คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 476 ตามหาเบาะแส
เป็นจริงดังที่คิดไว้ เส้นทางไปสู่ส่วนลึกของทุ่งหิมะทางเหนือเต็มไปด้วยวิกฤติและภยันตราย
แม้ว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะหลีกเลี่ยงอสูรมายาระดับสูงจำนวนมากได้ด้วยการนำทางของมารยา แต่คณะเดินทางก็ยังเผชิญอุปสรรคขวากหนามมากมาย
ในเวลานี้ก็หมีขาวที่ดูสวยงามทว่าเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังที่อันตรายปรากฏตัวขวางหน้าฉินอวี้โม่และทุกคน
นี่คือหมีขาวของทางเหนือซึ่งเป็นอสูรมายาธาตุน้ำแข็งที่เติบโตขึ้นมาในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ หมีขาวดินแดนเหนือเป็นอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างยิ่งและตัวที่ยืนผงาดอยู่ตรงหน้ากลุ่มของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ก็มีพลังอยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ
จอมยุทธ์ทุกคนทราบดีว่าหากมีพลังอยู่ในระดับเดียวกันนั้น อสูรมายาจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เพราะเหตุนั้น ทันทีที่หมีขาวปรากฏตัว แม้แต่ซวงเสวี่ยเองก็ขมวดคิ้วมุ่นและสีหน้าแสดงถึงความระแวดระวัง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของฉินอวี้โม่และฉินเฟิงมิได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ทั้งสองคาดการณ์ไว้แล้ว และอสูรพสุธาเซียนขั้นกลางมิใช่สิ่งที่พวกนางต้องกังวล
“เจ้ามนุษย์เอ๋ย เหตุใดพวกเจ้าจึงบุกรุกเข้ามาในถิ่นของข้า !?”
หมีขาวรู้สึกได้ว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่ใช่กลุ่มคนที่รับมือได้ง่ายนัก และน้ำเสียงราบเรียบที่ดังมาจากมันก็บ่งบอกได้ว่ามันไม่สบอารมณ์นัก
“ขอโทษด้วย พวกเราแค่กำลังมุ่งหน้าเข้าไปส่วนลึกในทุ่งหิมะและจำเป็นต้องผ่านทางนี้ พวกเราไม่ได้ตั้งใจรบกวนเจ้า จะดีมากหากเจ้าปล่อยให้เราผ่านไป”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและไม่กระทำการบุ่มบ่ามหรือรุนแรง นางเพียงกล่าวออกไปอย่างเรียบง่าย
“เหอะ เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้า !? พวกมนุษย์แต่ละคนต่างก็เจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยกลอุบาย เจ้ากล่าวว่าเพียงต้องการผ่านทางนี้ ทว่าใครจะทราบได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเจ้าคือสิ่งใด”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หมีขาวก็ตอบโต้อย่างไม่ไว้หน้าทันทีโดยแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาแสดงถึงน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้พวกเราจะมีจุดประสงค์อื่นจริง ๆ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหยุดเราได้งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอ่อนและกล่าวต่อ “เพียงแค่อสูรพสุธาเซียนขั้นกลางตัวเล็ก ๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราหรอก”
อสูรมายาระดับพสุธาเซียนขั้นกลางมิใช่ภัยคุกคามสำหรับฉินอวี้โม่และฉินเฟิงอย่างแท้จริง เพียงแต่นางเกียจคร้านเกินกว่าจะเปลืองแรงสู้กับมัน
“เหอะ !”
หมีขาวแค่นเสียงอย่างเย็นชาขณะประเมินความแข็งแกร่งโดยรวมของฉินอวี้โม่ ฉินเฟิงและคนอื่น ๆ
“ศิษย์พี่ เชิญท่านจัดการเถอะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับฉินเฟิงเบา ๆ เพื่อยกหน้าที่ในการจัดการกับหมีขาวตัวนี้ให้กับเขา ดูเหมือนว่าหมีขาวไม่คิดที่จะยอมหลีกทางไปง่าย ๆ เพราะเหตุนั้นนางจึงต้องใช้ไม้แข็งเท่านั้น
ฉินเฟิงพยักศีรษะก่อนพุ่งตรงออกไปโจมตีอสูรมายาตรงหน้า
พลังของฉินเฟิงในตอนนี้อยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นกลางเช่นกันและไม่อ่อนแอไปกว่าหมีขาวมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนของฉินเฟิงรวมถึงทักษะยุทธ์และทักษะการต่อสู้ของเขาก็แตกต่างจากจอมยุทธ์ทั่วไป เพราะเหตุนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงเหนือชั้นกว่าหมีขาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“โฮกกก !”
หมีขาวคำรามดังสนั่น มันไม่รอช้าและกระโจนเข้าโจมตีฉินเฟิงทันที
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หมีขาวก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของฉินเฟิง
“อวี้โม่ มาสยบมันเถอะ”
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าวกับฉินอวี้โม่ อสูรพสุธาเซียนขั้นกลางถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง หากฉินอวี้โม่ได้ทำพันธสัญญากับมัน มันจะส่งผลที่ดีต่อนางไม่น้อย
เมื่อได้ยินวาจาของศิษย์พี่ ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะและเดินตรงเข้าไปหาหมีขาวก่อนทำพันธสัญญาให้มันกลายเป็นอสูรมายาของนางทันที
ซวงเสวี่ย เหมาซานและคนอื่น ๆ มองดูด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้นำคนใหม่ของตนเองจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรในระดับสูงด้วยเช่นกัน
เมื่อหมีขาวดินแดนเหนือถูกสยบโดยฉินอวี้โม่ แน่นอนว่ามันก็รับรู้ได้ถึงตัวตนของเสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ จู่ ๆ มันก็ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของตนเทียบชั้นกับฉินอวี้โม่ไม่ได้อย่างแท้จริง
“เจ้าหมีขาว เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มและเอ่ยถามออกไป หมีขาวตัวนี้มีถิ่นฐานอยู่ในทุ่งหิมะทางเหนือมานานและมันน่าจะคุ้นเคยกับที่นี่ดี นางจึงเชื่อว่ามันจะมีเบาะแสหรือข้อมูลเกี่ยวกับผลผลึกน้ำแข็งนี้ไม่มากก็น้อย
หมีขาวพยักหน้าและกล่าว “บนหน้าผาลึกในทุ่งหิมะของเรามีผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อยู่ อย่างไรก็ตาม ผลผลึกน้ำแข็งนั่นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงและมีอสูรทรงพลังที่คอยคุ้มกันอยู่ใกล้กับมัน อสูรนั้นทำหน้าที่คุ้มกันถ้ำอย่างแน่นหนา มันไม่ง่ายเลยที่จะครอบครองผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์นั่นมา”
สำหรับสิ่งที่หายากและล้ำค่าอย่างผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าอสูรมายาตัวอื่น ๆ ก็ต้องหมายตาอยู่เช่นกัน เพียงแต่พลังของอสูรที่คุ้มกันมันก็แกร่งกล้าเกินไปและอสูรมายาในระดับของพวกมันไม่กล้าบุกเข้าไปต่อสู้กับอสูรมายาตัวนั้น
“แล้วเจ้าทราบรึไม่ว่าอสูรมายาที่คุ้มกันมันคืออสูรประเภทใด ?”
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ตระหนักดีว่าวัตถุระดับสูงเช่นนี้ต้องมีผู้พิทักษ์คอยคุ้มกันอยู่และมีอสูรมากมายที่ปรารถนาอยากได้มัน เพียงแต่สิ่งที่พวกนางไม่มีข้อมูลเลยก็คืออสูรประเภทใดกันที่ทำหน้าที่คุ้มกันผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ?
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน เพียงแต่รู้ว่าผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใต้การคุ้มกันของอสูรมายาที่ทรงพลังมาก”
หมีขาวส่ายหน้าเบา ๆ อย่างจนปัญญา มันไม่เคยเห็นอสูรทรงพลังที่ว่านั่นมาก่อน มันจึงมิอาจบอกได้ว่าเป็นอสูรประเภทใด อย่างไรก็ตาม มันมั่นใจเพียงว่าพลังของอสูรตัวนั้นเหนือชั้นกว่ามันมาก
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ช่วยพาเราไปที่นั่นเถอะ”
ฉินอวี้โม่ ฉินเฟิงและคนอื่น ๆ มองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มแสดงถึงความตื่นเต้นและความคาดหวัง จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าตรงต่อไปภายใต้การนำทางของหมีขาว
เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรมายาระดับพสุธาเซียนอีกหลายตัว ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เอาชนะพวกมันได้อย่างง่ายดายก่อนที่พวกมันจะถูกสยบโดยนาง
ทว่าครานี้ฉินอวี้โม่ไม่ได้เก็บพวกมันไว้เองอีกต่อไป นางมอบอสูรมายาเหล่านั้นให้กับเหมาซาน ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่สยบอสูรมายาทรงพลังจำนวนมากได้อย่างง่ายดายและดูสบาย ๆ เหมาซานและทุกคนต่างก็ตกตะลึงและชื่นชมนางมากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ฉินอวี้โม่ใจกว้างจนถึงขั้นสยบอสูรมายาและมอบให้พวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมั่นว่าตนเองตัดสินใจเลือกติดตามถูกคนแล้ว
“เจ้านาย หากไปต่อข้างหน้า พวกเราจะเจอหน้าผาซึ่งที่นั่นคือที่ที่มีผลผลึกน้ำแข็งอยู่”
เมื่อมองเห็นหน้าผาสูงสีขาวโพลนที่อยู่ไม่ไกล หมีขาวก็กล่าวขึ้นอย่างระแวดระวัง
ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ คณะเดินทางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่มาจากหน้าผานั้นและก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังของสองตัวตนที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากหน้าผา
“หมีขาว เจ้าบอกว่ามีอสูรมายาเพียงตัวเดียวที่คุ้มกันผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อยู่มิใช่รึ ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากสองแหล่งที่แตกต่างกัน ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามด้วยความสับสน
“เจ้านาย เท่าที่ข้าจำได้ มันก็น่าจะถูกต้องแล้ว มีอสูรมายาเพียงตัวเดียวที่เป็นผู้พิทักษ์ป้องกันผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ ทว่าตอนนี้กลับมีคลื่นพลังที่ทรงอำนาจแผ่ออกมาจากสองแหล่ง มันอาจเป็นอสูรมายาตัวอื่นที่มาต่อสู้แย่งชิงผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้”
หมีขาวเองก็ขมวดคิ้วด้วยความฉงนสงสัยเช่นกัน หากมันจำไม่ผิด ที่นั่นมีอสูรผู้พิทักษ์ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์เพียงตัวเดียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับมีพลังมหาศาลแผ่ออกมาจากสองแหล่ง หากมันคาดเดาไม่ผิด เกรงว่าคงจะเป็นอสูรมายาทรงพลังอีกตัวหนึ่งที่เข้าไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์
“เราไปดูกันเถอะ”
ฉินเฟิงกล่าว แม้ว่าพลังมหาศาลทั้งสองถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร พวกมันก็มิใช่คู่ต่อสู้สำหรับเขา เขาเพียงต้องการสำรวจให้แน่ชัดก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทุกคนมองหน้ากันก่อนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียง ด้วยการนำทางของหมีขาวและมารยา ทุกคนมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากก้าวเดินไปไม่ถึงหนึ่งร้อยก้าว เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
ฉินอวี้โม่หันไปมองทุกคนและทำท่าปิดปากให้พวกเขาเงียบเสียงในขณะที่ใช้พลังของตนเองในการครอบงำกลิ่นอายของทุกคนไว้ จากนั้นนางก็ย่องเดินตรงไปในทิศทางนั้นอย่างเงียบ ๆ
หลังจากเดินต่อไปได้หลายร้อยก้าว หน้าผาสูงก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ข้างใต้หน้าผาหิมะนั้นเป็นพื้นดินราบเรียบเป็นทางยาว และในเวลานี้มีร่างของคนสองคนกำลังเผชิญหน้ากัน
ทางซ้ายคือบุรุษวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีน้ำเงินซึ่งมีพลังอย่างน้อยอยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นสูง แววตาของคนผู้นั้นในตอนนี้มืดสลัวไม่ชัดเจนซึ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
ตรงข้ามกับบุรุษวัยกลางคนคือเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบปีที่สวมอาภรณ์สีเหลืองและมีรอยยิ้มอ่อนเยาว์ประดับบนใบหน้าซึ่งดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก ฉินอวี้โม่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังจากร่างของเด็กหนุ่ม ทว่ามันจะต้องไม่ด้อยไปกว่าคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเยาว์วัยผู้นั้น ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงก็พอจะคาดเดาได้แล้ว เด็กหนุ่มผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นร่างมนุษย์ของหยกขาวพันปีนั่นเอง
“นั่นคือหยกขาวพันปี !”
ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากข้างหลังซวงเสวี่ย น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน เขาคือหนึ่งในกลุ่มคนที่เคยพบเห็นหยกขาวพันปีและร่างจำแลงของมันก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าเขาย่อมจำมันได้ในทันที
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากคนผู้นั้น ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงก็มองหน้ากันอย่างพึงพอใจทันที ทั้งสองเฝ้าตามหามันมาเนิ่นนานโดยไม่มีเบาะแสข่าวคราวใด ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบมันในวันนี้
“ชู่ววว…”
หลังจากทำท่าทางเตือนทุกคนมิให้ตื่นตูม ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงก็ยืนมองดูสถานการณ์อย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้ บุรุษวัยกลางคนจ้องหน้าเด็กหนุ่มด้วยความโกรธแค้นจนควันแทบออกหู
“เจ้าหนู เจ้ามาจากที่ใดกัน ? เอาผลผลึกน้ำแข็งนั่นคืนมาเร็วเข้า !”
บุรุษวัยกลางคนตะโกนกร้าวด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความข่มขู่
มันต้องเป็นอสูรผู้พิทักษ์ของผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้มันรู้สึกได้ว่าผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ใกล้สุกงอมเต็มที่แล้ว มันจึงออกมาด้วยหมายว่าจะดูดซับพลังของมัน ด้วยวิธีนั้น มันอาจจะทะลวงพลังจากระดับพสุธาเซียนขั้นสูงไปสู่ขั้นสูงสุดได้ หลังจากนั้นมันก็จะมีโอกาสพัฒนาไปสู่ขอบเขตนภาเซียน
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ทันได้ทำตามที่ต้องการ จู่ ๆ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็โผล่มาและแย่งชิงผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์นั่นไปซึ่งทำให้บุรุษวัยกลางคนเดือดดาลอย่างยิ่ง
ภายในทุ่งหิมะทางเหนือแห่งนี้ มันถือเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นที่เคารพของอสูรมากมายทั้งดินแดน ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มเมื่อวานซืนผู้นี้จะไม่แสดงท่าทีเคารพต่อมัน หนำซ้ำยังยึดเอาสิ่งมันเฝ้ารอคอยมาตลอดไป แล้วมันจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไร ?
“ผลผลึกน้ำแข็งอะไรกัน ? เจ้าหมายถึงผลไม้ที่ดูงดงามเมื่อครู่นี้รึ ?”
เด็กหนุ่มร่างจำแลงของหยกขาวพันปีกล่าวพร้อมรอยยิ้มและใบหน้าไม่แสดงถึงความหวาดหวั่นใด ๆ
“ขอโทษด้วย ข้ากินเข้าไปแล้ว ข้าคงจะอาเจียนออกมาคืนเจ้ามิได้”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยท่าทางเสแสร้งทำเป็นขอโทษขอโพย
เดิมทีหยกขาวพันปีไม่ทราบจริง ๆ ว่ามันคือผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ มันเพิ่งจำแลงร่างมนุษย์และสัมผัสได้ถึงพลังของผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ มันชื่นชอบกลิ่นอายที่แผ่ออกมามาก มันจึงอดไม่ได้ที่จะเก็บมาเป็นของตนเอง
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมิได้กลืนกินเข้าไป เพียงแต่ไม่ต้องการมอบคืนให้กับบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหยกขาวพันปี อีกฝ่ายก็ชะงักไปเล็กน้อย ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับกลืนกินมันเข้าไปเพียงเพราะความสวยงาม ในเวลานี้มันจึงโกรธแค้นจนหน้าแดงก่ำ
“เหอะ ในเมื่อเจ้ากินผลผลึกน้ำแข็งเข้าไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะกินเจ้าเสีย ถึงอย่างไรผลลัพธ์มันก็เหมือน ๆ กัน !”
บุรุษวัยกลางคนแค่นเสียงเย็นชาก่อนพุ่งโจมตีตรงไปที่เด็กหนุ่มหยกขาวพันปี
.