออกไปตามซูวั่งชวนและคนอื่น ๆ ให้เข้ามาได้แล้ว
ณ ข้างนอกอุโมงค์ทั้งเจ็ด ซูวั่งชวนและทุกคนกำลังรออย่างเป็นกังวล
“เหตุใดอวี้โม่จึงยังไม่ออกมาอีก ? นี่มันนานเกินไปแล้ว”
ขณะสายตาจับจ้องไปยังช่องทางที่สามซึ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ซูน่าก็กล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวล
ทั้งทางแรกและทางที่สองมิได้ใช้เวลาเนิ่นนานเช่นนี้ นับตั้งแต่นางเข้าไปในทางที่สาม เวลาก็ล่วงเลยมานานกว่าครึ่งวันแล้ว เป็นธรรมดาที่ซูน่าจะเป็นห่วงสหายของตน
“หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรข้างใน ?”
จูเฟยชวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความกังวลเช่นกัน หกทางตายเหล่านี้รับมือได้ไม่ง่ายเลย สองทางแรกอาจไม่ถือว่าอันตรายด้วยซ้ำและฉินอวี้โม่กลับออกมาได้ภายในเวลารวดเร็ว สำหรับทางที่สามนี้เป็นไปได้ว่าเกิดวิกฤตครั้งใหญ่บางอย่างซึ่งกักขังขัดขวางฉินอวี้โม่ไว้
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องเข้าไปดูสักหน่อย เราจะอยู่เฉยและปล่อยให้อวี้โม่ตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพังไม่ได้”
ซูน่าอดทนไม่ไหวอีกต่อไป นางต้องการปรี่ตรงเข้าไปข้างในโดยเร็วที่สุด
“ซูน่า ไม่ต้องกังวลไป”
ซูวั่งชวนปรากฏกายตรงหน้าซูน่าเพื่อหยุดนางไว้ได้ทันเวลา
“ข้าทราบว่าทุกคนกังวลใจ แต่โปรดเชื่อมั่นในตัวอวี้โม่เถอะ หากมันเป็นปัญหาที่แม้แต่นางก็จัดการไม่ได้ ต่อให้เราเข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ทว่าเราจะเอาแต่รออยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต่อให้จะช่วยไม่ได้ เราก็ปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตรายคนเดียวไม่ได้ !”
เลี่ยหยางกล่าวด้วยความกังวลใจ หากไม่ใช่เพราะไตร่ตรองและตระหนักได้ เขาก็คงพรวดเข้าไปก่อนแล้ว
“รอไปอีกสักพักเถอะ หากอวี้โม่ยังไม่ออกมา ข้าจะเข้าไปสำรวจดูด้วยตัวเอง”
ซูวั่งชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในฐานะผู้ที่อาวุโสที่สุดในที่แห่งนี้ เขาต้องเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งของฉินอวี้โม่เพื่อปกป้องความปลอดภัยให้กับทุกคน
“ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซูวั่งชวน เสียงของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้นและทุกคนโล่งใจทันที
.