คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 480 พัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัว
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ นั่งลงตรงข้ามกัน
หยกขาวพันปีนั่งอยู่ตรงข้ามฉินอวี้โม่และกำลังรับประทานอาหารที่ฉินอวี้โม่จัดเตรียมให้ขณะตะโกนคำว่า ‘อร่อย’ ไม่หยุดหย่อนเหมือนเด็กน้อยที่ชอบใจเป็นที่สุด
“เฮ้ ข้าไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
อินทรีหิมะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ที่เป็นบุรุษวัยกลางคนและก็อยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวเช่นกัน ในเวลานี้มันกำลังรับประทานอาหารอันโอชะด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หยกขาวพันปีก็ได้ตรวจดูสถานการณ์ของคฤหาสน์เฟิงหัวและบอกฉินอวี้โม่ว่าหากต้องการพัฒนาปรับโฉมคฤหาสน์เฟิงหัว นางสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องหลอมมันและยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถใช้ได้
เมื่อทราบว่ามีทางอื่น แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง
ก่อนที่จะมีเวลาถามสิ่งใดให้มากความ นางตัดสินใจที่จะพาทุกคนเดินทางไปที่เทือกเขาหิมะก่อนแล้วจึงเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับคฤหาสน์เฟิงหัว
อินทรีหิมะกังวลว่าฉินอวี้โม่อาจเอารัดเอาเปรียบหยกขาวพันปี มันจึงยืนกรานที่จะติดตามไปด้วย แน่นอนว่าฉินอวี้โม่มิได้ขัดขวางและยังปฏิบัติต่อมันดั่งอสูรมายาของตนเอง
เพราะถึงอย่างไร ในไม่ช้าก็เร็ว มันก็จะต้องกลายเป็นอสูรมายาของนางอย่างแน่นอน นางจึงให้มันติดตามมาแต่โดยดี
“ไม่ต้องห่วง หากพวกเจ้าติดตามข้าต่อไป ในอนาคตยังมีของอร่อย ๆ ให้กินอีกมากมาย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวเบา ๆ นางชื่นชอบลักษณะและนิสัยใจคอของทั้งหยกขาวพันปีและอินทรีหิมะอย่างมาก
“เยี่ยมไปเลย !”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างและอ้าปากกัดเค้กชิ้นอร่อยเต็มปากเต็มคำ
“พี่สาว หากท่านต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคฤหาสน์เฟิงหัว ท่านเพียงต้องใช้พลังบางส่วนของข้า เมื่อรวมเข้ากับผลึกหัวใจมายาและแก่นมายาโลหะของอสูรเซียนขั้นเก้า มันจะพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน”
หยกขาวพันปีดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนเริ่มสนทนาเรื่องธุระสำคัญกับฉินอวี้โม่
“ข้าและผลึกหัวใจมายาล้วนมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นท่านเพียงต้องหลอมวัสดุอื่น ๆ ที่เหลือเข้ากับคฤหาสน์เฟิงหัวเท่านั้น จากนั้นท่านก็วางข้าและผลึกหัวใจมายาไว้ในจุดที่สมมาตรกันสองด้านของคฤหาสน์ เมื่อถึงตอนนั้น คฤหาสน์เฟิงหัวก็จะพัฒนาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นไปโดยสมบูรณ์”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากเด็กหนุ่ม ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับ นางเคยวางแผนเช่นนี้ไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่แรกเริ่มเดิมทีนางคิดที่จะหลอมผลึกหัวใจมายาและหยกขาวพันปีเข้าด้วยกัน
“อย่างไรก็ตาม ผลึกหัวใจมายาเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ท่านวางมันไว้ได้เลย ส่วนข้าที่จำแลงร่างมนุษย์แล้ว แน่นอนว่าข้าไม่อยากอยู่กับที่ไปตลอด เพราะฉะนั้น หากพี่สาวอยากพัฒนาปรับโฉมคฤหาสน์เฟิงหัว ท่านทำพันธสัญญากับข้าไว้ก่อนจะดีกว่า”
หยกขาวพันปีบอกข้อมูลทุกอย่างอย่างไม่ปิดบัง มันชื่นชอบ ‘พี่สาวฉินอวี้โม่’ อย่างยิ่งและต้องการช่วยนางอย่างเต็มที่ หากต้องการใช้พลังของมันอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด มันต้องทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่เสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้น การปรับปรุงพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวก็จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
ในเมื่อมีอสูรพฤกษาอย่างพลับพลึงแดง ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจดีว่านางสามารถทำพันธสัญญากับหยกขาวพันปีได้เช่นเดียวกับอสูรมายาตัวอื่น ๆ ในเมื่อตอนนี้หยกขาวพันปีจำแลงร่างมนุษย์ได้แล้ว มันก็ไม่แตกต่างไปจากอสูรมายาเหล่านั้น เพียงแต่อาจจะมีระดับที่สูงกว่า
“หากเจ้ายินดี แน่นอนว่าข้าก็ไม่ขัดข้อง”
ฉินอวี้โม่ตอบตกลงพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ นางไม่ต้องการบังคับฝืนใจหยกขาวพันปีเพื่อให้ได้พัฒนาปรับโฉมคฤหาสน์เฟิงหัวของตนเอง ทว่าการที่มันเสนอขึ้นมาเองเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ตราบใดที่พี่สาวมีอาหารอร่อย ๆ แบบนี้และพาข้าไปเล่นสนุก ข้าก็ยินดีเป็นอสูรมายาของพี่สาวและคอยติดตามไปทุกหนแห่ง”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยแววตาเป็นประกายก่อนทำพันธสัญญาเพื่อเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่และเข้าร่วมกองทัพอสูรของนาง
“เอ่อ… มนุษย์… ข้าขอเป็นอสูรมายาของเจ้าได้ด้วยรึไม่ ?”
เมื่อเห็นหยกขาวพันปีทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่อย่างเต็มใจ อินทรีหิมะก็ลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวข้อเรียกร้องของตนเองออกมา
มันรู้สึกถูกชะตากับฉินอวี้โม่พอสมควรและยอมรับในพรสวรรค์ของนาง ถึงอย่างไรมันก็พร้อมออกไปเผชิญโลกกว้างและสุดท้ายก็จะต้องเป็นอสูรมายาของมนุษย์อยู่ดี แทนที่จะถูกสยบโดยมนุษย์คนอื่น ๆ การได้พบกับนายที่มันชื่นชอบและถูกชะตาถือเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด
“อินทรีหิมะ เจ้าไม่คัดค้านกับการต้องเป็นอสูรมายาของมนุษย์งั้นรึ ?”
เสี่ยวจินวิ่งพรวดออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง มันคือเหยี่ยวปีกทองและสายพันธุ์ของมันก็มีความเกี่ยวข้องกับอินทรีหิมะพอสมควร
“เฮ้ ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการตกเป็นอสูรของพวกมนุษย์จิตใจชั่วช้าพวกนั้น ข้าไว้วางใจและเชื่อมั่นในนายหญิงของเจ้า อีกอย่าง…ที่นี่ก็มีอาหารอร่อย เจ้าหนูนั่นก็เพิ่งทำพันธสัญญากับนางไป ข้าจะเต็มใจจากไปเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน ?”
อินทรีหิมะไม่ปิดบังสิ่งใดและกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ
มันได้เห็นบรรดาอสูรมายาของฉินอวี้โม่แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับซิวผู้ทรงพลัง มันก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดและแรงกดดันที่ไม่สามารถต่อต้านได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่ต้องการฉกฉวยเอาหยกขาวพันปีไปและสังหารมันโดยตรง ต่อให้มันต่อสู้อย่างสุดชีวิต มันก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
ทว่าฉินอวี้โม่ก็มิได้เลือกใช้ไม้แข็งกับพวกมันซึ่งทำให้อินทรีหิมะถูกใจอย่างยิ่ง เพราะเหตุนั้นมันจึงไม่คัดค้านกับการเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ ในขณะเดียวกัน การที่หยกขาวพันปีกลายเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่แล้ว การตัดสินใจที่จะยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่ของมันก็ง่ายดายมากขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ ตราบใดที่เจ้ายินดี ข้าก็มีความสุขมาก การที่มีอสูรทรงพลังอย่างเจ้าเข้าร่วมกองทัพอสูรของข้าเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าก็ยินดีต้อนรับเจ้ามาก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างพึงพอใจ นี่เป็นผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เดิมทีนางคิดว่าการสยบอินทรีหิมะที่หัวรั้นตัวนี้จะยุ่งยากและซับซ้อนไม่น้อย อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ก็นับว่าน่าประหลาดใจทีเดียว
อินทรีหิมะยิ้มและทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่ทันที
จากนั้นเสี่ยวจินก็พาอินทรีหิมะไปแนะนำตัวกับสหายอื่น ๆ โดยตรง ทว่าในเวลาเพียงไม่นาน ไม่คาดคิดว่าอินทรีหิมะและอสูรตัวอื่น ๆ ก็เริ่มจับกลุ่มและเล่นสนุกด้วยกันแล้ว
“นายหญิง การเดินทางมาทุ่งหิมะทางเหนือในครานี้ ถือว่าได้รับการเก็บเกี่ยวที่ไม่น้อยเลย”
มารยายิ้มและมองดูเหล่าอสูรที่ดูมีชีวิตชีวาพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า
“เป็นจริงอย่างที่ว่า”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและนึกถึงผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่นางนำไปวางไว้ในห้องของฉู่เจี๋ยก่อนหน้านี้ ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์นี้มีประโยชน์สำหรับฉู่เจี๋ยอย่างยิ่งและบุรุษหนุ่มผู้นั้นน่าจะฟื้นขึ้นในอีกไม่นาน
หลังจากการเดินทางนานสองวัน ทุกคนก็มาถึงอาณาเขตของเทือกเขาหิมะ
ระหว่างเดินทาง ฉินอวี้โม่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองให้กับซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ได้ทราบอย่างคร่าว ๆ พร้อมกับเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง
แน่นอนว่าทุกคนตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่เป็นโฉมนารีงดงามที่สะเทือนทั้งใต้หล้า
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใจดีว่าฉินอวี้โม่มีเหตุผลในการปลอมตัวอำพรางเป็นบุรุษเช่นนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อได้ทราบตัวตนที่แท้จริงของนางแล้ว พวกเขาก็ไม่เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ
เมื่อมาถึงเทือกเขาหิมะ ฉินเฟิงก็ตามซวงเสวี่ย เหมาซานและคนอื่น ๆ ไปจัดการสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่ฉินอวี้โม่ไปที่ห้องพักห้องหนึ่งเพื่อทำการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคฤหาสน์เฟิงหัว
นางเริ่มจากการหลอมวัสดุสิ่งหลอมทั้งหมดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก่อนหลอมพวกมันเข้ากับคฤหาสน์เฟิงหัว จากนั้นนางก็ระบุตำแหน่งตรงกลางของคฤหาสน์ที่ด้านซ้ายและด้านขวาสมมาตรกันก่อนวางผลึกหัวใจมายาลงในด้านซ้าย และในขณะเดียวกัน หยกขาวพันปีก็ปลดปล่อยพลังงานของมันไปที่จุดทางด้านขวา
หลังจากหนึ่งวันผ่านไป จู่ ๆ คฤหาสน์เฟิงหัวก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าจนทำให้ทั่วทั้งอาณาเขตของเทือกเขาหิมะสว่างไปตามกัน
กลุ่มเมฆที่ดูรุ่งเรืองเป็นมงคลจับกลุ่มปรากฏกลางอากาศและพลังฟ้าดินเริ่มผันผวนเปลี่ยนแปลง
ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงรีบมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อดูให้เห็นกับตาตนเองว่าสภาพของคฤหาสน์เฟิงหัวที่พัฒนาขึ้นมาใหม่จะเป็นอย่างไร
ฉินอวี้โม่เดินนำทุกคนก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวโฉมใหม่ก่อนอนุญาตให้ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ตามเข้าไปเช่นกัน
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่ก็ตะลึงงัน ใบหน้าของนางในเวลานี้แสดงถึงความตื่นตาและประหลาดใจเจือด้วยความพึงพอใจอย่างที่สุด
เดิมทีนางคิดว่าคฤหาสน์เฟิงหัวน่าจะแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากการพัฒนาปรับปรุง ไม่คิดเลยว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริงจะเหนือกว่าความคาดหมายของนางไปมาก
คฤหาสน์เฟิงหัวซึ่งเคยเป็นเพียงคฤหาสน์ในตอนนี้ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัวและกลายเป็นนครขนาดใหญ่ไปแล้ว !
อาคารงดงามแจ่มจรัส สภาวะพลังหนาแน่นและสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับโลกภายนอกจนแทบแยกไม่ออก ทุกอย่างล้วนสร้างความตื่นตาให้กับนาง
และลักษณะของนครใหญ่ในตอนนี้ก็เหมือนกับเมืองปักกิ่งโบราณในชาติที่แล้วของนางไม่มีผิด มันงดงามจนเกินจะพรรณนา
“สวรรค์ ! ช่างเป็นนครที่งดงามยิ่งนัก !”
ซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ที่ตามเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้พวกเขากำลังลอยตัวกลางอากาศและมองดูเมืองที่สวยตระการตาตรงหน้า แม้แต่ฮั่วอู่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ
“ช่างงดงามยิ่งนัก เกรงว่าคงมีเพียงท่านผู้นำอวี้โม่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถสร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้”
ซวงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมออกมา ผู้ที่สามารถเนรมิตนครที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้คงมีเพียงแค่ฉินอวี้โม่เพียงคนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เป็นเพียงคฤหาสน์มิติของฉินอวี้โม่เท่านั้น
“อวี้โม่ มีคุณสมบัติใดของคฤหาสน์เฟิงหัวที่เปลี่ยนแปลงไปรึไม่ ?”
ฉินเฟิงเอ่ยถามพร้อมมองไปที่ฉินอวี้โม่ เขาสนใจและสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในด้านคุณสมบัติของมัน
ฉินอวี้โม่ก็ลองตรวจสอบดูและพบว่าคฤหาสน์เฟิงหัวโฉมใหม่เพียงเสริมคุณสมบัติเดิมให้แข็งแกร่งขึ้น ทว่าก็มีคุณสมบัติใหม่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่างโดยที่มิได้มีความเปลี่ยนแปลงอื่นใดอีก
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาทำให้ฉินอวี้โม่ชะงักค้างไปชั่วขณะก่อนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ปรับเปลี่ยนเวลา: นางสามารถตั้งเวลาในคฤหาสน์เฟิงได้ด้วยตัวเอง เวลาที่ช้าที่สุดคือหนึ่งวันของโลกภายนอกจะเท่ากับหนึ่งปีในคฤหาสน์เฟิงหัว และเวลาที่เร็วที่สุดคือหนึ่งวันในคฤหาสน์เฟิงหัวจะเท่ากับหนึ่งปีของโลกภายนอก
คุณสมบัตินี้อาจดูไร้ประโยชน์เมื่อได้ยินในแวบแรก ทว่าเมื่อลองไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มันก็เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
หากปรับชะลอเวลาในคฤหาสน์เฟิงหัวและทุกคนฝึกฝนอยู่ข้างในนี้ นั่นหมายความว่าในขณะที่จอมยุทธ์ทั่วไปฝึกฝนนานหนึ่งวัน พวกเขาก็จะฝึกฝนไปแล้วนานหนึ่งปีจากข้างในคฤหาสน์เฟิงหัว หากเป็นเช่นนั้น การที่พวกเขาจะไม่แข็งแกร่งขึ้นเลยก็คงจะเป็นไปได้ยาก
เมื่อนึกถึงคุณสมบัติวิเศษของมัน ใบหน้าของทุกคนก็เปี่ยมด้วยความสุข หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้พรสวรรค์ของพวกเขาจะไม่มากเท่ากับคนอื่น พวกเขาก็สามารถเข้าไปสั่งสมฝึกวิชาจนเทียบชั้นกับผู้ที่มากพรสวรรค์ได้
“เฮ้อ ช่างเป็นคฤหาสน์ที่ทรงพลังยิ่งนัก หากเรื่องคุณสมบัติของคฤหาสน์เฟิงหัวแพร่งพรายออกไป เกรงว่าขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายคงคิดจะเข้ามาแย่งชิงมันแน่”
เหมาซานทอดถอนหายใจก่อนเอ่ยเตือนทุกคน คุณสมบัติที่เหนือชั้นนี้อาจทำให้มันตกเป็นเป้าสายตาของขุมกำลังใหญ่ทั้งหลาย เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้จะปล่อยให้รั่วไหลออกไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
ทุกคนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไปแน่
“ต่อไปข้าจะฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่และความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นแน่!”
ฮั่วอู่ยิ้มกว้าง นางตัดสินใจแล้วว่าหากต้องการฝึกยุทธ์ในภายภาคหน้า หากว่าฉินอวี้โม่อนุญาต นางก็จะขอเข้ามาฝึกในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างแน่นอน
“ได้สิ หากพวกท่านมีเวลาว่างและต้องการฝึกฝนฝีมือ เชิญมาที่คฤหาสน์เฟิงหัวของข้าได้เลย ข้าหวังว่าเราทั้งหมดจะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังและไม่รู้จักอีกมากมายในอนาคต”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวด้วยความยินดี
หลังจากพูดคุยกันในคฤหาสน์เฟิงหัวพักใหญ่ ทุกคนก็กลับออกไป เพียงแต่เมื่อกลับออกไปสู่โลกภายนอก พวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายในทันที
.