คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 477 นายน้อยหุบเขากรุ่นกำยาน
“จะรังแกเด็กงั้นรึ ?!”
เด็กหนุ่มร่างจำแลงของหยกขาวพันปีมิได้ตื่นตระหนก ทว่าร่างของมันหายตัวไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของมันรวดเร็วอย่างยิ่ง หากมิใช่เพราะสายตาของฉินอวี้โม่ที่จับจ้องมองมันอย่างไม่ละสายตา คงยากที่จะระบุได้ว่าเด็กหนุ่มหายตัวไปที่ใด
การโจมตีของบุรุษวัยกลางคนก็พุ่งผ่านอากาศไปและสีหน้าของมันก็บิดเบี้ยวขึ้นมา มันตวัดสายตามองสำรวจรอบตัวอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อไม่เห็นร่างของเด็กหนุ่มตัวน้อย มันก็เดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าชายตัวโตที่โง่เง่าเอ๋ย ข้าอยู่นี่ ฮ่า ๆ ๆ !”
เด็กหนุ่มร่างจำแลงของหยกขาวพันปีปรากฏตัวอีกครั้งและยิ้มกว้างอย่างสาแก่ใจให้กับคู่ต่อสู้ ตอนนี้มันลอยตัวอยู่กลางอากาศและมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
“เจ้าอยากตายมากนักรึ !?”
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มปรากฏตัว บุรุษวัยกลางคนก็เหวี่ยงกำปั้นออกไปโดยไม่ลังเล ในขณะเดียวกันนั้น พลังจากร่างของมันก็เข้าครอบคลุมทั่วร่างเด็กหนุ่มเพื่อพยายามควบคุมไม่ให้ไปไหน
อย่างไรก็ตาม การโจมตีของมันล้มเหลวอีกครา ร่างของเด็กหนุ่มหายวับไปต่อหน้าและพลังของมันวนกลางอากาศก่อนคว้าได้เพียงแค่ความว่างเปล่า
“บัดซบ !”
มันกัดฟันแน่นและสบถเสียงดังพร้อมทั้งพยายามสัมผัสถึงกลิ่นอายและตัวตนของเด็กหนุ่มอย่างระแวดระวัง
“ช่างว่องไวยิ่งนัก ต่อให้ข้าแสดงความเร็วออกมาอย่างเต็มที่ก็คงจะไล่ตามไม่ทัน”
ฉินอวี้โม่อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ ต้องยอมรับเลยว่าร่างจำแลงของหยกขาวพันปีผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น ทว่าความเร็วของมันเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าไร้ที่เปรียบแล้ว
บุรุษวัยกลางคนถือโอกาสในจังหวะที่เหมาะสมปลดปล่อยการโจมตีใส่ร่างของเด็กหนุ่มหลายคราทว่าก็ล้มเหลวทั้งสิ้น ความรวดเร็วว่องไวของเด็กหนุ่มช่างเหนือชั้นยิ่งนัก ทุกคราที่ผู้พิทักษ์ผลผลึกน้ำแข็งรู้สึกว่าตามคู่ต่อสู้ได้ทัน มันก็คว้าได้เพียงภาพติดตาที่ทิ้งไว้เบื้องหลังเท่านั้น
“หากเจ้ามีความสามารถจริง ๆ ก็หยุดและเลิกหนีเสียที !”
ขณะกัดฟันแน่นจนดังกรอด ความใจเย็นและสงบนิ่งของบุรุษวัยกลางคนก็ดูจะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“หยุดและเลิกหนี ? มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำเช่นนั้น”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างในขณะที่ร่างของมันปรากฏกายไม่ไกลจากบุรุษวัยกลางคน
“หึ หึ ได้ตัวแล้ว”
เมื่อเห็นคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้าไม่ไกล บุรุษวัยกลางคนก็ยกยิ้มมุมปากก่อนปรบมือเบา ๆ และกรงล้อมที่ควบแน่นขึ้นมาจากพลังมายาก็ก่อตัวขึ้นเพื่อกักขังร่างของเด็กหนุ่มไว้
“นี่มันอะไรกัน ?”
เด็กหนุ่มพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามออกจากกรงนี้แต่กลับพบว่ากรงนี้เต็มไปด้วยพลังงานบางอย่างและไม่มีช่องโหว่ใดให้มันออกไปได้เลย
เมื่อเห็นท่าไม่ดี เด็กหนุ่มก็กัดฟันแน่นขณะแสงสีขาวขุ่นปรากฏขึ้นในมือและพุ่งตรงไปโจมตีกรงล้อมโดยต้องการทำลายและฝ่าออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำกลับไม่เป็นผลแม้แต่น้อย
“เจ้าตัวใหญ่ เจ้าทำอะไรลงไป !?”
เมื่อหันหลังกลับไปจ้องหน้าบุรุษวัยกลางคน แววตาของเด็กหนุ่มก็แข็งกร้าวด้วยความไม่พอใจและสับสน ความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้ยังน้อยเกินไปจึงมิอาจฝ่าออกไปจากกรงนี้ได้
“ข้า…”
บุรุษวัยกลางคนมีสีหน้าที่ถอดสีและพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแตกต่างจากสิ่งที่มันคาดไว้อย่างสิ้นเชิง การปรบมือของมันเมื่อครู่เป็นการเตรียมการสำหรับกรงน้ำแข็งขวางกั้น ทว่าในเวลานี้กรงที่ปรากฏขึ้นมากลับเป็นกรงล้อมสีแดงเพลิงที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานที่เกรี้ยวกราด
“ฮ่า ๆ ๆ หยกขาวพันปีนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ เมื่อมันจำแลงร่างมนุษย์ขึ้นมาได้ มันก็ทรงพลังจริง ๆ”
น้ำเสียงชั่วร้ายดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคนก่อนที่คนกลุ่มหนึ่งลอยตัวจากกลางอากาศลงเหยียบบนพื้นและล้อมรอบกรงนั้นไว้
บุรุษผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มสวมอาภรณ์สีแดงเพลิงดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง กอปรกับรอยยิ้มลึกลับและเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจนักเมื่อได้พบกับเขา
ข้างหลังเขาคือผู้ติดตามประมาณเจ็ดถึงแปดคนซึ่งสวมอาภรณ์สีแดงเช่นเดียวกัน และเห็นได้ชัดว่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ธรรมดาเลย
“คนจากหุบเขากรุ่นกำยาน !”
ก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนกลุ่มนี้เช่นกัน ทว่าต้องการทราบว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร นางและทุกคนจึงมิได้ออกไปแสดงตัวก่อน บัดนี้เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว พวกนางจึงยืนยันตัวตนของพวกเขาได้ในที่สุด
“ผู้ที่เป็นหัวหน้าน่าจะเป็นนายน้อยของหุบเขากรุ่นกำยาน—เฝินชวี่“
ซวงเสวี่ยมองไปที่คนเหล่านั้นและกล่าวคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้ทันที คิ้วของเขาขมวดเป็นปมและสีหน้าแสดงถึงความระแวดระวัง
เฝินชวี่—นายน้อยแห่งหุบเขากรุ่นกำยานซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุมกำลังระดับหนึ่งของดินแดนทางเหนือ เขามีความแข็งแกร่งประมาณขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้นและมีพรสวรรค์ที่ถือได้ว่าไม่ธรรมดา ด้วยความเด็ดขาด ความเจ้าเล่ห์และความโหดร้ายของเขา บุรุษผู้นี้จึงเป็นที่หวาดหวั่นและเกรงกลัวของผู้คนมากมาย
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่ออยู่ที่นี่ด้วยกันแล้ว อย่ามัวแต่หลบซ่อนและรับชมสิ่งที่น่าตื่นเต้นอยู่เลย แสดงตัวออกมาเถอะ”
เฝินชวี่ตวัดสายตามองมาในทิศทางของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าเขาก็จะค้นพบกลุ่มของนางแล้ว
ฉินอวี้โม่และทุกคนยิ้มให้กันก่อนถอนม่านป้องกันออกไป จากนั้นร่างของคนทั้งกลุ่มก็ค่อย ๆปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็นึกว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นขุมกำลังทรราชท้องถิ่นของทุ่งหิมะทางเหนือ—เทือกเขาหิมะนั่นเอง”
เมื่อเห็นใบหน้าของซวงเสวี่ย เฝินชวี่ก็จำเขาได้ตั้งแต่แวบแรกและกล่าวขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงเจตนาอย่างแน่ชัด
“คิดอยู่แล้วเชียวว่าเทือกเขาหิมะไม่มีทางพลาดเข้าร่วมกับเรื่องสนุก ๆ เช่นนี้ และก็ไม่คิดเลยว่าผู้นำซวงเสวี่ยที่มักตรงไปตรงมาและเปิดเผยจะกลับซุ่มซ่อนตัวอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้”
เขายิ้มและกล่าวต่อ ครานี้น้ำเสียงแสดงถึงความเหน็บแนมอย่างชัดเจน
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ว่าจะทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างไรก็ไม่มีทางสู้เล่ห์เหลี่ยมของคนจากหุบเขากรุ่นกำยานได้หรอก สาเหตุที่ข้าซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเป็นเวลานานและไม่ยอมออกมาเสียที ข้าเพียงแค่กำลังรอโอกาสที่ประจวบเหมาะเท่านั้น”
ซวงเสวี่ยยิ้มบาง ๆ วาจาเสียดสีเหน็บแนมของเฝินชวี่มิได้ทำให้สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“แน่นอนอยู่แล้ว หยกขาวพันปีไหลลื่นยิ่งกว่าปลาไหลเสียอีก หากไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไว้รับมือแล้วจะกำราบมันให้อยู่หมัดได้อย่างไรกัน จะว่าไปแล้ว…ข้าก็ต้องขอบใจเจ้ามาก…อสูรผู้พิทักษ์ของผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์—อินทรีหิมะ”
เฝินชวี่กล่าวพร้อมยิ้มกริ่มขณะสายตามองไปที่บุรุษวัยกลางคนที่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา หากมิใช่เพราะการต่อสู้ระหว่างมันและหยกขาวพันปี หยกขาวพันปีก็คงไม่ประมาทไปชั่วขณะและการควบคุมมันก็คงไม่ง่ายดายเช่นนี้
“เจ้าพวกมนุษย์บัดซบ ส่งตัวเจ้าหนูนั่นมาให้ข้าเสีย มิฉะนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ารอดชีวิตกลับไปแน่ !”
บุรุษวัยกลางคนมีสีหน้าที่เหยเกขณะกวาดสายตามองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก่อนหยุดลงที่เฝินชวี่ อสูรผู้พิทักษ์กล่าวอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำข่มขู่
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหนูนี่เป็นศัตรูของเจ้ามิใช่รึ ? การที่พวกข้าจับตัวมันให้ เจ้าก็น่าจะขอบคุณพวกข้า แล้วเหตุใดจึงอยากให้พวกข้าปล่อยมันไปเล่า ?”
เมื่อได้ยินวาจาของอสูรร่างบุรุษวัยกลางคน เฝินชวี่เพียงยิ้มอ่อนและกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“นั่นมันเรื่องระหว่างข้ากับมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า เจ้าเพียงต้องปล่อยเจ้าหนูนั่นมาให้ข้า ข้าจะได้สะสางปัญหาระหว่างเราเสียที”
บุรุษวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ว่าเด็กหนุ่มชิงเอาผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ของมันไป มันก็มิได้โกรธแค้นจนเกินไป ในทางกลับกัน มนุษย์เหล่านี้ตรงหน้าทำให้มันไม่ชอบหน้าเอาเสียเลย
“เจ้าอินทรีหิมะเอ๋ย เจ้าหมกตัวอยู่ในทุ่งหิมะแห่งนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว สนใจที่จะออกไปเที่ยวชมท่องโลกภายนอกกับพวกข้ารึไม่ ?”
เฝินชวี่มิได้ตอบรับข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายทว่ากล่าวออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“ฝันไปเถอะ !”
บุรุษวัยกลางคนเป็นเพียงอสูรพิทักษ์ของผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ ร่างของมันเป็นดั่งรูปปั้นหิมะและก็อยู่ที่ทุ่งหิมะทางเหนือแห่งนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว
“ปล่อยเจ้าหนูนั่นมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน !”
ขณะกล่าวอย่างเย็นชา บุรุษวัยกลางคนก็คืนร่างเดิมและจ้องตรงไปที่เฝินชวี่อย่างเกรี้ยวกราด
ขนาดร่างแท้จริงของมันใหญ่เทียบเท่ากับเนินเขาพร้อมด้วยขนที่ขาวนุ่มน่าสัมผัสซึ่งดูสวยงามอย่างยิ่ง ลำตัวขนาดใหญ่ยักษ์กอปรกับดวงตาเฉียบคมทำให้มันเป็นอสูรที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามและดูงดงามอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นรึ ? กว่าที่จะได้หยกขาวพันปีนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าจะปล่อยมันไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ?”
เฝินชวี่ยิ้มยียวน แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังจากอินทรีหิมะตรงหน้า สีหน้าและแววตาของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้ามากับพวกข้าและเป็นอสูรมายาของข้าแต่โดยดีเถอะ หากเจ้าตกลงรับปาก ข้าจะปล่อยเด็กหนุ่มนี่ไปและเจ้าทั้งสองอาจได้เป็นสหายที่ดีต่อกัน ต่อให้พวกเจ้าไม่เป็นสหายกัน ข้าก็จะปล่อยมันและให้พวกเจ้าได้สะสางความบาดหมางที่มีต่อกัน เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ?”
เมื่อได้ยินวาจาของเฝินชวี่ อินทรีหิมะก็ชะงักไปเล็กน้อยด้วยท่าทีลังเลชั่วขณะ
“เจ้ามนุษย์ อย่าโกหกข้าไปหน่อยเลย มนุษย์อย่างพวกเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าเล่ห์และไว้ใจไม่ได้ ข้าไม่เชื่อคำพูดโกหกของเจ้าหรอก”
อินทรีหิมะส่ายศีรษะด้วยความไม่เชื่อ
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็สามารถกล่าวสัตย์สาบานได้”
เฝินชวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย แท้จริงแล้วเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสยบอินทรีหิมะ สำหรับการปล่อยตัวหยกขาวพันปีนั้น ต่อให้จะกล่าวสัตย์สาบานไปก็ไม่มีผลใด ๆ
เมื่อเขากลับไปถึงหุบเขากรุ่นกำยาน เขาจะปล่อยตัวหยกขาวพันปีไปอย่างแน่นอน เพียงแต่การที่เขากล่าวว่าจะปล่อยมันไปก็มิได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่จัดการกับมัน
คำพูดของเฝินชวี่ทำให้อสูรยักษ์ใหญ่อ่อนไหวเล็กน้อย แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมัน หนำซ้ำยังขโมยผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ของมันไป แต่มันก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มมาก ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มคือร่างจำแลงของวัตถุล้ำค่าอย่างหยกขาวพันปี หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ เกรงว่าจุดจบคงจะไม่ดีแน่ หากมันได้เสียสละตนเองเพื่อช่วยเจ้าหนูน้อยนี่ มันก็ดูจะคุ้มค่าไม่น้อยเลย
เพียงแต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก แม้ว่าสีหน้าของเฝินชวี่ดูจริงจัง มันก็ไม่มั่นใจว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นความจริงรึไม่
“นายหญิง เราจะทำอย่างไรกันดี ?”
อีกฟากหนึ่ง ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เฝ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและหมีขาวดินแดนเหนือก็ส่งกระแสจิตถามฉินอวี้โม่เบา ๆ
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก เพียงแค่รอสักประเดี๋ยวเพื่อชมเรื่องสนุก ๆ ก็พอ”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เหมาซาน ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ก็มองสีหน้าท่าทางมั่นใจของฉินอวี้โม่ด้วยความฉงนสนเท่ห์ พวกเขาสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักและหวังว่าผู้นำคนใหม่จะอธิบายให้กระจ่าง
“ฮ่า ๆ ๆ พวกท่านเดาสิว่ามารยาหายไปไหน…”
เมื่อเห็นแววตาสงสัยใคร่รู้ของทุกคน ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มและอดกล่าวเบา ๆ ไม่ได้
นับตั้งแต่วินาทีที่นางสัมผัสถึงกลิ่นอายของเฝินชวี่และพวก นางก็ทราบดีว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นนางจึงวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นและสั่งให้มารยาทำตามแผนนั้น หยกขาวพันปีนี้เป็นของนางและจะไม่มีใครหน้าไหนฉกชิงมันไปทั้งนั้น
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ตระหนักถึงบางอย่างได้ทันทีและอดยกนิ้วให้ในใจไม่ได้ ‘ผู้นำของพวกข้าเจ้าเล่ห์จริงเชียว’
ณ พื้นที่เปิดกว้าง เฝินชวี่ลังเลเล็กน้อยขณะมองอสูรตรงหน้าและกล่าวคำสาบานเสียงดังฟังชัด
“ข้าขอสาบาน…ตราบใดที่อินทรีหิมะยอมจำนนและกลายเป็นอสูรของข้า ข้าจะปล่อยตัวหยกขาวพันปีและไม่มีวันทำร้ายมัน”
เมื่อได้ยินคำสาบานของเฝินชวี่ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ยิ้มออกมา เป็นจริงดังที่คิดไว้ เฝินชวี่คิดจะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของคำสาบานนั้น
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม ขอโทษที่ข้าต้องขัดจังหวะ”
เมื่อเห็นว่าอินทรีหิมะกำลังจะตอบตกลง ฉินอวี้โม่ก็กระแอมเบา ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน
.