คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 488 ฉู่เจี๋ยฟื้นแล้ว
หลังจากที่ได้นัดพบกันอีกคราในงานชุมนุมดินแดนเหนือ ฉินอวี้โม่ก็ออกจากนิกายเพลิงแดงเดือดไปและขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงไปยังเมืองอื่นทันที
งานชุมนุมต่อสู้เพื่อชิงความเป็นใหญ่ของดินแดนทางเหนือจะจัดขึ้นในเมืองศูนย์กลางของดินแดนทางเหนือซึ่งมีชื่อว่าเมืองฉางอาน
เดิมทีฉินอวี้โม่คิดว่าเมืองฉางอานน่าจะเหมือนกับเมืองในชีวิตก่อนและตั้งอยู่ในตำแหน่งภูมิศาสตร์เดียวกับในหนังสือประวัติศาสตร์ที่เคยเล่าเรียน แต่ทว่า…นางคิดผิดไปถนัด
ดินแดนเทพมายาแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดที่คล้ายคลึงกับรูปแบบผังเมืองหรือลักษณะทางภูมิศาสตร์ของดินแดนในชีวิตก่อนของนักฆ่าสาวมือพระกาฬเลยสักนิด
“นายหญิง เรามาถึงเมืองฉางอานแล้ว เพียงแต่ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าที่จะถึงวันเริ่มงานชุมนุมดินแดนเหนือ ดูเหมือนว่าจะยังมีคนเดินทางมาที่นี่ไม่มากนัก”
หลังจากเดินท่องไปรอบ ๆ เมืองฉางอาน ฉินอวี้โม่ก็มุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งและเช่าห้องพักอยู่ที่นั่น หลังจากเข้าไปในห้องพัก นางก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที
“อีกไม่นานก็คงจะมีคนเดินทางมาที่นี่เพื่อรับชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นกันแล้ว ถึงอย่างไรแล้วงานชุมนุมดินแดนเหนือก็เป็นกิจกรรมที่คึกคักและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลายคนจะต้องอดใจไม่ไหวและมาเพื่อชมเรื่องสนุก ๆ เป็นแน่”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ นางคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกกว่าสิบห้าวันก่อนถึงงานชุมนุมดินแดนเหนือ เมื่อถึงตอนนั้น นางเชื่อว่าจะมีผู้คนเดินทางหลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันที่เมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมากแน่
“ข้าได้ยินว่าอีกสิบวันข้างหน้าจะมีงานประมูลครั้งใหญ่ในโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางอาน—โรงประมูลรั่วอาน เราจะไปที่นั่นกันรึไม่ ?”
เต่ามังกรเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้มันออกไปสืบหาข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเมืองนี้และแน่นอนว่ามันก็ทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าข้าต้องไป ดินแดนเทพมายากว้างใหญ่กว่าดินแดนทั้งหมดที่ข้าเคยอยู่มากนัก งานประมูลของที่นี่ก็ย่อมแตกต่างออกไป หากได้สมบัติที่ล้ำค่าบางอย่างมา มันก็คงจะดีไม่น้อย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างตื่นเต้น เมื่อมาถึงเมืองฉางอานแห่งนี้ นางได้ส่งอสูรมายาทั้งหมดออกไปสืบหาข่าวคราวจากรอบด้าน
เมื่อเต่ามังกรและอสูรอื่น ๆ ได้เบาะแสข่าวกลับมา แน่นอนว่าพวกมันก็อดใจรอที่จะรายงานให้ผู้เป็นนายทราบไม่ได้
“นายหญิง นายหญิง ! มาดูนี่เร็ว ! ดูเหมือนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับฉู่เจี๋ย !”
จู่ ๆ เสี่ยวเยี่ยผู้ซึ่งเฝ้าดูฉู่เจี๋ยมาตลอดก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังปนตื่นเต้น
เมื่อได้ยินว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับฉู่เจี๋ย สีหน้าของฉินอวี้โม่ก็แสดงถึงความสุขทันที นางไม่รอช้าและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องที่เขาพักฟื้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงห้องของฉู่เจี๋ย นางก็เห็นเสี่ยวเยี่ยและอสูรอื่น ๆ ยืนรายล้อมรอบบุรุษหนุ่มผู้หลับใหลและพวกมันมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย
เด็กน้อยอ้ายฉือและอ้ายโม่ที่เล่นสนุกอยู่ไม่ไกลจากฉู่เจี๋ย เมื่อเห็นมารดาปรี่เข้ามา ขาเล็ก ๆ ของทั้งสองก็วิ่งตรงเข้าไปหานางและโผเข้ากอดทันที เจ้าหนูทั้งสองมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยราวกับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉู่เจี๋ย
เวลานี้เตียงที่รองรับร่างของฉู่เจี๋ยปกคลุมไปด้วยสภาวะพลังมหาศาลจนแม้แต่ฉินอวี้โม่ก็เข้าไปใกล้ได้ยาก พลังเหล่านั้นไม่เพียงแต่แกร่งกล้ามากเท่านั้นทว่ายังประหลาดพิกลจนหัวใจของนางสั่นไหวเล็กน้อย
“นายหญิง ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากทุ่งหิมะทางเหนือก่อนหน้านี้ทำให้ฉู่เจี๋ยเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีคุณสมบัติธาตุน้ำแข็งที่โดดเด่นอยู่แล้วและเหมาะสำหรับการบ่มเพาะธาตุน้ำแข็งเป็นที่สุด เมื่อดูดซับผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์เข้าไป พลังงานส่วนใหญ่ในร่างกายและพลังมายาก็ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป มันจึงนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นนี้”
มารยายิ้มกว้างและกล่าวอธิบายกับฉินอวี้โม่ว่าสถานการณ์ของฉู่เจี๋ยไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล หากมารยาคาดเดาไม่ผิด คาดว่าอีกไม่นานฉู่เจี๋ยก็จะตื่นลืมตาขึ้นมา
ฉินอวี้โม่เข้าใจคำอธิบายของมารยาทันทีและเมื่อคำนวณจากเวลาแล้ว ฉู่เจี๋ยก็น่าจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่นาน นางจึงไม่ออกไปข้างนอกและเลือกที่จะนั่งรออยู่ภายในห้อง
“หม่า~ ม๊า~ อา…”
ทันใดนั้น อ้ายโม่ก็พึมพำบางอย่างออกมาและนิ้วมือเล็กชี้ตรงไปที่ฉู่เจี๋ยราวกับต้องการบอกบางอย่าง
เจ้าหนูทั้งสองยังเด็กมากและเอ่ยวาจาได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้น บางครามันก็ยากที่ฉินอวี้โม่จะฟังและจับใจความได้
ทว่าตอนนี้นางเข้าใจได้ทันทีว่าเสี่ยวอ้ายโม่ต้องการที่จะสื่ออะไร หากนางคิดไม่ผิด เสี่ยวอ้ายโม่ก็รู้สึกได้ว่าฉู่เจี๋ยกำลังจะตื่นขึ้นแล้ว เด็กน้อยจึงพึมพำเช่นนั้นออกมา
“เสี่ยวอ้ายโม่ อาฉู่เจี๋ยกำลังจะฟื้นแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่ ?”
หลังจากจรดริมฝีปากจุมพิตเสี่ยวอ้ายโม่ ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“ดีใจ ดีใจ !”
เสี่ยวอ้ายฉือซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหันจนฉินอวี้โม่อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
แม้ว่าแฝดทั้งสองคนจะยังเด็กมาก พวกเขาก็มีลักษณะนิสัยและอารมณ์ที่ชัดเจนของตนเองแล้ว เสี่ยวอ้ายโม่มีความกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ นางชอบพูดคุยและหยอกล้อเล่นกับผู้คนมากมาย ในขณะที่เสี่ยวอ้ายฉือเป็นเหมือนกับบิดาของเขามากด้วยความนิ่งสงบเยือกเย็นและไม่พูดคุยจ้อแจ้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ายังเป็นเด็กตัวน้อยนิด แต่ท่าทางของเสี่ยวอ้ายฉือก็ดูเหมือนกับเป็นผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องราวมากมาย
“แม่ก็ดีใจเช่นกัน ฉู่เจี๋ยหลับใหลมานานหลายปีแล้วและถึงเวลาที่เขาจะตื่นขึ้นมาเสียที หากได้รู้จักกับเขา ลูกทั้งสองจะต้องชอบเขาแน่”
ฉินอวี้โม่กล่าวก่อนหอมแก้มบุตรชายส่งผลให้ใบหน้าของเสี่ยวอ้ายฉือแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่นางพูดอยู่นั้น ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าบนเตียงของฉู่เจี๋ยมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เวลานี้มีแรงดึงดูดมหาศาลอยู่ในบริเวณนั้นจนนางรู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อย
หากมิใช่เพราะพลังที่แกร่งกล้าของนาง นางก็คงถูกดึงดูดเข้าไปโดยพลังมหาศาลนั้นแล้ว
“นายหญิง ไม่ต้องห่วง นี่คือกระบวนการทะลวงพลังของฉู่เจี๋ย ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาคงจะบ่มเพาะตนเองอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าเขาน่าจะอยู่ในมิติพิเศษบางแห่งและได้พบกับโอกาสบางอย่างมา นั่นคือสาเหตุที่เขามีความคืบหน้าครั้งใหญ่อย่างที่เห็น”
มารยากล่าวพร้อมรอยยิ้มเพื่อมิให้ฉินอวี้โม่กังวล ตลอดช่วงที่ผ่านมา อสูรมายาเหล่านี้ทำหน้าที่ดูแลและจับตาดูความเปลี่ยนแปลงของฉู่เจี๋ยมาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดที่จะเข้าใจสถานการณ์ของเขาไปมากกว่าพวกมันอีกแล้ว
ระหว่างช่วงที่ผ่านมานี้ ถึงแม้ว่าใบหน้าของฉู่เจี๋ยจะมีเลือดฝาดและระเรื่อขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวจนดีขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังเข้าใกล้การทะลวงพลัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ทะลวงพลังไม่ได้สักที
มารยาเข้าใจดีว่าน่าจะเป็นเพราะสภาวะหลับใหลไม่รู้สึกตัวของฉู่เจี๋ยที่ทำให้เขาทะลวงพลังไปไม่ได้ ทว่าหากเขาฟื้นขึ้นมา มันเป็นเวลาที่พลังของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะเหตุนั้น เมื่อสัมผัสถึงความพิกลภายในห้อง อสูรสาวจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉินอวี้โม่กอดบุตรน้อยทั้งสองไว้แน่น แม้ว่าแรงดึงดูดบริเวณเตียงของฉู่เจี๋ยจะรุนแรงมาก นางก็ยังนิ่งอยู่กับที่อย่างมั่นคงโดยไม่มีความเคลื่อนไหวใด
ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป แรงดึงดูดจากเตียงก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยและบรรยากาศในห้องก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม
“นายหญิง เขาน่าจะใกล้ฟื้นแล้ว”
มารยากล่าวกับฉินอวี้โม่และเดินเข้าไปใกล้ฉู่เจี๋ยอย่างช้า ๆ
ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้างและเดินเข้าไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้แม้ว่านางจะไม่ได้สัมผัสถึงสิ่งใด ทว่าตอนนี้นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของฉู่เจี๋ยทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของเขาในตอนนี้ก็ชมพูระเรื่ออย่างยิ่ง แม้ว่าเขาไม่ได้รับประทานอาหารมากนัก เขาก็มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นและสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
จากสิ่งที่เห็นนี้ ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ของเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิงและเขาก็ฟื้นตัวโดยสมบูรณ์จนกลายเป็นคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์โดดเด่น
หลังจากนั่งอยู่ข้างเตียงต่อไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ในที่สุดฉู่เจี๋ยผู้ซึ่งหลับใหลมานานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
เพียงเขาลืมตา ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงแรงกดดันอันทรงพลังได้ในทันที แรงกดดันนี้ดูจะแกร่งกล้ากว่าแรงกดดันของจอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนเสียอีก แม้แต่ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกอิจฉาริษยาไปชั่วขณะ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แม้ว่าฉู่เจี๋ยจะหลับใหลไม่รู้สึกตัวไปเป็นเวลานาน ทว่าเขาก็กำลังฝึกยุทธ์อยู่ในมิติพิเศษบางอย่าง
และเมื่อไม่นานมานี้ พลังเยือกแข็งก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาซึ่งเร่งอัตราความเร็วในการฝึกยุทธ์ของเขาได้เป็นอย่างมาก วันนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงบางอย่างในมิตินั้นและสามารถออกมาจากมันได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือสีหน้าเหนื่อยล้าของฉินอวี้โม่ ทว่านั่นมิอาจบดบังความงามที่ไร้ที่ติของนางได้เลย
เมื่ออยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่ก็มักจะอยู่ในรูปลักษณ์เดิมของตนเองเสมอและนางไม่เคยปลอมตัวหรือแต่งตัวปกปิดแต่อย่างใด เพราะเหตุนั้นฉู่เจี๋ยจึงจำพี่สาวผู้นี้ได้ตั้งแต่แวบแรก
“พี่อวี้โม่…”
ฉู่เจี๋ยพึมพำเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดมานานหลายปี เป็นธรรมดาที่เสียงของเขาจะแหบพร่าอย่างชัดเจนเช่นตอนนี้
เมื่อได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าของฉู่เจี๋ย ทว่าเสียงและจังหวะวาจาของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากและหยดน้ำใสเริ่มรื้นในดวงตาด้วยความดีใจ
สำหรับเรื่องของฉู่เจี๋ย นางรู้สึกสิ้นหวังมาเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาพักฟื้นอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยที่ไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยและนางก็กังวลเป็นห่วงเขาไม่คลาย ตอนนี้เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาในที่สุด นางก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้และมีความสุขอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเจี๋ย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นเสียที”
ฉินอวี้โม่เดินเข้าไปประชิดตัวและนั่งลงข้างเตียง เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ก็มองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาใคร่รู้และมีรอยยิ้มกว้าง มิอาจทราบได้ว่าเด็กน้อยทั้งสองกำลังคิดสิ่งใดอยู่
“พี่อวี้โม่ เจ้าตัวน้อยสองคนนี้คือลูกของท่าน…อ้ายฉือและอ้ายโม่”
ฉู่เจี๋ยพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางอิดโรย ตอนนี้เขายังไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก
เขาอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้สึกตัวมานานและต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อปรับตัวและปรับสมดุลของร่างกาย
ฉินอวี้โม่ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อได้ยินฉู่เจี๋ยเอ่ยชื่อของบุตรน้อยทั้งสอง
“พี่อวี้โม่ ข้าได้ยินบทสนทนาในแต่ละวันของท่าน เพียงแต่ข้าติดอยู่ในมิติปิดและฝึกยุทธ์อย่างหนัก ถึงแม้ข้าอยากจะออกมาพูดคุยกับท่าน ข้าก็มิอาจทำได้ เมื่อทราบว่าท่านให้กำเนิดบุตรทั้งสอง ข้าก็มีความสุขและยินดีกับท่านมาก ทว่า…ข้าก็เสียใจไม่น้อยเลยที่ไม่ได้มีโอกาสออกมาแสดงความยินดีกับท่านตั้งแต่แรก”
แท้ที่จริง ฉู่เจี๋ยทราบเรื่องราวทั้งหมดที่ฉินอวี้โม่และอสูรมายาพูดคุยกันภายในคฤหาสน์เฟิงหัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขามิอาจลืมตาขึ้นมาหรือกล่าวแสดงความคิดเห็นของตนได้เลย
ฉินอวี้โม่ปกป้องดูแลเขาและเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจมาเสมอ เขาตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างดี เขาต้องการขอบคุณสำหรับความจริงใจและความเมตตาของนาง เมื่อฉินอวี้โม่ตกอยู่ในอันตราย เขาก็ต้องการออกมาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้เลย เขาทำได้เพียงภาวนาอยู่ในใจและรีบฝึกยุทธ์โดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะออกมาช่วยฉินอวี้โม่ได้
และในที่สุดตอนนี้เขาก็ฟื้นขึ้นมาและออกจากมิติพิเศษแห่งนั้นได้แล้ว รวมถึงครอบครองพลังอำนาจที่แข็งแกร่งมาด้วย ต่อไปนี้เขาจะได้ต่อสู้เคียงข้างกับฉินอวี้โม่และไม่ต้องเป็นตัวถ่วงของนางอีกต่อไป
“เสี่ยวเจี๋ย ข้าเข้าใจเจ้าดี เจ้าไม่ต้องพูดอะไรหรอก ในเมื่อตอนนี้เจ้าฟื้นขึ้นแล้ว ข้าก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ตราบใดที่เราทั้งหมดสบายดี นั่นก็เป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างสุขใจ การตื่นลืมตาของฉู่เจี๋ยทำให้นางรู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด
.