คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 45.1 อสูรล้อมเมือง (1)
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินอวี้โม่พาเสี่ยวโร่วตรงไปยังประตูเมืองเยว่กวางเพื่อเข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมือง
ณ ลานกว้างด้านบนกำแพงเมืองถูกจัดเป็นจุดสำหรับตั้งรับการโจมตีของเหล่าอสูรมายา เหล่าผู้เข้าร่วมจะเดินทางมารวมตัวกันในบริเวณนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อถึงวันอสูรล้อมเมือง เหล่าอสูรมายาน้อยใหญ่จะพากันออกมาจากป่าแสงจันทร์และมุ่งตรงเข้าโจมตีเมืองเยว่กวาง อสูรมายาเหล่านั้นมีจำนวนมากมายหลายหลากชนิดและยังเป็นอสูรมายาในหลากหลายระดับ ตั้งแต่อสูรระดับต่ำไปจนถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีขั้นดาราสูง หรือในบางครั้งก็อาจจะมีอสูรเทวะที่มีดาราต่ำปรากฏตัวออกมาด้วย
ตามปกติแล้วปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่นานนัก และว่ากันว่าที่นานที่สุดน่าจะจะกินเวลาราวๆ สองชั่วยามเท่านั้น
สำหรับฉินอวี้โม่แล้ว การมีโอกาสได้เข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมืองถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะต้องให้ประสบการณ์ล้ำค่าและยังเป็นโอกาสทองที่นางจะได้ลงมือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นางได้แต่หวังว่าวันนี้จะมีเหล่าอสูรมายาบุกมากันเป็นจำนวนมาก เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่ขุมทรัพย์มหาศาลที่จะกอบโกยได้ แต่นางยังจะสามารถเลือกสรรอสูรมายาดี ๆ สักตัวมามอบให้กับเสี่ยวโร่วได้อีกด้วย
“อรุณสวัสดิ์ แม่นางอวี้โม่”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เดินทางมาถึง ลั่วอวิ๋นที่กำลังทำหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยของงานก็รีบตรงเข้ามาหาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์คุณชายลั่ว”
ฉินอวี้โม่แย้มยิ้มตอบกลับและโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายอีกฝ่าย
“ปกติแล้วอสูรล้อมเมืองจะเริ่มขึ้นในยามใด? ”
ฉินอวี้โม่มองลั่วอวิ๋นและเอ่ยถามด้วยเสียงหวานใส
“ข้าเองก็บอกไม่ได้เช่นกัน บางครั้งพวกมันก็จะบุกกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ บางครั้งจนมืดค่ำก็ยังไม่ปรากฏ ตัวข้าก็เพิ่งจะเคยได้เข้าร่วมอสูรล้อมเมืองเพียงสองครั้งจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก”
ลั่วอวิ๋นตอบตามตรง… ในครั้งล่าสุดที่เขาเข้าร่วมอสูรล้อมเมือง เขายังอ่อนแออยู่มาก เพียงแค่อสูรมายาระดับต่ำ เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดกว่าจะจัดการกับพวกมันได้แต่ละตัว ส่วนอสูรระดับภูตหรือระดับที่สูงกว่านั้นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่พบเจอพวกมันแล้วหลบหนีไปให้รอดได้ก็นับว่าดีมากแล้ว… จนตอนนี้ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว เขาแข็งแกร่งขึ้นและก้าวหน้าไปจากเดิมมากซึ่งต่อให้วันนี้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรเทวะ เขาก็มั่นใจและพร้อมจะต่อสู้เต็มกำลัง
“อ่อ เช่นนั้นก็คงต้องรอต่อไปก่อนสินะ”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปหาที่เหมาะ ๆ เพื่อรอคอย
ไม่นานนัก ชื่อเซียวพร้อมด้วยสมาชิกแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็เดินทางมาถึง
“อรุณสวัสดิ์แม่นางฉิน”
ชื่อเซียวทักทายฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มสดใส
“อรุณสวัสดิ์ แม่นางฉิน! ”
สมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนยิ้มกว้างแล้วส่งเสียงทักทายฉินอวี้โม่กันอย่างพร้อมเพรียง กิริยาของพวกเขาทั้งนอบน้อมและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและทักทายตอบทุกคน
เวลานี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอสูรล้อมเมืองคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยมาถึงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ซึ่งเมื่อมองเห็นฉินอวี้โม่ หลายคนก็เดินเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่เปียวก็นำคนจากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจของเขาเดินทางมายังลานเตรียมตัวเช่นกัน อดีตนักฆ่าสาวเห็นว่าลิ่วเยว่เองก็เดินเคียงคู่มากับเขา
“แม่นางฉินมาแต่เช้าเลยนะ อยากจะแพ้ข้าจนทนไม่ไหวเลยหรือ? ”
ลิ่วเยว่ที่เดินนำหน้ามาตรงเข้ามาหาฉินอวี้โม่ในทันทีที่มองเห็นร่างบาง เขากล่าววาจายั่วยุก่อนจะยิ้มเย้ย
อย่างไรก็ตามเมื่อได้มองสตรีตรงหน้าชัด ๆ และลอบพิจารณารูปลักษณ์ของนางในวันนี้แล้ว ลิ่วเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลาย
วันนี้ฉินอวี้โม่สวมชุดกางเกงเข้ารูปทั้งตัว ถึงแม้ว่าจะดูกระฉับกระเฉงและคล่องตัวพร้อมต่อสู้แต่ก็เผยให้เห็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของนางอย่างเด่นชัด ผมยาวสลวยทุกเส้นถูกเก็บรวบเป็นหางม้าอย่างรัดกุม เผยให้เห็นใบหูเล็กและดวงหน้าหวานอย่างเด่นชัด อดีตคุณหนูในวันนี้ดูงดงามไปอีกแบบ นางดูเป็นจอมยุทธ์หญิงที่สูงส่งและสง่างามน่าเลื่อมใส
“ที่ข้ามาเร็ว เป็นเพราะข้าคิดถึงลูกอสูรน้อย ๆ สองตัวของพวกท่านจนอดใจไม่ไหวต่างหาก เอ… ถ้าหากว่าข้าได้อสูรมายามาเพิ่มอีกสองตัว พลังในการต่อสู้ของข้าจะพัฒนาไปมากขนาดไหนกันนะ? ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและยั่วยุกลับไปเบา ๆ
“เหอะ เรื่องโอ้อวดพอแค่นี้จะดีกว่า มาพูดถึงกฎของการแข่งในวันนี้ได้แล้ว”
ลิ่วเยว่เปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชาพลางส่งสายตาเป็นเชิงบอกใบ้ให้หลี่เปียวอธิบายกฎของการแข่งในวันนี้
หลี่เปียวก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้น “กฎการแข่งขันของวันนี้คือ…”
…หลี่เปียวและลิ่วเยว่หารือกันและตกลงกันได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า การแข่งในวันนี้จะไม่ใช่การแข่งแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่จะเป็นการแข่งแบบกลุ่ม…
ในฐานะที่หลี่เปียวให้การสนับสนุนลิ่วเยว่ ดังนั้นกองทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจะจับกลุ่มร่วมกับลิ่วเยว่ ขณะเดียวกันฉินอวี้โม่เองก็สามารถหาผู้ที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับนางได้เช่นกัน กฎการแข่งนั้นง่ายมาก นั่นคือในระหว่างเกิดปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองวันนี้ ฝ่ายใดสามารถสังหารหรือจับอสูรมายาได้มากกว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจถือเป็นเจ้าถิ่นและเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเย่วกวางแห่งนี้ ฉะนั้นพวกเขาจึงมีคนที่จะเข้าร่วมในการล่าอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนฉินอวี้โม่นั้นเพียงแค่เดินทางผ่านมายังเมืองเยว่กวางกับสาวใช้ตัวเล็กๆ หนึ่งคนจึงเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างหนัก และต่อให้นับรวมพันธมิตรของนางซึ่งก็คือกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนที่อยู่ที่นี่เข้าไปด้วย จำนวนคนก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าฝ่ายฉินอวี้โม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ด้วยเหตุนี้ทำให้สองบุรุษเจ้าเล่ห์–หลี่เปียวและลิ่วเยว่ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายของตนจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน แม้ว่าฉินอวี้โม่จะมีอสูรมายาที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย แต่อย่างไรก็ไม่มีทางสังหารอสูรมายาได้มากกว่ากลุ่มของพวกเขาที่มีกำลังพลจำนวนมากกว่าเป็นสิบเท่าได้แน่
เมื่อได้ยินกฎในการประลองอันแสน ‘ยุติธรรม’ ที่ออกมาจากปากของหลี่เปียว ชื่อเซียวก็ขมวดคิ้ว เขาต้องยอมรับเลยว่าการประลองในวันนี้ฉินอวี้โม่กำลังตกที่นั่งลำบากอย่างแท้จริงแล้ว กฎเช่นนี้เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายที่มีกำลังคนมากกว่าอย่างชัดเจน
“ไม่มีปัญหา ข้าจะนำคนจากจวนเจ้าเมืองมาช่วยด้วยอีกแรง”
ลั่วอวิ๋นก้าวออกมาพร้อมกับประกาศเสียงดัง หากนำกำลังพลจากจวนเจ้าเมืองมาก็จะมีไม่น้อยกว่ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ ถ้าฝ่ายฉินอวี้โม่รวมเข้ากับทหารจากจวนเจ้าเมืองก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบไปในทันที
“คุณชายลั่ว ทำเช่นนั้นมันไม่ถูก ทหารของจวนเจ้าเมืองก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของท่านเจ้าเมืองและประชาชน ไม่ใช่ว่าจะเอามาใช้งานตามอำเภอใจได้ ที่สำคัญถ้าอยากเอาทหารของทางการเข้ามาเกี่ยวข้องแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายธรรมเนียมปฏิบัติที่เรามีมาช้านานของเทศกาลอสูรล้อมเมือง”
หลี่เปียวแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะคัดค้านลั่วอวิ๋น
ตั้งแต่ปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองกลายมาเป็นเทศกาล รวมถึงมีของรางวัลล้ำค่าจากสำนักเจ้าเมืองมาเกี่ยวข้อง ทหารของทางการก็ไม่เคยเข้ามาร่วมในการต่อสู้กับเหล่าอสูรมายาอีกเลย ในหลายปีที่ผ่านมาเทศกาลนี้เสมือนกลายเป็นการละเล่นของบรรดาจอมยุทธ์ไปแล้ว และลั่วอวิ๋นผู้ซึ่งเป็นถึงลูกเจ้าเมืองก็ไม่ควรจะทำลายธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้
เมื่อได้ยินคำทัดทานที่ดูมีหลักการและสมเหตุสมผลนั้น ลั่วอวิ๋นก็นิ่วหน้าในทันที เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“ไม่เป็นไร อวี้โม่ซาบซึ้งในน้ำใจของคุณชายลั่ว แต่ในเมื่อนี่เป็นธรรมเนียมเราก็ไม่ควรจะฝ่าฝืน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย นางไม่อยากให้ลั่วอวิ๋นต้องถูกมองว่าทำสิ่งไม่ถูกต้องเพื่อตัวนาง
“แม่นางฉิน หากแม่นางไม่รังเกียจ กลุ่มทหารรับจ้างของเรายินดีจะเข้าร่วมเพื่อช่วยแม่นาง”